โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

รู้จัก 4 สารอันตราย ใน 'ครีมเร่งขาว' ภัยร้ายคู่ค่านิยม 'ความขาว'

MATICHON ONLINE

อัพเดต 10 มี.ค. 2564 เวลา 04.18 น. • เผยแพร่ 10 มี.ค. 2564 เวลา 04.18 น.
ภัยครีมเร่งขาว_นำ

รู้จัก 4 สารอันตราย ใน ‘ครีมเร่งขาว’ ภัยร้ายคู่ค่านิยม ‘ความขาว’

สําหรับสาวๆ ที่อยากขาวและพยายามสรรหาผลิตภัณฑ์มาบำรุงเพื่อให้ “ผิวขาว” นั้น ขอเตือนว่า ก่อนเลือกผลิตภัณฑ์ใดๆ มาใช้ให้พิจารณาให้ถ้วนถี่ ไม่เช่นนั้นอาจเจอ “ครีมเร่งขาว” ที่เป็นอันตรายได้ง่ายๆ

แพทย์หญิงณัฐินี จิตครองธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตจ ศัลยศาสตร์ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลเรื่องอันตรายจากครีมเร่งขาวไว้ว่า “ตัวครีมเร่งขาวส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสารอันตรายอยู่ 4 ตัว ที่มีฤทธิ์ลอกผิว ทำให้เซลล์ผิวผลัดเร็วกว่าปกติ และทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น และหากใช้เป็นเวลานาน ร่างกายดูดซึมสารเหล่านี้เข้าไปปริมาณมาก ก็จะส่งผลเสียกับอวัยวะภายใน จนเป็นอันตรายร้ายแรง

“โดยทั่วไปแล้ว ครีมเร่งขาวจะมีสารเคมีที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อม สภาพเป็นส่วนผสมหลักอยู่แล้ว ซึ่งถ้าโชคดี ครีมที่ว่าก็อาจมีสารอันตรายผสมอยู่ 1-2 ชนิด แต่ถ้าบังเอิญหยิบไปเจอแจ๊กพ็อตเมื่อไร ครีมเร่งขาวกระปุกนั้นก็อาจมี สารปรอท, ไฮโดรควิโนน, กรดวิตามินเอ และสเตียรอยด์ กวนรวมกันอยู่ครบครันเลยก็ได้”

ทั้งนี้ “ปรอท” จะลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน เเละทำให้เซลล์ผิวหนังผลัดไวมากขึ้น จึงทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว“ไฮโดรควิโนน” จะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสร้างเม็ดสี จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้น“กรดวิตามินเอ” จะกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิว เร่งการผลัดเซลล์ของผิว รวมทั้งยับยั้งการสร้างเม็ดสี จึงทำให้รู้สึกว่าทาแล้วผิวขาว ส่วน “สเตียรอยด์” จะมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่นเดียวกันกับไฮโดรควิโนน

แพทย์หญิงณัฐินี เผยอีกว่า การใช้ครีมเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ จะทำให้เกิดการดูดซึมสารต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย จนเกิดอันตรายกับระบบต่างๆ ภายในร่างกายอย่างเรื้อรัง โดยกรดวิตามินเอทำให้เกิดภาวะผิวด่างหรือภาวะผิวคล้ำผิดปกติ และหากใช้ขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกพิการได้ ส่วนสเตียรอยด์จะทำให้เกิดตุ่มแดงคล้ายสิวจำนวนมาก ที่เราเรียกว่าสิวสเตียรอยด์ ต้นเหตุของรอยดำ-รอยแดง และปัญหาหลุมสิวถาวร ทั้ง ยังทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังหดหรือขยายตัวผิดปกติ รวมไปถึงปัญหาผิวแตกลายอย่างถาวรอีกด้วย

“ไฮโดรควิโนนและปรอทจะอันตรายกว่านั้น โดยผลเสียของการใช้ไฮโดรควิโนน โดยไม่อยู่ในการดูแลของแพทย์ จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดได้ง่าย เกิดผิวคล้ำและฝ้าถาวร ส่วนกรณีร้ายแรงยังอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังในอนาคต

“ด้านปรอทถือเป็นสารที่สะสมในร่างกายได้เร็วที่สุด และส่งผลร้ายแรงที่สุดเช่นเดียวกัน เริ่มจากมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนัก ลด ปลายประสาทอักเสบ ทำให้มือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ทรงตัวผิดปกติ ชัก หรือเกิดอาการประสาทหลอน และยังทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรัง รวมถึงผลเสียต่อระบบหัวใจ ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง หัวใจเต้นผิด จังหวะ จนถึงอันตรายต่อชีวิต”

วิธีการป้องกันอันตรายจากสิ่งเหล่านี้ที่ดีที่สุด ก็คงจะเป็นการไม่หยิบมาใช้ตั้งแต่แรก แต่หากใครเผลอใช้ครีมเหล่านี้แบบไม่ตั้งใจ จนเกิดผลข้างเคียงกับผิว คำแนะนำเดียวคือให้หยุดใช้ แล้วรีบไปพบแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิว ความรุนแรงของผลข้างเคียง แล้วค่อยทำการรักษาในลำดับถัดไป

ส่วนอีกคำแนะนำหนึ่งจากคุณหมอณัฐินี ก็คือให้ลองวางค่านิยม ของการมีผิวขาวลงก่อน แล้วตัดครีมเร่งขาวออกจากตัวเลือกในใจ เปลี่ยนเป็นครีมชุ่มชื้นที่เหมาะกับสภาพผิวของเราเอง จะทำให้เซลล์ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน ดูเนียนกระจ่างใส

ที่สำคัญคือใส่ความมั่นใจลงไปอีกนิดว่า “ผิวของเรานั้นดูดี ในแบบที่เป็นตัวของตัวเองที่สุดแล้ว”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0