โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ปัญหาโลกแตก! เมื่อ work จนไร้ balance ต้องรีบจัดการก่อนจะพัง

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 14 เม.ย. 2565 เวลา 17.00 น. • nawa.
People vector created by pch.vector - www.freepik.com
People vector created by pch.vector - www.freepik.com

เคยทำงานจนรู้สึกว่าไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาใช้ชีวิตเลยบ้างไหมคะ? เชื่อว่าหลาย ๆ คนเคยประสบพบเจอกันอยู่บ้างที่ต้องแบ่งเวลาส่วนตัวไปทุ่มให้งานจนหมด สุดท้ายแล้วเกิดเป็นความเครียด เกิดภาวะหมดไฟ ลามไปถึงมีปัญหากับความสัมพันธ์รอบข้าง เพราะแทบจะหาเวลาไปให้เรื่องอื่นไม่ได้เลย ยิ่งช่วง work from home ยิ่งแล้วใหญ่ ทำงานตั้งแต่ไก่โห่จนดึกดื่น มือก็ยังอยู่บนแป้นพิมพ์ ทำให้ชีวิตขาดสมดุลระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไปโดยปริยาย หรือที่ชอบเรียกกันว่า work ไร้ balance นั่นแหละค่ะ

มันคงจะดีกว่าถ้าเรารีบจัดการชีวิตให้กลับมาลงตัวอีกครั้ง ทำงานแบบมีขอบเขต ชีวิตก็จะมีความสุขขึ้นได้ หากได้ลอง 6 วิธีนี้รับรองว่าคุณจะกำจัดปัญหา work ไร้ balance มาสู่ work-life-balance ได้อีกครั้ง!

1. หาสาเหตุ

หากจะแก้ปัญหา ก็ต้องรู้สาเหตุของปัญหาก่อน เริ่มแรกลองมานั่งคิดทบทวนว่าปัญหาของการไม่มี Work-life-balance เกิดจากอะไร

-ดองงานเองหรือเปล่า

-เดดไลน์ใกล้ชิดเกินไปหรือไม่

-บ้างานเกินไปใช่ไหม

-เนื้องานยากเกินไป ไม่ถนัดจนต้องใช้เวลาเยอะ

-ไม่ยอมแบ่งงานให้คนอื่นช่วย

-ฯลฯ

พอรู้สาเหตุก็ต้องนั่งหาทางแก้ไปทีละจุด หากเราเป็นคนบ้างานเกินไปเองก็ต้องเพลา ๆ และหาสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากงานทำบ้าง ชีวิตไม่ได้มีแค่มุมเรื่องงานนะ หรือหากใคร ๆ ก็เอาแต่โยนภาระงานมาให้เราคนเดียว แบกรับไว้จนทำไม่ทัน กินเวลาชีวิตไปหมด ก็ต้องหาเครื่องมือหรือหาคนช่วย เราไม่ใช่เครื่องจักรที่จะทำคนเดียวได้ตลอดไปหรอกค่ะ หรือมัวแต่ดองงานจนในที่สุดถึงเวลาส่งงานแต่ทำไม่ทัน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ปั่นงาน แบบนี้ก็ต้องแก้ที่นิสัยตัวเองด่วน ๆ รีบเคลียร์ให้เสร็จก่อนถึงเวลา จะได้มีชีวิตส่วนตัวและมีเวลาหายใจทิ้งขว้างบ้างนะ

2. มีวินัย

สิ่งที่ทำให้ชีวิตขาดสมดุลระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เป็นผลมาจาก ‘ความไม่มีวินัย’ จากตัวเองและเพื่อนร่วมงาน ความมีวินัยที่พูดถึงคือเรื่องกรอบเวลาการทำงาน ตรงที่ทุกคนควรรับรู้โดยทั่วกันว่าเวลาทำงานจริง ๆ เริ่มตั้งแต่กี่โมง เวลาพักเที่ยงคือกี่โมง เวลาเลิกงานคือกี่โมง วันหยุดคือวันไหนบ้าง สิ่งที่ต้องตระหนักไว้คือนอกเหนือเวลางานไม่ควรแอกทีฟ บางคนอาจมีกฎให้กับตัวเองเลยว่า เลิกงานไม่ตอบข้อความแล้วนะ, พักเที่ยงขอกินข้าว กินกาแฟชั่วโมงนึงนะ, วันหยุดขอใช้เวลากับคนใกล้ชิดนะ หรือหากมีเรื่องด่วนจริง ๆ เท่านั้นถึงจะยอมลงมือทำงานให้ ตรงส่วนนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกใจของแต่ละคน และก็ต้องมีระเบียบวินัยที่ชัดเจน ไม่ก้าวก่ายเวลาคนอื่น และไม่ก้าวก่ายเวลาของตัวเอง ไม่เช่นนั้นมันจะเลยเถิดไปเรื่อย ๆ

3. จัดลำดับความสำคัญ

บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากหน้าที่นั้นมีเราคนเดียวที่สามารถจัดการมัน งานก็เลยมาพอกพูนที่คน ๆ เดียว ถ้าเป็นปัญหานี้ ลองเทงานทั้งหมดออกมากองไว้ แล้วจัดลำดับความสำคัญว่างานไหนควรทำก่อนโดยเร็วที่สุด งานไหนทำตามทีหลังได้ แนะนำให้ทำงานง่าย ๆ ก่อนจะได้มีเวลาเหลือไปจัดการงานยาก ๆ ต่อ หากมัวแต่จมอยู่กับงานยาก ไม่เสร็จเสียที จะเป็นการเสียเวลาเปล่า ๆ แถมงานก็ยังไม่ถูกเคลียร์ไปเลยด้วย แบบนี้จะยิ่งไร้บาลานซ์เข้าไปอีก

4. ดูแลสุขภาพจิตด้วย

สำรวจตัวเองบ่อย ๆ ว่าเรากำลังทำอะไร มีความสุขหรือไม่ มีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างหรือเปล่า อย่าลืมว่าชีวิตเราไม่ได้มีแค่เรื่องงาน เราเป็นมนุษย์ ต้องมีสังคม มีเวลาผ่อนคลายหัวใจ มีคนรอบข้างต้องดูแล อย่าทุ่มพลังทั้งหมดไปกับเรื่องเดียวจนไม่มีเวลาหายใจ สุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ในยุคนี้ บางครั้งเราก็หลงลืมมันไป จนกลายเป็นโรคเครียด มีภาวะไม่สบายใจเรื้อรัง กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้แล้ว

อีกอย่างที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดที่จะต้องวางมือจากงาน เพราะไม่มีใครควรทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนเสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะมันไม่คุ้มที่จะต้องแลกกันหรอกค่ะ

5. อย่าลืมใช้ชีวิต!

เกิดมาแล้ว หนึ่งชีวิต มีเวลาว่างก็ใช้มันบ้าง พักผ่อนตามอัธยาศัย จริงอยู่ที่ทำงานแล้วจะได้เงินมาตอบแทนเวลาที่เสียไป แต่การใช้ชีวิตไปกับสิ่งที่ชอบ กับคนที่ใช่ ก็สำคัญกว่าเรื่องอื่น ๆ เพราะมันคือการเติมเต็มความสุขในหัวใจ ขนาดเครื่องจักรทำงานไปเรื่อย ๆ ยังต้องเติมพลังให้แบตเตอรีเลย ชีวิตคนก็เช่นกัน อย่าลืมเติมเชื้อเพลิงความสุขเป็นระยะ จะได้ไม่หมดไฟไปก่อนวัยอันควร

6. ใจเขาใจเรา

หากเราไม่ชอบใจอีเมลที่ส่งมาดึก ๆ ดื่น ๆ หรือข้อความเรื่องงานนอกเวลาทำงาน เราก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้กับเพื่อนร่วมงานเช่นกัน ไม่ชอบอะไรก็อย่าทำแบบนั้น ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย จะได้เข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่าย เคารพและให้เกียรติเวลาส่วนตัวของทุก ๆ คนให้มากที่สุด เพราะคนที่ทำงานแบบมืออาชีพจะรู้จักการบริหารจัดการเวลาไม่ให้ล่วงล้ำจนสร้างผลกระทบทางลบต่อคนอื่น

อย่าทำให้การทำงานจนรบกวนเวลาชีวิต กลายเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน จง work smart ไม่ใช่ work hard นะคะ

.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0