ต่อลมหายใจไปอีกครึ่งเดือน
เมื่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดอีกครั้ง 30 กันยาฯ ชี้ชะตาวาระนายกฯ 8 ปี ของ “บิ๊กตู่”ประยุทธ์ จันทร์โอชา
งานนี้คนที่ยังอิหลักอิเหลื่อ ต้องรอลุ้นผลจะออกหัวออกก้อย ก็ตัว “บิ๊กตู่” เอง แต่คนที่แฮปปี้สุด หนีไม่พ้น “พี่ใหญ่” ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ได้อยู่รักษาการนายกฯไปยาวๆ ยังได้ออกทัวร์ลงพื้นที่เช็กเรตติ้งกันอีกหลายจังหวัด
แต่ไม่ว่าผลการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร ดูแล้ว “ทีมแบ็กอัพอำนาจ” คงดีดลูกคิดรางแก้วแล้วเห็นว่า น่าจะลากกันไปได้ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว เพราะวันนี้ทีมอำนาจ 3 ป. กลายสภาพมาเป็นตัวถ่วง ที่ใช้ทรัพยากรอำนาจสุรุ่ยสุร่าย
ขนาดปล่อยให้เอกสารหลุดกันโต้งๆ ที่ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรธ. ที่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นกล้ากลืนน้ำลายที่ถ่มลงดินขึ้นมาหน้าตาเฉย ให้นับวาระ 8 ปีของ “บิ๊กตู่” นับแต่ที่รัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลบังคับใช้ ผู้คนสังคมก็ยังไม่อินไปกับ “เฒ่าเจ่าเล่ห์”
เสียยี่ห้อมือกฎหมาย ยาสามัญประจำบ้านเผด็จการหมด โดนสังคมตราหน้า “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” เสียคนตอนแก่ไปตามๆ กัน และจนถึงวันนี้ที่ศาลตั้งเรื่องสอบเอกสารหลุดก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
เดิมปม 8 ปีของ “บิ๊กตู่” ประยุทธ์ ทุกฝ่ายมองตรงกันว่าน่าจะไร้ปัญหา เพราะผู้ตัดสินชี้ขาดคือศาลรัฐธรรมนูญ 1 ในองคาพยพแม่น้ำ 5 สาย ที่ทีม 3 ป. ปั้นมากับมือ แต่หลังจากกระแสความนิยมในตัว “บิ๊กตู่” ดิ่งลงเหว ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ทำโพลชี้วัดกี่รอบต่อกี่รอบ ตัวเลขมันฟ้องอยู่ทนโท่
แม้จะสลับหน้าให้ “บิ๊กป้อม” ประวิตร ลองเชิงบทบาทผู้นำ(สำรอง)บ้าง ภาพที่ขนกองเชียร์มาเย้วๆ เอาใจลุง ถึงขั้นร้องขอให้เป็นผู้นำตัวจริงกันไปเลย มุกก็ยังแป่ก กลายแรงประสานด้านลบ ถ้าเป็นตลาดหุ้นก็ “แดงคากระดาน”ค้างเติ่งอยู่บนยอดเขา
มันก็ไม่แปลกที่บรรดานักการเมืองจมูกไว กับพวกขาใหญ่บิ๊กข้าราชการ จะพากันใส่เกียร์ว่าง เล่นไม่เต็มที่เหมือนเก่า
โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ที่วันนี้ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมกันแล้ว เผลอเปิดหลังเมื่อไหร่เป็นโดนเสียบพรุน ล่าสุดก็ ร่างพ.ร.บ.กัญชง-กัญชา นั่นไง “กัญชาเสรี” นโยบายเรือธงของภูมิใจไทย ที่กะจะเอามาใช้ปั่นแต้มหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ ถูกคว่ำไม่เป็นท่ากันกลางสภา ไม่ต้องไปนับฝ่ายค้านที่ออกโรงต้าน “กัญชาเสรี” มาตั้งแต่แรก
ตัวสำคัญคือพรรคร่วมรัฐบาลนั่นแหละ ประชาธิปัตย์เล่นบทเขี้ยวลากดิน ดาหน้าถล่มว่าเป็นนโยบายที่เอื้อแต่พวกนายทุนใหญ่ ขณะที่พรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ก็แสบใช่ย่อย ไม่ส่งคนอภิปรายสนับสนุนหรือคัดค้าน แต่พอถึงตอนโหวตก็กดรีโมตคว่ำกระดาน
เป็นเกมเอาคืน แถมยังสั่งสอน “เสี่ยหนู”อนุทิน เบาะๆว่าอย่าอหังการ์ซ่านัก เราเลยได้เห็นอาการ “เสี่ยหนู”หัวฟัดหัวเหวี่ยงควันออกหู
พรรคร่วมรัฐบาลฟัดกันนัว สภาพรัฐนาวาที่รอวันล่มสลาย บรรดาข้าราชการก็พลอยใส่เกียร์ว่าง รอรัฐบาลใหม่กันไปยาวๆ
ก็น่าสนใจว่าปม 8 ปีจะจบลงอย่างไร เพราะยังมีวาระสำคัญรอรับมือ คือการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก ที่ใกล้จะมาถึงเต็มแก่ นี่ถือเป็นอีกตัวแปลสำคัญ ที่จะบ่งชี้สถานะของ “นายกฯตู่” ได้เช่นกัน
วันนี้มองไปทางไหน ประเทศไทยก็เห็นแต่ปัญหา เพราะมีมือที่มองไม่เห็นผูกปมเอาไว้ ให้ประเทศอ่อนแอ ให้การเมืองอ่อนแอ
ตามสูตรสำเร็จ “แบ่งแยกแล้วปกครอง”
มันจึงเป็นคำตอบสุดท้าย กับข้อเสนอของฝ่ายค้าน ให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ ที่เป็นของประชาชนจริงๆ ไปพร้อมกับการเลือกตั้ง วัดใจประชาชนกันไปเลย
ปิ๊กกะจู้