วันที่ 18 เมษายน 2566 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เข้ายื่นเอกสารร้องทุกข์ที่ สำนักงาน ป.ป.ช.หลังได้รับมอบอำนาจ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับกลุ่มขบวนการ ร่วมกันลักทรัพย์รถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน , ร่วมกันรับของโจร , ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ) โดยนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หนังสือมอบอำนาจ จาก ผกก.โจ้ ใบแต่งตั้งทนายความ เอกสารแชทไลน์ และรายงานลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.ตลิ่งชัน เข้ามอบให้ สำนักงาน ป.ป.ช.ไว้เป็นหลักฐาน
โดย ผกก.โจ้ ได้ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคลองเปรม ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2564 ในคดีที่เคยตกเป็นข่าวโด่งดังก่อนหน้านี้ ต่อมา ผกก.โจ้ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ จูน ซึ่งเป็นน้องสาว แต่งตั้งให้นายณัฐ เป็นทนายความ โดยนายณัฐ ได้นำหนังสือมอบอำนาจของ ผกก.โจ้ ไปหลอกลวง จูน ให้เซ็นสัญญาซื้อขายรถยนต์ โดยให้ลงลายมือชื่อแต่ไม่ระบุข้อความใด ๆ และได้ให้เซ็นชื่อสำเนาบัตรประชาชน พร้อมระบุว่า “ใช้เฉพาะซื้อขายโอนรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์”
ต่อมาจูนสามารถติดต่อ ผกก.โจ้ได้ จึงทราบว่าถูกหลอก และได้ทวงถามเอกสารคืนจากทนายความของ ผกก.โจ้อีกคน ที่ดูแลคดีหลักให้ จากนั้นจูนได้ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 ทั้งนี้จูนได้รับหนังสือชี้แจง จากนายณัฐ ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ว่า ได้ส่งให้ นายตำรวจยศ ร.ต.อ.ไปหมดแล้ว และนายณัฐ ได้นำแชทไลน์ที่ได้คุยกับ ร.ต.อ.ส่งให้จูน จึงทราบว่า ร.ต.อ.คนดังกล่าวใช้โอนรถไปหมดแล้ว
และยังมีอีกหนึ่งประเด็นคือให้ดำเนินการเกี่ยวกับลูกชายของบิ๊กตำรวจ ปปง.ในฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฐานรำรวยผิดปกติ ในส่วนของตรงนี้นายอัจฉริยะได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ มาให้ทางด้านสำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีการตรวจสอบว่าจริงเท็จประการใด?
และนายอัจฉริยะก็ได้กล่าวเพิ่มเรื่องรถ ผกก.โจ้ ว่าในวันที่ 21 เมษายน 2566 นี้ จะมีการเเจ้งข้อหาเพิ่ม เนื่องจากทราบว่ากระบวนการดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมกระบวนการไม่น้อยกว่า 10 คน ซึ่งนายอัจฉริยะก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว 7 คน หากมีข้อมูลเพิ่มเติมทางสำนักข่าว We Report News จะเเจ้งให้ทราบต่อไป