โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

เกิดใหม่มาเป็นภรรยาสุดฮอต 80

นิยาย Dek-D

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • OfficeOnlybook
เกิดใหม่มาเป็นภรรยาสุดฮอต 80
กู้หนิงตั้งมั่นแล้วว่ากลับมาครั้งนี้…เธอจะร้าย! ดอกบัวขาวอย่างเธอสู้นางร้ายอย่างฉันได้หรือเปล่า?

ข้อมูลเบื้องต้น

เกิดใหม่มาเป็นภรรยาสุดฮอต80
*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้หจก. EnJoyBook ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
การแปลนี้จัดร่วมกับ SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
ลิขสิทธิ์แปลไทย ⓒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็นจอยบุ๊ค
---------------------------------------
นิยายแปลเรื่อง เกิดใหม่มาเป็นภรรยาสุดฮอต80
ผู้แต่ง :明中月 ผู้แปล : ทีมงาน Onlybook

เรื่องย่อ: ชาติก่อนกู้หนิงยอมน้องสาวฝาแฝดของตัวเองทุกอย่าง เมื่อเธอได้รับโอกาสหวนคืนชีวิตกลับมา นิ้วทองคำงั้นเหรอ? ขอโทษนะ แต่ฉันขอรับมันไว้แทน โอกาสในการเรียนต่อ? โทษที อันนี้ก็ด้วย! ลูกรักของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด? แน่นอนว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอช่วงชิงมันไปอีก และ…อดีตสามีคนนั้น? ขอโทษด้วย แต่ฉันไม่ต้องการผู้ชายสวะนั่นอีกแล้ว เธออยากได้ก็เอาไป!

** มี E-book เล่มที่ 1 แล้ว **
** วางจำหน่าย E-book ทุกสิ้นเดือน เดือนละ 1 เล่ม **
1 เล่มมีประมาณ 60 ตอนนะคะ

ติดตามข้อมูล ไม่พลาดการอัปเดตได้ที่ : Facebook
หรือพูดคุยกับแอดมินแบบรวดเร็ว แอดไลน์ : @onlybook

บทที่ 1 กลับมาเกิดใหม่ (รีไรท์)

บทที่ 1 กลับมาเกิดใหม่ (รีไรท์)

"กู้หนิง เรามาหย่ากันเถอะ"

ในฤดูหนาววันหนึ่ง ณ ห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โจวเหวินเยี่ยน จิตรกรชื่อดังกำลังจ้องมองภรรยาผู้อ่อนแอของตน และประกาศตัดความสัมพันธ์ชีวิตแต่งงานสิบปีอย่างเย็นชา

"ว่าไงนะ?"

"ฉะ…ฉันไม่เห็นด้วย" กู้หนิงวางมือลงบนหน้าท้องที่มีบาดแผลซึ่งยังไม่สมานตัวดีนัก เธอถึงกับยอมบริจาคไตให้น้องสาวฝาแฝดของตนเพื่อรักษาสามีคนนี้เอาไว้ การบริจาคไตทำให้อวัยวะภายในล้มเหลวอย่างรุนแรง แต่สามีก็ยังต้องการหย่ากับเธออยู่ดี!

"โจวเหวินเยี่ยน คุณลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับฉันตอนที่เราแต่งงานกันแล้วเหรอ?"

"เธอยังกล้าพูดถึงเรื่องนั้นออกมาอีกเหรอ?" โจวเหวินเยี่ยนพลันมีสีหน้าเย็นชา "ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้ปลอมตัวเป็นคนช่วยชีวิตฉันแทนเหยาเหยา ฉันจะมาแต่งงานกับเธอได้ยังไง?"

กู้หนิงถึงกับตะลึงอึ้งงัน ตอนนั้นเธอยอมเสี่ยงชีวิตช่วยโจวเหวินเยี่ยน ทว่าตอนนี้เธอกลับกลายเป็นตัวปลอมไปแล้วงั้นเหรอ?

กู้หนิงจ้องมองไปยังผู้รับบริจาคไตของเธอ ซึ่งนอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ และคนคนนั้นก็คือกู้เหยา

กู้หนิงหวังว่ากู้เหยาจะพูดช่วยเธอบ้าง ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคอยดูแลกู้เหยาดีแค่ไหน แม้แต่โจวเหวินเยี่ยนก็เอ็นดูน้องสาวฝาแฝดของเธอคนนี้มากที่สุด

โจวเหวินเยี่ยนย่อมเชื่อฟังคำเกลี้ยกล่อมของกู้เหยาแน่นอน

กู้เหยาเพิ่งผ่าตัดเสร็จได้ไม่ถึงสัปดาห์ แต่แก้มกลับแดงฝาด ใบหน้าเปล่งปลั่งไม่ซีดขาว ดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย

เธอถามพี่สาวด้วยน้ำเสียงติดจะขุ่นเคือง "พี่คะ พี่ยังจะปิดบังความจริงเรื่องนี้กับพี่เขยอยู่อีกเหรอ?"

"ตอนนั้นฉันเป็นคนช่วยชีวิตพี่เขย แต่จู่ ๆ ก็กลายเป็นพี่ที่มาสวมรอยช่วยชีวิตเขา ฉันยอมยกพี่เขยให้พี่มาตลอดสิบปี แต่ตอนนี้ฉันคงยอมไม่ได้แล้ว"

"อีกอย่าง ฉันเองก็รักพี่เขยเหมือนกัน!"

คำพูดนี้ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจกู้หนิง เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก

"แต่เธอรักโจวจื้อหย่วนไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ได้รอเขามาตลอดสิบปีหรอกเหรอ?" กู้หนิงถาม

เหตุผลที่เธอไม่เคยระแวงสงสัยกู้เหยาก็เพราะกู้เหยามีคนที่ชอบอยู่แล้วซึ่งก็คือโจวจื้อหย่วน เป็นอาเล็กที่ร่ำรวยของโจวเหวินเยี่ยน

กู้หนิงจึงให้กู้เหยาอยู่ข้างกายเธอมาโดยตลอด ทว่าเธอไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์จะลงเอยเช่นนี้

กู้เหยากับโจวเหวินเยี่ยนตกหลุมรักกัน! ในขณะที่เธอกลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่ทำลายความรักระหว่างคนทั้งสอง

กู้เหยาก้มหน้าลง น้ำเสียงของเธอฟังดูขัดเขิน "พี่คะ คนเราเปลี่ยนกันได้ อีกอย่าง พี่เขยก็รักฉันเหมือนกัน"

โจวจื้อหย่วนเป็นเหมือนดวงจันทร์ที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ดังนั้นกู้เหยาจึงต้องคว้าสิ่งที่คว้าได้เอาไว้ก่อน

หัวใจของกู้หนิงรวดร้าวจนแตกสลาย แววตาของเธอหม่นแสงลงก่อนจะถามขึ้นว่า "โจวเหวินเยี่ยน สิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า? คุณรักเธอจริง ๆ ใช่ไหม?"

นัยน์ตาของเธอดำขลับ ทำให้ผู้มองรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

โจวเหวินเยี่ยนไม่กล้ามองหน้าเธอตรง ๆ เขาขยับปากเอ่ยตอบอย่างรวดเร็วด้วยเสียงแผ่วเบา "ใช่ ฉันนึกว่าเธอคือเหยาเหยา แต่เธอมันตัวปลอม เหยาเหยาต่างหากที่เป็นตัวจริง" หลังจากชะงักไปเล็กน้อย เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ฉันรักเหยาเหยามาตั้งแต่ต้น ไม่ได้รักเธอ!"

แต่สุดท้ายเขาก็รู้สึกผิดจนต้องรีบหาข้ออ้าง "เธอหัดดูตัวเองหน่อยสิ หนังสือก็ไม่ได้เรียน เธอไม่ได้เป็นคนช่วยชีวิตฉัน จะมาเทียบกับเหยาเหยาที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยได้ยังไง"

หลังจากผ่านไปสิบปี ในที่สุดเธอก็ไม่มีอะไรดีอีกแล้ว ภรรยาที่น่าสงสารอย่างเธอคงต้องถูกบอกเลิก

หลังจากผ่านไปสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างของกู้หนิงก็กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในสายตาของสามีไปเสียหมด

หญิงสาวพลันรู้สึกเสียใจ เธอเนี่ยนะไม่ได้ช่วยชีวิตเขา? ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยอย่างนั้นเหรอ? เป็นเธอนี่แหละที่ช่วยชีวิตโจวเหวินเยี่ยน ทั้งยังมอบโอกาสให้กู้เหยาได้ไปเรียนต่อด้วย!

กู้หนิงปวดหัวจนแทบทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมาน้ำตาแทบเป็นสายเลือด "โจวเหวินเยี่ยน คุณเป็นสามีของฉัน ตลอดสิบปีที่แต่งงานกันมา คุณไม่เคยแตะต้องฉันเลย ฉันคงน่าเกลียดเกินไปสำหรับคุณสินะ?"

"กู้เหยา เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของฉัน ฉันสงสารที่เธอถูกรับไปเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ฉันสงสารที่เธอสุขภาพไม่ดีก็เลยยอมพาเธอมาดูแลอยู่ข้างกาย ฉันถึงกับยอมบริจาคไตเพื่อช่วยชีวิตเธอ แต่สุดท้ายฉันก็ดวงตามืดบอดไปเอง เธอมันนังหมาป่าตาขาว*[1]!"

กู้เหยาถูกด่าทอจนน้ำตาไหลพราก โจวเหวินเยี่ยนลุกขึ้นปกป้องคนรักของตนทันที "เธออย่ามาว่าเหยาเหยานะ เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเหยาเหยาสักหน่อย!"

กู้หนิงถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าโจวเหวินเยี่ยน ก่อนจะหัวเราะเยาะ "พวกแกสองคน…ก็ไม่ต่างจากหญิงชั่วชายโฉดหรอก!"

โจวเหวินเยี่ยนพลันมีสีหน้าดุร้ายขึ้นมาทันที แต่กู้เหยารีบปลอบโยนว่า "พี่เยี่ยน ตอนนี้พี่สาวฉันคงยังรับความจริงไม่ได้ ให้ฉันเกลี้ยกล่อมเธอเองเถอะนะ"

โจวเหวินเยี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยิ่งรู้สึกว่าตนเองตัดสินใจถูกต้องมากขึ้น "เหยาเหยายังคงเป็นคนที่มีเหตุผลเสมอ"

และคำตอบที่พวกเขาได้รับก็คือการถ่มน้ำลายจากกู้หนิงอีกครั้ง

ตอนนี้ในห้องพักคนไข้เหลือเพียงกู้หนิงและกู้เหยา แต่กู้เหยาในวัยสามสิบสามปียังดูสวยงามไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นอายุราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปด กู้เหยายกมือกุมท้องของตนและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ขอบคุณที่ยอมยกไตให้ฉันนะ อีกไม่นาน ฉันคงมีลูกกับพี่เยี่ยนแล้วล่ะ"

ไม่มีอะไรไร้ยางอายมากไปกว่าการใช้ไตของกู้หนิงตั้งครรภ์ลูกกับสามีของเธออีกแล้ว

กู้หนิงตัวสั่นด้วยความโกรธแค้น แต่เธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ "กู้เหยา เธอชอบของเหลือเดนจากคนอื่นนักหรือไง?"

"เธอขาดแคลนผู้ชายขนาดนั้นเชียว?"

กู้เหยามีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที "เธอพูดถึงพี่เยี่ยนแบบนั้นได้ยังไง?"

กู้เหยายอมไม่ได้ที่กู้หนิงยังคงสามารถตอบกลับตนเองได้อย่างเจ็บแสบถึงเพียงนี้ เธอจึงพูดต่อไปว่า "กู้หนิง เธอรู้ไหมว่าอาสามกับอาสะใภ้สามยอมคุกเข่าขอร้องฉัน เพื่อขอให้ล้มเลิกการผ่าตัดในครั้งนี้เชียวนะ เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จริง ๆ?"

หลังจากชะงักไป กู้เหยาก็หัวเราะเยาะ "พวกเขารักเธอมากเลยนะ"

กู้หนิงอาจจะโง่เขลาไม่ทันคน เธอยินดียอมรับชะตากรรมนี้เพราะความโง่เขลาของตนเอง แต่พ่อแม่ของเธอไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย!

หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดใจจนน้ำตาไหลพราก "กู้เหยา…พวกเขาก็เป็นพ่อแม่จริง ๆ ของเธอเหมือนกันนะ!"

สีหน้าของกู้เหยาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา "พวกเขาเป็นพ่อแม่ของเธอ ไม่ใช่ของฉัน!"

"ส่วนหยางหยาง เขาอุตส่าห์แหกคุกออกมาเพื่อช่วยเธอ จนต้องถูกตัดสินประหารชีวิต"

"กู้หนิง เธอมันเป็นดาวหายนะ ใครที่ทำดีกับเธอจะต้องเกิดเรื่องร้ายขึ้นเสมอ!"

"เป็นไปไม่ได้…หยางหยาง…" กู้หนิงรู้สึกเจ็บปวดจนตัวชาไปทั้งร่าง เธอได้แต่สาปแช่งอย่างหมดหนทาง "กู้เหยา เธอจะต้องไม่ตายดี!"

หากสามีเป็นคนที่เธอรักที่สุด น้องชายของเธอก็เป็นดั่งแสงตะวัน ส่วนพ่อแม่นั้นเปรียบเสมือนแหล่งพักพิง ทว่าตอนนี้กู้เหยาได้แย่งชิงคนรัก ดับแสงตะวัน และทำลายแหล่งพักพิงของเธอไปจนหมดสิ้น

ตอนนี้กู้หนิงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

กู้เหยามีความสุขที่ได้เห็นสีหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย จึงขยับเข้าไปกระซิบข้างหูกู้หนิงว่า "ฉันจะบอกความลับสุดท้ายให้เธอฟังนะ สิ่งที่เธอเคยให้ฉันในตอนนั้นก็คือ…"

กู้หนิงพลันเบิกตากว้าง ดวงตาอับแสงไม่อาจจากไปได้อย่างสงบ

อากาศร้อนในฤดูคิมหันต์ แว่วเสียงจักจั่นเรไรดังไปทั่ว

กู้หนิงรู้สึกเจ็บที่ลำคอเล็กน้อย เธออดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองเสียชีวิตในฤดูหนาวไม่ใช่หรือ?

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แคร่ไม้ไผ่ที่เธอกำลังนอนอยู่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ บนโต๊ะไม้มีโหลกระเบื้องเคลือบสีขาวแปะป้ายสีแดงเขียนข้อความว่า ‘รับใช้ประชาชน’

หูของกู้หนิงยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

"หนิงหนิงพยายามแขวนคอตายเชียวนะ"

"ฟังฉันให้ดีนะ หนิงหนิงเป็นดาวมรณะสำหรับครอบครัวเรา ส่วนเหยาเหยาเป็นดาวนำโชค คนที่ควรได้ไปเรียนต่อก็คือเหยาเหยา!"

"ไม่ได้! พวกเราตกลงกันแล้วว่าบ้านเราส่งเรียนได้แค่คนเดียวเท่านั้น นี่เป็นโอกาสเดียวที่หนิงหนิงจะได้ก้าวหน้า"

"แต่หนิงหนิงหมั้นกับเด็กมหาลัยที่ชื่อโจวเหวินเยี่ยนไปแล้วนะ เธอจะเอาแต่ของดีไปคนเดียวได้ยังไง" หญิงคนหนึ่งหัวเราะเยาะชายวัยกลางคน "หรือว่าพ่อแม่ที่แท้จริงจะรักลูกสู้แม่บุญธรรมอย่างฉันไม่ได้? ขนาดพี่สาวอย่างหนิงหนิงยังยินดีมอบโอกาสเรียนต่อให้น้องสาวตัวเองเลย แล้วพ่อแม่อย่างพวกแกล่ะ?"

ชายวัยกลางคนผู้นี้มีนามว่ากู้เจี้ยนเซ่อ เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดกู้หนิงและกู้เหยา อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลกู้อีกด้วย เขาเป็นคนขับรถบรรทุกและไม่ค่อยจะทันคน

คำพูดของหญิงผู้นั้นเสียดแทงหัวใจเขา เจ็บใจจนพูดไม่ออก ได้แต่ลงไปนั่งอยู่บนพื้น ไม่อาจเอ่ยคำใด

ส่วนหญิงสาวที่ชื่อเหยาเหยาก็ลุกขึ้นยืน และพูดอย่างรู้สึกผิดว่า "แม่คะ อาสามคะ อย่าทะเลาะกันเพราะหนูเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปคุยกับพี่เอง"

เหยาเหยาอดตื่นเต้นไม่ได้

ในที่สุด เธอก็จะได้ไปเรียนต่อแล้ว!

เสียงคุ้นหูเหล่านั้นทำให้ความทรงจำของกู้หนิงย้อนคืนกลับมาทันที

เธอกลับมาเกิดใหม่…กลับมาเกิดใหม่ในยุค 1980!

ฤดูร้อนนี้เธออายุสิบแปดปี เธอยังอยู่ในตระกูลกู้ซึ่งทำงานรับใช้กองการผลิตหงซิง และเธอเคยขู่ว่าจะแขวนคอตายหากพ่อแม่ไม่ยอมให้เหยาเหยาไปเรียนต่อ

แต่ชาตินี้เธอจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ชาตินี้เธอจะกลับมาทวงคืนทุกอย่างที่ควรเป็นของเธอ!

เริ่มจากตำแหน่งผู้ที่จะได้ไปเรียนต่อ

กู้หนิงรู้ว่ากู้เหยากำลังเดินเข้ามาแล้ว

กู้หนิงสะกดกั้นความเกลียดชังในแววตา เธอเอื้อมไปจับข้อมือของกู้เหยา ก่อนจะร้องตะโกนออกไปด้วยความหวาดกลัว "เหยาเหยา! อย่าตีฉันเลยนะ ฉันยอมเชื่อฟังเธอแล้ว ฉันจะแขวนคอตายจริง ๆ พอฉันตาย เธอก็จะได้ไปเรียนต่อแล้ว!"

เธออยากจะฉีกกระชากหน้ากากของกู้เหยาด้วยมือเธอเอง!

เสียงในห้องพลันเงียบลงทันที ทุกคนจ้องมองไปที่กู้เหยาด้วยความตกตะลึง

[1] หมาป่าตาขาว หมายถึง คนเนรคุณ อกตัญญู

บทที่ 2 แย่งชิงสิทธิ์การเรียนกลับคืนมา (รีไรท์)

บทที่ 2 แย่งชิงสิทธิ์การเรียนกลับคืนมา (รีไรท์)

กู้เหยาถูกบีบข้อมืออยู่อย่างนั้น เธออยากชักมือกลับมา แต่กู้หนิงกลับจับข้อมือของเธอไว้แน่นจนปวดร้าวไปถึงหัว

พี่สาวของเธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่!?

"กู้เหยา นี่แกบังคับให้พี่สาวแขวนคอตายงั้นเหรอ?" กู้เจี้ยนเซ่อลุกขึ้นยืนและตวาดถามทันที นี่ไม่ใช่เรื่องการส่งลูกไปเรียนต่อแล้ว

กู้เหยาหน้าซีดเผือด ความเจ็บปวดพลันแผ่ซ่าน "อาสาม หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"

"พี่เขาใส่ร้ายหนูต่างหาก"

หลังจากที่ฟังอีกฝ่ายพูดจบ กู้หนิงก็หลับตาลง แล้วพึมพำเสียงอ่อนแรงว่า "เหยาเหยาไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไม่บอกใคร"

ครั้งนี้ไม่ใช่แค่กู้เหยาเท่านั้นที่หน้าเปลี่ยนสี กู้เจี้ยนเซ่อก็เปลี่ยนสีหน้าเช่นกัน เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น "แกยังจะปฏิเสธอีกเหรอ?! พี่แกเจ็บถึงขนาดนี้แล้วจะมาใส่ร้ายแกได้ยังไง!"

กู้เหยาตกใจจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงหันไปมองหลิวชุนฮวาผู้เป็นแม่บุญธรรมด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

"น้องสาม แกทำอะไรของแก แกจะมาโทษเหยาเหยาได้ยังไง กู้หนิงแขวนคอเอง ไม่ได้มีใครบังคับสักหน่อย" หลิวชุนฮวาเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลกู้ และเป็นแม่บุญธรรมของกู้เหยา เธอชื่นชอบลูกสาวบุญธรรมผู้เป็นดั่งดาวนำโชคคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

เธอแต่งเป็นสะใภ้ตระกูลกู้มานานหลายปีแต่ไม่มีบุตร ทว่าหลังจากที่รับอุปการะกู้เหยาก็ตั้งครรภ์ขึ้นมาทันที

ในสายตาของหลิวชุนฮวา กู้เหยาย่อมเป็นดาวนำโชค

กู้เจี้ยนเซ่อไม่ได้มองไปทางที่พี่สะใภ้ แต่จ้องมองไปยังกู้เหยา "กู้เหยา บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้"

กู้เหยาถูกเรียกชื่ออีกครั้งก็ออกมายืนต่อหน้าทุกคน เธอได้แต่เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า "อาสาม อาก็รู้ว่าหนูเป็นคนยังไง หนูจะไปบังคับให้พี่เขาแขวนคอตายได้ยังไง"

"ใช่แล้ว ในตระกูลของเรา เหยาเหยาเป็นคนจิตใจอ่อนโยนที่สุดแล้ว ขนาดเหยียบมดตายยังร้องไห้เลย" หลิวชุนฮวารีบช่วยเหลือทันที "อีกอย่าง เธอเป็นดาวนำโชค ก็สมควรได้ไปเรียนต่อแทนดาวมรณะอย่างหนิงหนิงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"

กู้หนิงถือเป็นดาวมรณะ เพราะนับตั้งแต่เล็กจนโต กู้หนิงทำให้หลิวชุนฮวาต้องพบเจอกับปัญหามากมาย เธอจึงรักกู้เหยามากกว่ากู้หนิงหลายเท่า

ตอนนี้เองที่กู้หนิงลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำก็คือถามด้วยสีหน้ากังวล "เหยาเหยา ฉันแขวนคอตายตามที่เธอบอกแล้ว พ่อให้เธอไปเรียนต่อแล้วหรือยัง?"

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพิ่งจะเริ่มกลับมาเปิดกว้างอีกครั้งในปี 1977 การเรียนมัธยมปลายเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ตระกูลกู้มีฐานะยากจน ทำให้ไม่สามารถส่งลูก ๆ เรียนได้ทุกคน ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวใหญ่อย่างจ้าวกุ้ยฮวาจึงเกิดความคิดว่าจะส่งบุตรหลานที่เรียนดีที่สุดของแต่ละครอบครัวไปเรียนครอบครัวละหนึ่งคน

กู้หนิงเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี ป้าสะใภ้ใหญ่บอกว่าเธอจะได้แต่งงานกับคนในเมือง ทว่าน้องสาวฝาแฝดอย่างกู้เหยาต้องถูกส่งตัวไปให้ป้าสะใภ้ใหญ่เลี้ยงดู อีกทั้งกู้เหยายังมีสุขภาพไม่ดี กู้หนิงจึงรู้สึกผิดต่อน้องสาวของตนเองเสมอมา

กู้หนิงต้องการสละสิทธิ์ในการเรียนต่อให้แก่กู้เหยา แต่พ่อแม่ของเธอไม่ยอม เธอจึงพยายามแขวนคอตาย เพื่อเป็นการขู่ให้พ่อแม่ยอมยกสิทธิ์ในการเรียนต่อให้แก่กู้เหยา

กู้เหยาตกใจกับคำพูดของกู้หนิง จึงตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว "ยังเลย"

"ยังไม่ยอมอีกเหรอ?" กู้หนิงผิดหวังเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นมานับนิ้ว "ในเมื่อแขวนคอตายไม่ได้ผล งั้นคราวหน้าฉันจะลองกระโดดแม่น้ำแล้วกัน ฉันควรเชื่อฟังคำแนะนำของเหยาเหยา รู้งี้กินยาฆ่าแมลงก็ดีหรอก"

"เหยาเหยา เธอไม่ต้องห่วงนะ ถ้าฉันตายแล้ว เธอต้องได้เรียนต่อแน่นอน"

คำพูดของกู้หนิงทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง

ดาวนำโชคกู้เหยามีจิตใจที่อำมหิตขนาดนี้เชียว? เพียงเพื่อให้ตนเองได้เรียนต่อ เธอถึงกับอยากให้พี่สาวฝาแฝดตาย!

กู้เหยามองไปยังกู้หนิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ "เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันไม่เคยบอกสักหน่อย!"

กู้หนิงยกมือขึ้นจับรอยช้ำที่คอ ก้มหัวลงจนผมหน้าม้าร่วงลงปรกหน้าผาก ท่าทางราวกับคนโง่เขลาคนหนึ่ง "แต่เธอบอกว่าอยากไปเรียนมากไม่ใช่เหรอ?"

เมื่อได้ยินคำนี้ กู้เหยาก็พูดอะไรไม่ออก เธอเคยบอกว่าอยากไปเรียนต่อ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้!

กู้เจี้ยนเซ่อทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขายกมือขึ้นตบหน้ากู้เหยาอย่างแรงด้วยความโมโห "กู้เหยา! ทำไมแกถึงเลวแบบนี้?"

เขาหันกลับมาหากู้หนิงพร้อมความรู้สึกผิดที่ตีตื้นขึ้นมาในอก "หนิงหนิง ทำไมลูกถึงได้โง่แบบนี้? ลูกจะได้ไปเรียนต่อ จะไม่มีใครแย่งสิทธิ์นี้ไปได้ทั้งนั้น"

กู้เหยายกมือกุมแก้มของตน พลางมองอาสามที่ห่วงใยแต่พี่สาวของเธอด้วยความมึนงง นี่คือครั้งแรกที่อาสามผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ถึงกับตบตีเธอ

กู้หนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าพ่อจะทำอะไรเช่นนี้ เธอหันขวับไปมองกู้เหยา แสร้งว่าเธอคือพี่สาวผู้แสนดีที่ห่วงใยน้องสาวของตัวเอง "กู้เหยา เป็นอะไรไหม?"

ทุกคนในตระกูลกู้ยิ่งรู้สึกสงสารกู้หนิงมากกว่าเดิม ทว่ากู้เหยานั้นกำลังโกรธแค้นมาก

กู้หนิงยังคงปลอบโยนน้องสาวของตนเองต่อไป "ถึงพ่อจะไม่อนุญาต แต่ถ้าเหยาเหยาต้องการ ฉันก็มอบชีวิตให้เธอได้เสมอ"

ถ้อยคำเหล่านี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ทุกคนจ้องมองกู้เหยาด้วยสายตากล่าวโทษ

กู้เหยาถอยหลังกลับไปด้วยใบหน้าซีดขาว และได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเจ็บแค้นใจ "ฉันไม่ได้ต้องการ…"

"เธอไม่ต้องการเหรอ?" กู้หนิงก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้มร้าย

"คนที่ควรได้ไปเรียนต่อก็คือเธออยู่แล้ว" กู้เหยานั่งลงบนพื้น พยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมอยู่ดี ๆ พี่สาวของตนถึงได้เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนเช่นนี้

เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา นั่นก็หมายความว่าสิทธิ์ในการเรียนต่อตกเป็นของกู้หนิงแล้ว

กู้หนิงผุดพรายรอยยิ้ม กล่าวกับกู้เหยาว่า "เหยาเหยา แล้วเธอจะทำยังไง?" หลังจากนั้นก็ทำท่าเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปหาหลิวชุนฮวา "จริงด้วยสิ พวกเรายังเหลือสิทธิ์ของต้าฟางอีกคน ป้าสะใภ้ใหญ่มอบสิทธิ์ของกู้พ่านเหวินให้เหยาเหยาก็ได้นะ"

หลิวชุนฮวาสวนกลับมาทันที "ไม่มีทาง!"

นี่คือสิทธิ์ในการเรียนต่อของลูกชายสุดที่รักของเธอ กู้เหยาไม่สมควรได้รับ!

กู้หนิงเห็นสีหน้าผิดหวังของกู้เหยาเต็มตา เธอแอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ ‘งั้นก็เชิญกัดกันเองตามสบายเถอะนะ’

โธ่ ๆ ในชาติที่แล้ว แม่ลูกบุญธรรมคู่นี้รักกันปานจะกลืนกินเลยไม่ใช่เหรอ!

ตกกลางคืน

สมาชิกตระกูลกู้กว่ายี่สิบชีวิตรับประทานอาหารเสร็จก็กำลังเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ

กู้หนิงยืนส่องกระจกพร้อมกับปัดผมหน้าม้าขึ้น หน้าผากเรียบเนียนปรากฏสู่สายตา มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองสวยขนาดไหนเมื่อยังเป็นวัยรุ่น ทั้งมีใบหน้ารูปไข่ ไหนจะดวงตากลมโตที่เปล่งประกายระยิบระยับคู่นี้

ผู้คนในยุคนี้ไม่เห็นถึงความงามในรูปแบบนี้ ทว่ากู้หนิงรู้ดีว่าตนเองจะกลายเป็นสาวงามตามสมัยนิยมอย่างไรในอนาคต

หลังจากนอนพักผ่อนตลอดทั้งวัน กู้หนิงก็รู้สึกอ่อนล้าไปทั้งร่าง เธอตั้งใจจะเดินไปอาบน้ำ แต่เมื่อเดินไปถึงห้องครัวก็พบว่ากู้เหยากำลังยกถังน้ำใบใหญ่เดินผ่านไปด้วยความยากลำบาก

กู้หนิงรีบก้มหน้าลงหลบสายตา ชาติที่แล้วเธอเป็นคนคอยช่วยยกน้ำให้กู้เหยามาตลอด

แต่ในชาตินี้ กู้เหยาสมควรทำงานหนักบ้าง

เมื่อกู้เหยาเห็นกู้หนิงก็ถึงกับตาวาววับ เธอรู้ดีว่าพี่สาวของเธอหน้าตาดีเพียงใด เธอจึงบอกให้อีกฝ่ายไว้ผมหน้าม้า คอยบดบังความสวยงามตลอดมา

แต่กู้เหยาไม่คิดเลยว่าตอนนี้กู้หนิงกลับเปิดผมหน้าม้าขึ้น ทั้งยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่กลายเป็นหญิงสาวที่สวยงามเต็มตัว

กู้เหยารู้สึกได้ถึงวิกฤตการณ์อย่างชัดเจน เธอเกือบจะทำถังน้ำหลุดมือ "ทำไมถึงเปิดผมหน้าม้าขึ้นแล้วล่ะ?"

ทว่ากู้หนิงกลับเดินผ่านเธอไปราวกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุ

กู้เหยาไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อน!

กู้เหยากระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้น ร้องเรียกกู้หนิงพร้อมกับกัดปาก เค้นเสียงถามขึ้นว่า "พี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?"

เธอรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่ที่กู้หนิงฟื้นขึ้นมา

ในตอนนั้น ก่อนที่กู้หนิงจะเข้าไปในห้องน้ำ กู้เจี้ยนเซ่อเดินกลับออกมาพร้อมกับถังน้ำในมือ เมื่อเขาเห็นว่ากู้หนิงสามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว เขาก็ถามอย่างเป็นกังวล "ลูกออกมาทำอะไร ทำไมไม่นอนพักไปก่อน"

เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าบุตรสาว กู้เจี้ยนเซ่อก็เอ่ยพร้อมสีหน้าตื่นตาตื่นใจ "หนิงหนิง! ลูกไม่ต้องไว้ผมหน้าม้าอีกแล้วนะ"

"หนูจะทำตามคำแนะนำของพ่อนะคะ" กู้หนิงคลี่ยิ้ม ลำคอของเธอไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว "ตอนนี้หนูดีขึ้นมากแล้วค่ะ"

"ไม่ไหวเลยนะ ลูกจะอาบน้ำแล้วใช่ไหม? สาว ๆ อย่างลูกควรอาบน้ำอุ่นสิ" กู้เจี้ยนเซ่อพูดจบก็เดินออกไป จัดการยกถังน้ำอุ่นที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้านี้กลับมาให้กู้หนิง

เมื่อกู้หนิงเห็นถังน้ำอุ่นในมือพ่อ แววตาของเธอพลันทอประกายอบอุ่น รีบกล่าวขอบคุณทันใด "ขอบคุณพ่อมากนะคะ"

ยิ่งเห็นเช่นนี้ กู้เหยาก็ยิ่งรู้สึกแค้นใจ

ในทางกลับกัน พ่อบุญธรรมของเธอรอให้เธอกลับไปล้างเท้าให้ กู้เหยาได้แต่ยกถังน้ำเดินเข้าไปในห้องพัก แต่ก็ถูกผลักออกมาจนซวนเซ "กู้เหยา! นังเด็กเลว ทำไมถึงไปเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันช้าแบบนี้?"

คนที่ส่งเสียงตะโกนก็คือกู้เจี้ยนเป่า ลุงของกู้หนิง และยังเป็นพ่อบุญธรรมของเหยาเหยา เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตในโรงงานจึงมีอำนาจในบ้านนี้มากกว่าใคร

กู้เหยาสะดุดธรณีประตู ถังน้ำพลันหลุดออกจากมือ ล้มโครมลงไปกองกับพื้น

เธอกรีดร้องยกใหญ่ "พ่อ น้ำหนูหกหมดแล้ว!"

กว่าจะตักน้ำขึ้นมาจากบ่อได้เธอต้องเหนื่อยแทบตาย แต่ตอนนี้มันหกหมดแล้ว!

บทที่ 3 ขุดหลุมพราง (รีไรท์)

บทที่ 3 ขุดหลุมพราง (รีไรท์)

กู้เจี้ยนเป่ารีบขยับหนีน้ำที่สาดกระเด็น และตะโกนสาปแช่งว่า "นังเด็กโง่! ทำให้มันดี ๆ ไม่เป็นหรือไง แกทำอะไรเป็นบ้าง!" หลังจากนั้น เขาก็เดินหายไปทางห้องปีกตะวันออกด้วยความหงุดหงิด

กู้เหยาตกอยู่ในความอับอาย น้ำตาคลอเต็มเบ้า โดยเฉพาะเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้ากู้หนิง

เธอพยายามมองไปยังกู้เจี้ยนเซ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ หากเป็นเมื่อก่อน อาสามจะต้องช่วยเธอแน่นอน เขาย่อมต้องรู้สึกผิดที่ต้องยกเธอให้คนอื่นเลี้ยงดู

ทว่าตอนนี้ กู้เจี้ยนเซ่อรู้สึกสงสารเธอก็จริง แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอทำลงไปเมื่อตอนกลางวัน เขากลับแกล้งเดินเข้าห้องไปราวกับมองไม่เห็นเธอ

อาสามไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว กู้เหยายิ่งผิดหวังมากกว่าเดิม เธอยื่นมือไปหากู้หนิงเพื่อขอความช่วยเหลือ "พี่จ๋า…"

เมื่อก่อนพี่สาวก็เคยช่วยเธอเสมอเช่นกัน

กู้หนิงยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตาที่ฉายแววเย็นชาคู่นั้น "อยากให้ฉันช่วยเธอเหรอ?"

คนฟังรู้สึกว่าพี่สาวกลายเป็นคนน่ากลัวขึ้นมาทันที แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างมีความหวัง

กู้หนิงโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอว่า "ฉันช่วยเธอให้ไปตายได้นะ"

พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้กู้เหยานั่งตัวเปียกอยู่เพียงลำพัง

กู้เหยาตกใจกับพฤติกรรมของพี่สาว เธอลุกขึ้นยืนตัวสั่น แต่ในที่สุดก็ตั้งสติได้และก้มหยิบถังน้ำ

ทว่าหลังจากลุกขึ้นยืนแล้ว เธอก็ได้แต่ยืนพิงกำแพง สายตาฉายแววสงสัย ดูท่าว่า… นี่จะไม่ใช่พี่สาวผู้โง่เขลาของเธออีกแล้ว

หลังจากรับประทานอาหารค่ำ ตระกูลกู้ก็ออกมานั่งรับลมที่ลานด้านนอก กู้หนิงไปขอสมุดและปากกาจากคุณย่าใหญ่มาวาดภาพแสงจันทร์ยามค่ำคืน

หญิงสาวมีใบหน้าอ่อนโยนและนิสัยอบอุ่น ท่วงท่าการจับปากกาวาดภาพบนกระดาษนั้นดูแตกต่างจากหญิงสาวในชนบทคนอื่น ๆ

เธอคือกู้หนิงคนเดียวกับคนก่อนหน้านี้จริงหรือ? นี่คือสิ่งที่ทุกคนในตระกูลกู้คิด

"หนิงหนิงวาดอะไรอยู่เหรอ?" คนถามคือกู้เซี่ยงหยวน พี่ชายคนโตของกู้หนิง เขาเป็นคนฉลาดเฉลียว ทั่วทั้งร่างอาบไปด้วยประกายแห่งความสุข

ในชาติที่แล้ว กู้เซี่ยงหยวน พี่ชายคนโตผู้นี้รักกู้เหยามาก ตอนที่รู้ว่ากู้เหยาป่วย จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต เขาถึงกับชี้หน้ากู้หนิงแล้วถามว่า ‘ก็แค่ไตข้างเดียว ให้น้องไม่ได้หรือไง!’

ในเมื่อเธอสูญเสียไต กู้เหยาก็ต้องสูญเสียความรัก!

กู้หนิงหรี่ตาลง ผุดยิ้มพรายก่อนจะเงยหน้าขึ้น "นี่คือสิ่งที่ฉันทำหายไปนานแล้ว ฉันเลยวาดมันขึ้นมา จะได้ให้คนเอาไปตามหาค่ะ"

สิ่งที่เธอกำลังวาดอยู่เป็นของสำคัญที่ถูกกู้เหยาแย่งชิงไปในชาติที่แล้ว และนี่ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กู้เหยามีใบหน้าเยาว์วัยเหมือนสาวแรกรุ่น ทั้งที่อายุสามสิบกว่าเข้าไปแล้ว

กู้หนิงวาดรูปเก่งมาก หลังจากที่เธอแต่งงานกับโจวเหวินเยี่ยนในชาติที่แล้ว เธอก็พยายามฝึกฝนฝีมืออย่างหนักเพื่อไล่ตามเขาให้ทัน

แสงจันทร์อาบไล้ลงมา สมาชิกตระกูลกู้กำลังส่งภาพวาดเวียนกันดู ทุกคนตกตะลึงในฝีมือการวาดภาพเหมือนที่ดูเป็นมืออาชีพของกู้หนิง

กู้เซี่ยงหยวนมองน้องสาวของตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ "หนิงหนิง เธอวาดรูปเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" หลังจากหยุดชะงัก เขาก็รับปากว่า "ถ้าฉันเจอ ฉันจะเอามาให้นะ"

กู้หนิงไม่เหมือนคนเดิมก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ความชั่วร้ายของกู้เหยาถูกเปิดโปง

เมื่อเปิดผมหน้าม้าขึ้น กู้หนิงก็ดูมีเสน่ห์อย่างคาดไม่ถึง เมื่อประกอบกับพรสวรรค์แล้ว เธอควรมีอนาคตที่ยาวไกล

ครั้นได้ยินคำสัญญาของกู้เซี่ยงหยวน กู้หนิงก็ยิ้มรับ "ขอบคุณพี่เซี่ยงหยวนมากนะคะ" คำชมที่ได้รับจากกู้เซี่ยงหยวนทำให้เธอรู้สึกขอบคุณเขาอีกครั้ง

นี่ไม่ใช่เพียงการวาดภาพเท่านั้น แต่มันคือเรื่องสำคัญ เพราะในขณะนี้โจวเหวินเยี่ยนยังคงเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะ!

กู้เหยามองไปที่กู้หนิงด้วยความอึดอัดใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ตีสี่ครึ่ง กู้เหยาที่ไม่เคยฝันมานานแล้วกำลังฝัน เธอฝันว่ากู้หนิงงมของวิเศษขึ้นมาจากแม่น้ำ

พี่สาวในความฝันของเธอสวยสะพรั่งขึ้นทุกวัน หลังจากได้ของวิเศษมาครอบครอง เธอก็โด่งดังในทุกด้าน ทั้งยังมีอำนาจมากมายอีกด้วย สุดท้ายกู้หนิงก็กลายเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยมหาศาล

ส่วนเธอทำได้เพียงอิจฉาอยู่ในเงามืดเท่านั้น

จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!

กู้เหยาลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งทันที เธอยกมือทาบหน้าอกที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หัวใจพลันเต้นระทึก

กู้เหยามีความสามารถพิเศษ เธอสามารถเห็นอนาคตได้จากความฝัน แทบทุกครั้งที่เธอฝันถึงสิ่งใด สิ่งนั้นจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา การที่เธอกลายเป็นลูกบุญธรรมของหลิวชุนฮวาและกู้เจี้ยนเป่าก็เพราะเธอฝันเห็นว่าพ่อแม่บุญธรรมกำลังอุ้มกู้หนิงด้วยความรักใคร่เอ็นดู ทั้งยังมีชีวิตที่อยู่ดีกินดี

วันที่พ่อแม่บุญธรรมมาเลือกว่าจะอุปการะใคร กู้เหยาจึงยื่นมือไปหาหลิวชุนฮวาพร้อมยิ้มประจบ

ด้วยเหตุนี้ กู้เหยาจึงกลายเป็นเด็กที่ได้รับเลือกแทนกู้หนิง

กู้เจี้ยนเป่ามีหน้าที่การงานดี หลิวชุนฮวาย่อมมีอำนาจในตระกูลกู้ไม่น้อย ชีวิตในวัยเด็กของกู้เหยาจึงดีกว่ากู้หนิงหลายเท่า

เมื่อกู้เหยารู้สึกได้ว่าชีวิตของตนเองเริ่มไม่มั่นคง เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียงด้วยความตื่นตระหนก แต่กลับทำให้หลิวชุนฮวาซึ่งกำลังหลับใหลสะดุ้งคล้ายตื่น กู้เหยาตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับตัว

หลิวชุนฮวาละเมอพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพ่นน้ำลายใส่หน้ากู้เหยาโดยไม่รู้ตัว

น้ำลายเปื้อนเต็มหน้ากู้เหยา เธอยกมือเช็ดออกอย่างขยะแขยง หลังจากรอสักครู่ เธอก็รู้ว่าหลิวชุนฮวาหลับสนิทดีแล้วจึงได้แอบลงจากเตียง

เธอไม่ได้ไปที่แม่น้ำ แต่ไปที่ห้องฝั่งตะวันตก

ตระกูลกู้อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ห้องฝั่งตะวันตกเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวกู้เจี้ยนเซ่อ กู้หนิงเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ตอนนี้กู้เจี้ยนเซ่อออกไปทำงานอยู่ในไร่ คนงานส่วนใหญ่มักจะรีบทำงานก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อกลับมาทานข้าวก็เป็นเวลาเช้าแล้ว

แม่ของกู้หนิงและน้องชายเดินทางกลับไปยืมเงินค่าเทอมจากบ้านญาติที่หมู่บ้าน ในห้องฝั่งตะวันตกตอนนี้จึงมีกู้หนิงอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

กู้หนิงนอนหลับราวกับเจ้าหญิงนิทรา ใบหน้าอ่อนหวานของเธอทำให้ผู้คนแทบละสายตาไปไม่ได้

ความริษยาปรากฏขึ้นมาในใจกู้เหยา เธอย่องเข้าไปหากู้หนิงอย่างเงียบเชียบ ลองยกมือโบกไปมาตรงหน้าอีกฝ่ายเบา ๆ และพบว่าผู้เป็นพี่สาวกำลังหลับสนิท

หลังจากคิดอะไรบางอย่าง กู้เหยาก็ถามออกมาตรง ๆ ว่า "หนิงหนิง เธอชอบไปตรงไหนของแม่น้ำบ่อยที่สุด?"

กองการผลิตของพวกเขาขึ้นตรงกับชุมชนหงฉี ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำใหญ่ หากกู้เหยาอยากจะตามหาของวิเศษในแม่น้ำ ก็คงยากเย็นไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร

วิธีที่ดีที่สุดคือถามจากกู้หนิงดีกว่า

แต่กู้เหยาก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว กู้หนิงคงไม่ยอมช่วยเธอแน่ ๆ กู้เหยาได้แต่เพียงหวังว่าการหลอกถามตอนที่อีกฝ่ายกำลังนอนหลับอยู่นี้น่าจะให้คำตอบที่เธอต้องการได้ และหากกู้หนิงตื่นขึ้นมา เธอก็แค่หาข้อแก้ตัวเท่านั้นเอง

ทว่ารอแล้วรอเล่า กู้หนิงก็ไม่ยอมตอบคำถาม กู้เหยาจึงได้แต่ผิดหวัง

ทันใดนั้น กู้หนิงก็ละเมอออกมาว่า "ฉันชอบไปฝั่งตะวันตก…"

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น กู้เหยาก็ตาสว่างวาบขึ้นมาทันที

กู้หนิงลอบยิ้ม ชาติที่แล้วเธอไปตกปลาในแม่น้ำอยู่ทั้งวันทั้งคืน สุดท้ายต้องล้มป่วยกว่าจะได้ปลามา แต่กู้เหยามาแย่งความดีความชอบไปในท้ายที่สุด

แต่ในชาตินี้ กู้หนิงไม่ต้องการทำงานหนักอย่างเปล่าประโยชน์เช่นนั้นแล้ว

ครั้นกู้เหยาได้คำตอบที่ตนเองต้องการแล้ว หญิงสาวก็ย่องออกมาจากห้องฝั่งตะวันตก ตอนนี้เป็นเวลาตีห้า แสงไฟตามห้องต่าง ๆ ยังไม่เปิด ทว่าเธอเดินชนเข้ากับจ้าวกุ้ยฮวาโดยไม่ทันตั้งตัว

จ้าวกุ้ยฮวาจะมีอายุครบหกสิบปีในปีนี้ หญิงชราเป็นหัวหน้าใหญ่ของครอบครัวตระกูลกู้ และเป็นผู้ที่มีอารมณ์ร้าย ทุกคนในครอบครัวต่างก็หวาดกลัว

แน่นอนว่าหญิงชราตวาดออกมาทันที "ตะวันยังไม่ทันขึ้น จะรีบไปตายที่ไหน!?"

หากเป็นจ้าวกุ้ยฮวาเมื่อวานนี้ เธอคงไม่หงุดหงิดเช่นนี้แน่ แต่หลังจากเกิดเรื่องราวเมื่อวานขึ้น หญิงชราก็มองหลานสาวของตนเองเปลี่ยนไป เห็นหน้าแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาชอบกล

กู้เหยากลัวจ้าวกุ้ยฮวา รีบหดคอตอบไปว่า "ขอโทษค่ะคุณย่า หนูไม่ทันมอง"

"แกตื่นมาทำอะไรตั้งแต่ไก่โห่?" จ้าวกุ้ยฮวามองไปที่ห้องพักฝั่งตะวันตก แล้วถามด้วยความสงสัย "แกเพิ่งออกมาจากห้องนั้นหรือเปล่า?"

เมื่อได้ยินคำถามนี้ กู้เหยาก็ค้นพบทางรอดของตนพอดี "คุณย่าคะ หนูกลัวว่าพี่จะเป็นอะไรไป ก็เลยแอบเข้าไปดูค่ะ"

จ้าวกุ้ยฮวางุนงงมากกว่าเดิม "แกเป็นคนดีขนาดนั้นเชียว?"

กู้เหยาพูดอะไรไม่ออก ถึงกับรู้สึกโกรธขึ้นมาด้วยซ้ำ!

จ้าวกุ้ยฮวาไม่ได้มองหน้าที่เขียวคล้ำของหลานสาวผู้นี้อีก หญิงชราเดินไปที่ห้องพักฝั่งตะวันตก

เมื่อวานนี้หลานสาวคนโตพยายามจะแขวนคอตาย การดูแลครอบครัวนี้ไม่ง่ายเลย เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ยุติธรรมยิ่งยากกว่า

กู้หนิงตื่นขึ้นมาตั้งนานแล้ว ย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างกู้เหยาและจ้าวกุ้ยฮวา เมื่อหญิงชราเดินเข้ามา กู้หนิงก็รีบพลิกตัวหลับตาลง แกล้งทำเป็นละเมอออกมาว่า "อย่าลืมเหลือไข่เอาไว้ให้คุณย่าด้วย"

จ้าวกุ้ยฮวาได้ยินดังนั้นก็พลันรู้สึกใจอ่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล่าวด้วยความเมตตามากขนาดนี้ "หนิงหนิง นอนหลับพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวย่าจะต้มไข่เอาไว้ให้กินเอง"

หลังจากนั้น จ้าวกุ้ยฮวาก็เดินออกไป

กู้หนิงขุดหลุมพรางสำเร็จแล้ว

เธอซื้อใจคุณย่าสำเร็จสักที

ตามหาของวิเศษงั้นเหรอ?

ในไม่ช้าก็ต้องสำเร็จด้วยดีเช่นกัน

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0