ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการส่งออกไทยของเดือนสิงหาคม 2562 ว่า ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้า ตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในช่วง 8 เดือนแรก หดตัวที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี ซึ่งมูลค่าส่งออกไทยเดือนสิงหาคม 2562 กลับมาหดตัวที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี โดยเป็นการหดตัวลึกในสินค้าส่งออกหลัก อาทิ รถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนสินค้าวัตถุดิบขั้นกลาง อย่างเคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักร้อยละ 80 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยหดตัวร้อยละ 1.9 ต่อปี
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวเป็นบวกสวนทางกับภาพรวม จากสินค้าส่งออกในรายการเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้ารถยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งสะท้อนถึงผลบวกจากสงครามการค้าที่มีการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากตลาดจีน
ขณะที่ การส่งออกทองคำในเดือนสิงหาคมยังคงขยายตัวอยู่ในระดับสูง ตามราคาทองคำในตลาดโลกที่สูงขึ้น ซึ่งหากหักมูลค่าการส่งออกทองคำ การส่งออกไทยในเดือนสิงหาคมจะหดตัวที่ร้อยละ 9.8 ต่อปี จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังไม่น่าจะหาข้อตกลงร่วมกันได้ในระยะอันใกล้ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ของอังกฤษที่จะออกจากสหภาพยุโรป ส่งผลให้ยังมีความต้องการทองคำในตลาดโลกในระดับสูง โดยราคาทองคำในตลาดโลกยังมีทิศทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า ในเดือนกันยายนการส่งออกทองคำ ยังคงเป็นแรงหนุนต่อมูลค่าการส่งออกรวมของไทย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการส่งออกของไทยปี 2562 มีแนวโน้มหดตัวกรอบติดลบร้อยละ 2 ถึง 1 พร้อมมองว่าหากต้องการให้ภาพรวมส่งออกไม่ติดลบ มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีจะต้องมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 21,720 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งภายใต้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นความท้าทายมาก