โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ปล้นเพื่อประเทศ? 'แก๊งพิงค์แพนเตอร์' จากทหารยูโกสลาเวีย สู่ยอดโจรปล้นสะท้านโลก

The MATTER

อัพเดต 08 ส.ค. 2565 เวลา 00.53 น. • เผยแพร่ 08 ส.ค. 2565 เวลา 00.47 น. • Thinkers

1.
“พวกเขากล้าหาญและบ้าบิ่นมาก ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะหยุดพวกเขาได้ ลองคิดดูว่า ถ้าคุณโตมาท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามกลางเมือง คุณจะไม่มีวันกลัวใครง่ายๆ เหมือนคนทั่วไปหรอก”
2.

19 พฤษภาคม ค.ศ.2003 ที่ร้านเพชรอันโด่งดังในลอนดอน อังกฤษ ซึ่งเป็นร้านที่ขายอัญมณีให้กับคนดังระดับโลกมานาน มีชื่อเสียงระบือนาม ในวันนี้พนักงานของร้านได้พบกับแขกคนหนึ่งที่ไว้ผมทรงเอลวิส เพรสลีย์ ถือร่มเดินเข้ามา

ทีแรกพนักงานคิดว่าชายคนนี้คือนักร้องดังสักคนที่ต้องการปิดบังตัวตน ขณะมาเลือกซื้อสินค้า ลูกค้าน่าพิศวงรายนี้ขอดูแหวนเพชร 12 กะรัต ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4.5 แสนดอลลาร์สหรัฐ

“มันหรูหรามากเลยนะ คุณพอจะมีวงที่เล็กกว่านี้หน่อยไหมครับ”

ขณะที่พนักงานกำลังทำตามคำสั่งของลูกค้าอยู่นั้น ชายคนนี้ก็ได้ควักปืนออกมา แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคนหมอบลงกับพื้น!”

และในตอนนั้นเองลูกค้าอีกรายก็แปลงกายเป็นโจรใช้ค้อนทุบเอาทรัพย์สินอัญมณีเพชรพลอย ยัดใส่กระเป๋า นับจำนวนคร่าวๆ ได้กว่า 57 ชิ้น มูลค่ามหาศาล

พวกเขาก่อเหตุด้วยเวลาเพียง 90 วินาที ก่อนจะวิ่งออกจากร้าน ขึ้นรถเวสป้าที่เตรียมไว้แล้ว หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย พยานเผยว่า

**“เขาแต่งตัวดูดีนะครับ

แต่วิกที่ใส่ดูตลกมากๆ เหมือนแมวนอนบนหัวเลย”**

**ชุดสืบสวนไล่กล้องวงจรปิด ก่อนใช้เวลาไม่นานก็รู้ตัวกลุ่มคนร้าย มีการดักฟังโทรศัพท์ ก่อนบุกค้นห้องพัก เจ้าหน้าที่พบเพชรซุกอยู่ในกระปุกครีมทาหน้า

นักข่าวที่ทราบเรื่องนี้ รู้ดีว่า การเอาเพชรไปซ่อนในกระปุกนี้ มีความคล้ายคลึงกับฉากในตำนานภาพยนตร์พิงค์แพนเตอร์ จึงตั้งฉายาให้แก๊งคนร้ายตามชื่อหนังทันที

และมันกำลังจะกลายเป็นชื่อบันลือโลก เพราะพวกเขาไม่ได้ก่อเหตุเพียงแค่นี้ แต่จะขยายปฏิบัติการไปทั่วโลก ทั้งในยุโรป ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง คาดกันว่าพวกเขาก่อเหตุลักทรัพย์สินทั้งเพชรพลอย อัญมณี ภาพวาดของศิลปินชื่อดัง รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่สำคัญทรัพย์สินบางส่วนที่ถูกก่อเหตุไป ไม่เคยมีใครได้พบเห็นอีกเลย

“ประมาณกันว่า น่าจะมีสมาชิกแก๊งพิงค์แพนเตอร์ ประมาณ 200 คน”

3.

ตอนที่ตำรวจอังกฤษบุกค้นห้องพักและพบเพชรนั้น ตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ในอังกฤษแล้ว แต่เขาเดินทางไปทั่วยุโรป ว่ากันว่าฐานที่มั่นของแก็งอยู่ที่อิตาลี ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่เคยให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ประเทศอื่นในการไล่ล่าตัวคนร้ายกลุ่มนี้เลย

ขณะที่ทางการกำลังควานหาตัวแก็งพิงค์แพนเตอร์ พวกเขาก็ไม่ได้หลบหนีหรือซ่อนตัวแต่อย่างใด กลับวางแผนและออกปฏิบัติการปล้นอีกครั้ง

ในปี ค.ศ.2004 ทางแก๊งเดินทางไปก่อเหตุไกลถึงญี่ปุ่น โดยการบุกฉกเพชร มูลค่า 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตั้งขายที่ร้านในกรุงโตเกียว โดยผู้ก่อเหตุแต่งตัวดี ดูสมฐานะ เมื่อเข้าไปในร้าน ก็ทำทีเรียกพนักงาน แล้วยื่นกระดาษให้ เมื่อเหยื่อเผลออ่านข้อความ วายร้ายก็ใช้สเปรย์พริกไทยฉีดใส่หน้า ก่อนจะบุกกวาดทรัพย์สิน แล้วลอยนวลไปทันที

ครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึง 90 วินาที ตามเอกลักษณ์ของแก๊ง ที่สำคัญพวกเขารู้ว่าการจราจรในกรุงโตเกียวเป็นไปด้วยความหนาแน่น หากจะใช้รถเป็นพาหนะหนี น่าจะไปได้ไม่ไกล พวกเขาจึงปั่นจักรยานเอาตัวรอดไปได้อย่างสบายๆ

ชุดสืบสวนค้นพบว่าแก๊งพิงค์แพนเตอร์ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่ได้โง่ แต่มีการวางแผนอย่างจริงจัง มีรายละเอียดมากมาย หลายครั้งพวกเขาแต่งกายภูมิฐานดูคล้ายคนรวยที่อยากซื้อเพชรไปฝากใครสักคน หลายครั้งพวกเขาแต่งตัวสบายๆ เหมือนนักท่องเที่ยว บางทีก็แต่งตัวเหมือนดาราคนดังที่ต้องการปิดบังตัวเองไม่ให้ใครจำหน้าได้

ครั้งหนึ่งในการปล้นที่ฝรั่งเศส พวกเขาใช้เวลา 90 วินาที ก่อนจะใช้เรือเร็วซิ่งตามคลองหลบหนี ในการปล้นที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พวกเขาใช้รถออดี้ 2 คันในการหลบหนี

“พวกเขามีวินัย พูดได้หลายภาษา หลายครั้งใส่แจ็คเก็ตสีดำ ใส่หมวกกีฬา เหมือนพวกโจรในหนังเลย”

4.

คาดกันว่าการก่อเหตุครั้งแรกของแก๊งนี้ เกิดขึ้นที่บ่อนคาสิโน ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.2002 สมาชิก 5 คนบุกขโมยสร้อยคอเพชร มูลค่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ลอยนวลไปได้อย่างตื่นตะลึง ในเวลาต่อมาชุดสืบสวนพบว่า พฤติกรรมการก่อเหตุมีความคล้ายคลึงกับแก๊งพิงค์แพนเตอร์มาก ทั้งความเร็ว การปลอมกาย และความฉับไวในการก่อเหตุ

พวกเขาก่อเหตุลุกลามไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย ยุโรป มีร้านขายอัญมณีกว่า 120 ร้านที่โดนปล้น นั่นจึงไม่ใช่งานของตำรวจประเทศใดประเทศหนึ่ง ดังนั้นตำรวจสากลจึงเข้ามาดูคดี ในช่วงเวลาที่การไล่ล่าจับกุมสมาชิกแก๊ง พวกเขาก็ยังเย้ยกฎหมายและโลกใบนี้ โดยการก่อเหตุปล้นทรัพย์ ขโมยทรัพย์สินราคาแพงอย่างหน้าตาเฉย

วิธีการลงมือนั้น หาใช่แค่การวางแผนปล้นและหลบหนีเท่านั้น พวกเขายังละเอียดถึงขั้นเอาสีมาพ่นตรงที่นั่งใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวไม่มานั่ง เพราะจุดดังกล่าวอาจเห็นการก่อเหตุได้เป็นอย่างดี พวกเขาดูสำรวจสถานที่โดยรอบ ก่อนลงมือทุกครั้ง

ละเมียดราวกับการโจรกรรมที่เราเห็นในภาพยนตร์

**การปล้นที่เป็นตำนานของแก๊ง ก็คือในปี ค.ศ.2008 สมาชิกพิงค์แพนเตอร์ 4 คนแต่งกายเป็นผู้หญิง บุกเข้าไปร้านขายอัญมณีในกรุงปารีส ฝรั่งเศส พวกเขาได้ของมูลค่าถึง 100 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ไม่พอ พวกเขายังบุกไปลักภาพเขียนจากแกลลอรี่ในกรุงซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บภาพวาดของศิลปินชื่อดังระดับโลกที่ล่วงลับไปแล้ว มูลค่าความเสียหายถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และภาพวาดเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ไม่เคยพบเห็นอีกเลย

อย่างไรก็ดี เมื่อการก่อเหตุลุกลามไปทั่วโลก ทางตำรวจสากลจึงมีการตั้งทีมสืบสวน และไล่ล่าตัวสมาชิก พอเครือข่ายตำรวจเชื่อมโยงกัน มีการใช้เทคโนโลยีทั้งดีเอ็นเอ วงจรปิด นั่นทำให้สมาชิกแก๊งก็เริ่มพลาดท่าถูกจับกุมกันมากขึ้น

นั่นทำให้โลกใบนี้ได้รู้ว่าแก๊งพิงค์แพนเตอร์คือใครในที่สุด

5.

ทุกวันนี้ไม่มีประเทศยูโกสลาเวียอีกแล้ว มันล่มสลายไปตั้งแต่ปี ค.ศ.2003 กลายเป็นประเทศเซอร์เบียในที่สุด แต่ในอดีตยูโกสลาเวียคือดินแดนที่ประกอบไปด้วยโครเอเชีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โคโซโว เซอร์เบียร์ มอนเตเนโกร การล่มสลายของยูโกสลาเวียเกิดจากการทำสงครามกันในประเทศ มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันอย่างโหดเหี้ยม จนประเทศอื่นในยุโรป โดยเฉพาะองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ต้องเข้าแทรกแซง

เมื่อประเทศล่มสลาย สงครามสิ้นสุด อดีตนักรบจำนวนมากหมดหน้าที่ ไม่มีสงครามให้สู้ ไม่มีประเทศให้ปกป้องอีกต่อไป ทุกอย่างหมดความหมาย นั่นทำให้อดีตทหารจำนวนมากรวมตัวกัน และก่อตั้งเป็นแก๊งขึ้นมา

ในช่วงแรกอดีตนักรบจากยูโกสลาเวีย รับงานองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งอุ้มฆ่า เรียกค่าคุ้มครอง ดูแลกลุ่มมาเฟียต่างๆ ทำงานตามใบสั่ง อย่างไรก็ดีกลุ่มพิงค์แพนเตอร์คือระลอกคลื่นต่อมาของอดีตนักรบจากสงครามกลางเมือง พวกเขาไม่ได้มีความคลั่งชาติที่ล่มสลายอีกต่อไปแล้ว

กลุ่มนักปล้นเหล่านี้ มาจากหลายเชื้อชาติของยูโกสลาเวียเดิม ส่วนใหญ่เป็นคนเซอร์เบีย และมีภาพจำความโหดร้ายจากการทิ้งระเบิดของ NATO ทำให้ต้องละทิ้งถิ่นฐาน เป็นผู้อพยพในแผ่นดินตัวเอง บ้านเกิดเมืองนอนไม่มีค่าหรือสามารถจะเลี้ยงชีพได้

ความสามารถในการรบที่ถูกสอนสั่งจนเชี่ยวชาญ จึงแปรสภาพเป็นการวางแผนปฏิบัติการปล้น

“ตอนพวกเขาเป็นทหาร พวกนี้ทำตัวเหมือนกับโจรเลย แต่พอได้มาทำงานเป็นโจรจริงๆ พวกเขากลับทำงานราวกับเป็นทหาร”

**แม้พวกเขาจะเป็นอดีตทหาร หลายครั้งควักปืนออกมาปล้น

แต่ไม่เคยมีผู้บาดเจ็บจากการก่อเหตุของแก๊งพิงค์แพนเตอร์แม้แต่คนเดียว**

**ที่สำคัญไม่ใช่ว่าการจับกุมสมาชิกในแก๊งแล้วเรื่องจะจบ เพราะบางทีพวกเขายังสามารถหนีออกจากศาลระหว่างการพิจารณา ลอยนวลไม่มีใครพบหน้าได้อีกด้วย

โดยเฉพาะสมาชิกหัวโจก คนที่ใส่วิกเอลวิสไปปล้นร้านเพชรในอังกฤษนั้น สามารถแหกคุกโดยการปีนบันไดหนีได้อย่างบันลือโลก

“พวกเขาไม่สนใจเรื่องการติดคุกหรอกนะ เพราะพวกเขารู้วิธีการหนีเป็นอย่างดี”

อย่างไรก็ดีเมื่อตำรวจร่วมมือกันทำงานอย่างเข้มข้น ทำให้สมาชิกหลายคนถูกจับได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งความเลิ่นเล่อ ทำของกลางตก ทั้งการใช้หนังสือเดินทางปลอมที่สนามบิน นั่นทำให้ในเวลาต่อมา ตำรวจส่งตัวสมาชิกแก๊งพิงค์แพนเตอร์ไปขึ้นศาลติดคุกได้ในหลายประเทศ รวมทั้งในญี่ปุ่นและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย

ตอนสอบปากคำ มีสมาชิกหลายคนเล่าวีรกรรมตัวเองด้วยความภาคภูมิใจอย่างมาก แต่เมื่อต้องการหาตัวหัวโจกของแก๊ง สมาชิกหลายคนจะตอบว่า “พวกเราจัดองค์กรเหมือนปลาหมึก”

นั่นหมายความว่าพวกเขามีการจัดตั้งที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่มีใครเป็นผู้นำอย่างแท้จริง สมาชิกหลายคนไม่ได้รู้จักกันโดยเฉพาะ มีแต่ระดับสูงๆ เท่านั้นที่จะคุ้นเคยกัน

จากการสอบสวนพบว่า ทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุ จะมีการส่งมอบให้คนกลางเอาไปขาย แลกเป็นเงินทันที และจะนำไปฟอกเงินเพื่อจะได้ใช้จ่ายอย่างสะอาดบริสุทธิ์

หลายครั้งอัญมณีที่ปล้นมาหลายชิ้นด้วยกัน ถูกนำไปหลอม แล้วส่งไปยังอิสราเอลเพื่อสร้างมูลค่าสินค้าขึ้นมาใหม่ แต่หลายครั้ง ของกลางจำนวนมากจะอยู่ที่ตลาดมืดในยุโรป

กระบวนการที่ซับซ้อนแต่มีวินัย ทำให้พวกเขารวยขึ้นในพริบตา กลายเป็นว่ามีทุนหนา สามารถเอาเงินไปขนยาเสพติด ไปเปิดผับ เปิดร้านอาหาร และมีหลายครั้งที่สมาชิกแก๊งจะเดินทางกลับเซอร์เบียและใช้เงินอย่างสุดเหวี่ยง ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รับรู้ของตำรวจในพื้นที่ด้วย

“แต่จะให้เราทำอะไรเขาล่ะ มันไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามใช้เงินแบบนี้นี่”

6.

หลังปี ค.ศ.2016 ดูเหมือนแก๊งพิงค์แพนเตอร์จะรามือลงไป คาดกันว่าเพราะการกวาดล้างของตำรวจสากลที่จับกุมสมาชิกได้มากมาย รวมถึงการยกระดับของร้านที่ทำให้การจะปล้นไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

แต่ที่น่าสนใจคือ ที่พวกเขาลดการก่อเหตุลงก็เพราะ กลุ่มแก๊งหลายคน ก่อเหตุจนรวย จนสามารถวางมือไปประกอบธุรกิจอย่างอื่นได้อย่างมีความสุขในประเทศเซอร์เบียแล้ว บางคนที่ยังติดคุกอยู่ ก็รอคอยเพียงวันปล่อยตัวเท่านั้น เพราะเงินทองทั้งหมดมีรอหลังได้รับอิสรภาพอย่างแน่นอน

การรวมตัวของแก๊งพิงค์แพนเตอร์นั้น เป็นการรวมตัวกันของเหล่าอาชญากรที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงมาเฟียคอยคุ้มกะลาหัว พวกเขาดูแลกันเองเหมือนเพื่อน บริการดุจญาติมิตร และพันธะที่ทุกคนมีให้กันนั้นเอง จึงทำให้แก๊งพิงค์แพนเตอร์เป็นตำนานในเซอร์เบียอย่างมาก คนในประเทศมองว่าพวกเขาเป็นผู้รักชาติด้วยซ้ำไป

**“พวกคุณเป็นตำนานที่ไม่มีวันตาย

ผมอยากให้ไปปล้นธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา

ที่เก็บทองคำไว้จริงๆ”**

**ความที่ประเทศล่มสลาย แผ่นดินที่เคยอยู่เปลี่ยนไป มีคนได้รับผลกระทบจากสงคราม ในอีกมุมพวกเขาเหมือนอาชญากร แต่อีกมุมพวกเขาก็เหมือนนักชาตินิยมไม่น้อยเลยทีเดียว และการก่อเหตุปล้นหลายประเทศ ก็เหมือนการตอกย้ำศักยภาพของพวกเขา ที่แสดงให้เห็นว่า คนจากประเทศที่สูญสิ้นแห่งนี้ ได้ล้างแค้นให้โลกรู้ว่าพวกเขาคือยอดโจรจากดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง ถูกกระทำในสงครามอันโหดร้าย

อดีตสมาชิกแก๊งเคยเปิดเผยกับสื่อว่า พวกเขาต้องทำงานต่างแดนตั้งแต่อายุยังน้อย ได้พบเพื่อนร่วมงาน ก่อเหตุปล้นไปทั่วโลก แต่ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียว ที่พวกเขาจะลงมือก่อเหตุในบ้านเกิดเมืองนอน ไม่มีเลยสักครั้ง

“ทำไมล่ะครับ” นักข่าวถาม

“พวกเราไม่ปล้นอะไรในประเทศนี้หรอก เราปล้นเพื่อประเทศนี้ต่างหาก”

ข้อมูลอ้างอิงจาก

Balkans' Pink Panther jewel thieves smash their way into myth - Los Angeles Times (latimes.com)

newyorker.com

jewellermagazine.com

nytimes.com

theguardian.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0