วันนี้ (21 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชษฐ -นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อ-แม่และพี่สาวของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 อายุ 18 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้เพียง 1 วัน ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวอีกครั้ง หลังจากที่ พลเอกธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ว่าเกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมระบุว่าแม้บิดา-มารดาของนายภคพงศ์จะไม่สบายใจ ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการนั้น
ทางครอบครัวตัญกาญจน์ เปิดเผยว่า รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่ พลเอกธารไชย ออกมาเปิดเผย เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวไม่เคยได้รับการติดต่อจากโรงเรียนเตรียมทหาร หรือแม้แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิต และสาเหตุที่ทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันแต่อย่างใด เพราะเหตุใดจึงรีบออกมาให้ข่าวว่าเป็นเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน ที่สำคัญก่อนหน้านี้โรงเรียนเตรียมทหาร ทำให้เข้าใจว่าได้ส่งศพนายภคพงษ์ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ แต่ข้อเท็จจริงเมื่อ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจาก ผู้อำนวยการกองการแพทย์ และผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร คือ ศพนายภคพงศ์ถูกส่งไปยังสถาบันพยาธิวิทยา ที่ขึ้นอยู่กับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ขณะที่ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของนายภคพงศ์ บอกว่าที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้รับเพียงใบมรณบัตรจากโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ระบุสาเหตุว่า เกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และทางครอบครัวได้จัดพิธีฌาปนกิจที่ วัดวิเวการาม ตำบลบางพระ จังหวัดชลบุรี ไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้นำศพเผาจริงในวันฌาปนกิจ เนื่องจากครอบครัวต้องการที่จะได้รับผลสนับสนุนและผลการชันสูตรที่แม่นยำ จึงตัดสินใจนำศพนายภคพงศ์ ส่งผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งผลที่ได้รับถึงกับทำให้ครอบครัวตกใจ เพราะนอกจากจะพบรอยช้ำที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากอะไรแล้ว ยังพบว่ามีการหักของซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทำ CPR หัวใจ และยังพบรอยช้ำที่มุมขวาด้านหน้า เช่นเดียวกับบริเวณแผ่นหลัง นอกจากนี้ยังพบว่าอวัยวะสำคัญหลายส่วนหายไป ทั้งสมอง, หัวใจ , กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ โดยที่ไม่เคยได้รับการบอกกล่าวจากผู้อำนวยการกองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหาร ตั้งแต่เมื่อครั้งนายภคพงษ์เสียชีวิต แต่ครอบครัวกลับได้รับแจ้งเพียงว่า ขออนุญาตตัดชิ้นเนื้อบางส่วนเพื่อทำสไลด์หาสาเหตุการเสียชีวิตเท่านั้น
นอกจากนี้ ทางครอบครัวยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้สถาบันที่ 2 ที่ทำการผ่าพิสูจน์ศพ ยังไม่ได้รับอวัยวะที่ถูกนำออกไป ทั้งที่ได้ทำเรื่องขอจากทางผู้อำนวยการกองการแพทย์ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผลการชันสูตรรอบ 2 จะรู้ผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ถูกนำออกไปว่าจะได้คืนเมื่อใด