AIS Business นำโดยบริษัท บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) บริษัทลูกของ AIS และเป็นบริษัทผู้สร้าง YellowPages (หากใครยังจำสมุดหน้าเหลืองกันได้) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดตัวมาร์เกตเพลสใหม่เน้นกลุ่มธุรกิจ SME คือ Yellow B2B2C e-marketplace ตั้งเป้าเป็นช่องทางให้ SME พบผู้ซื้อทั้งรายใหญ่และรายเล็กได้ง่ายยิ่งขึ้น
หน้าตาของ Yellow B2B2C e-marketplace คล้ายกับเว็บไซต์ซื้อของออนไลน์ สามารถค้นหาหมวดสินค้าได้ผ่านเมนูสินค้า เช่น หมวดสินค้าเกษตร, อาหารเครื่องดื่ม, การบริการต่างๆ, อุปกรณ์สำนักงาน และการศึกษา เป็นต้น โดยในช่วงแรกทางแพลตฟอร์มเปิดให้ธุรกิจมาเปิดหน้าร้านบนเว็บไซต์ฟรี โดยคาดหวังว่าแพลตฟอร์มนี้ จะช่วยลดตัวกลางแก่ธุรกิจในการจัดซื้อ ลดเวลาในการสั่งซื้อสินค้า
โดยบริการนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อเชิญชวนและเปิดโอกาสให้สมาชิกของสภาอุตสาหกรรมสามารถใช้บริการนี้ได้ด้วยข้อเสนอพิเศษอีกด้วย
ความน่าสนใจคือ YellowPages เคยเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับธุรกิจ ตั้งแต่สมัยที่อินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนตัวเอง นำข้อมูลธุรกิจขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และล่าสุดได้เปิดตัวมาร์เกตเพลสที่ต่อยอดจากฐานข้อมูลธุรกิจเดิมที่มีอยู่
ทาง บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) บอกด้วยว่า Yellow B2B2C e-marketplace ช่วยธุรกิจปั้น SEO หรือการค้นเจอบนอนนไลน์ได้ เนื่องจากบริษัทมีทีมที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ในงานประกาศ ทาง AIS Business ได้ให้ภาพรวมตลาด SME ในไทยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการกว่า 3.18 ล้านราย (ตัวเลขปี 2022) ซึ่งเป็น 1 ในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันกลุ่ม SME ก็ยังมีส่วนร่วมในการสร้าง GDP ให้กับประเทศถึง 34.2% ซึ่งเมื่อเทียบตัวเลขก่อนโรคระบาดที่กระทบทุกคน มองว่า SME ไทยกำลังฟื้น และคาดหวังว่า เศรษฐกิจปีนี้จะดีขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ AIS Business ลุยธุรกิจโซลูชั่นเพื่อธุรกิจมากขึ้น
ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าธุรกิจของ AIS Business จะได้เช่น สามารถใช้งาน TikTok ฟรีไม่คิดค่าใช้งานดาต้า หากใช้ช่องทาง TikTok ในการขายของ โพสต์คอนเทนต์ รวมถึงใช้แพลตฟอร์มัญชี Flowaccount ฟรี 2 เดือน เป็นต้น
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “หนึ่งใน Sector ของภาคธุรกิจที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของประเทศ คือ SME หรือ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการกว่า 3.18 ล้านราย ซึ่งเป็น 1 ในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันกลุ่ม SME ก็ยังมีส่วนร่วมในการสร้าง GDP ให้กับประเทศถึง 34.2% ดังนั้นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับการดำเนินธุรกิจผ่านการทำ Digital Transformation ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ SME มีอาวุธใหม่ๆ ในการสร้างโอกาสและการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน”
ความเห็น 0