โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

[มี E Book] วาสนาใครไม่รู้ แต่ผู้ชายคนนี้ของฉัน

นิยาย Dek-D

อัพเดต 25 เม.ย. เวลา 10.12 น. • เผยแพร่ 25 เม.ย. เวลา 10.12 น. • Dariztra
[มี E Book] วาสนาใครไม่รู้ แต่ผู้ชายคนนี้ของฉัน
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือโชคชะตาฟ้าลิขิต ฉันถึงได้นั่งขอร้องผู้ชายตรงหน้าที่ดูอันตรายแผ่ซ่านออกมาอย่างปิดไม่มิด

ข้อมูลเบื้องต้น

วาสนาใครไม่รู้…แต่ผู้ชายคนนี้ของฉัน

-------------

เนื้อหาในเรื่องต่อไปนี้ อาจจะมีฉาก คำพูดไม่เหมาะสม (18+)

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น

ตัวละคร สถานที่ เป็นเพียงเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นมา

ไม่มีเจตนาพาดพิงหรืออ้างถึงบุคคลอื่น

ตัวละคร

น้องคิณณ์ x พี่ไอรดา

จู่ ๆ เขาก็หยุดชะงัก…สีหน้าท่าทางคล้ายกับคนไม่อยากจะเชื่อ

“…เธอยังไม่เคย”

“เป็นบ้าเหรอ เคยแล้วต่างหาก”

“ไม่เคย!”

“ไอ้บ้า อย่ามารู้ดีกว่าตัวฉันได้ไหม”

“เธอก็อย่ามารู้ดีกว่าคนทำได้ไหมวะ!!”

มันใช่เรื่องที่เราต้องมานั่งเถียงกันว่าฉันซิงไม่ซิง ในขณะที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มกันมั้ยวะ ไอ้ผู้ชายประสาท!!!!

TAlK WITH DIZ

เรื่องนี้ดิซชอบพระเอกมากกกก ใครชอบพระเอกลุคแบด แต่คลั่งรักต้องลองอ่าน

นางเอกที่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ กับพระเอกที่อันตรายยิ่งกว่าอันตราย ใครจะชนะ!!


อย่าลืมกดหัวใจ ❤️ + กดติดตาม + คอมเมนท์พูดคุยกันได้นะคะ

❤️❤️❤️❤️

บทนำ

บทนำ

ปึก ปึก ปึก !

เสียงเนื้อกระทบกันดังกังวานไปทั่วห้องยามที่ทั้งสองฝ่ายต่างขยับเข้าหากันอย่างเร้าร้อนไม่มีใครยอมใคร

“คะ คิณณ์” เสียงสั่นของหญิงสาวซึ่งอยู่ใต้ร่างเปล่งร้องเรียกไร้จุดหมาย ทั้งร่างเคลื่อนไถลไปตามแรงอารมณ์ของคนด้านบน รุนแรง ดุดัน เข้าขั้นซาดิสม์

นี่ไม่ใช่รสนิยมของเธอเลยซักนิด แต่ที่ยอมทำเพียงเพราะอยากเป็นคนที่รองรับอารมณ์ของคนที่เธอแอบชอบ แต่ไม่มีสิทธิที่จะได้แสดงความรู้สึกออกไปหากต้องการที่จะยังมีโอกาสได้อยู่กับเขาต่อตามข้อตกลง

เม็ดเหงื่อผุดออกมาตามกรอบหน้าคมกริบ ดวงตาคมจ้องมองร่างบางที่มีทรวดทรงชัดเจนขยับไหวและใบหน้าหวานซึ่งกำลังเสพสุข เขาจ้องมองที่คอสวยซึ่งเกร็งเครียดยามที่แรงอารมณ์เล่นงาน มือหน้าคว้าเข้าไปก่อนบีบอย่างไม่ลังเล

“อึก…คิณณ์ อ๊ะ!”

เพี๊ยะ! ใบหน้าซึ่งปกติเนียนใสสะบัดตามแรงตบ ไม่เบา ไม่แรง นั่นทำให้อารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง สูงขึ้นไปได้อีก แสงไฟส่องปรากฎรอยนิ้วซึ่งผุดเป็นรอยแดงจาง ๆ ขึ้นมา

เขามีรสนิยมในเซ็กซ์ค่อนข้างจะเอาแต่ใจมากหน่อย เรื่องนี้จะเป็นเรื่องผิดและยอมรับไม่ได้ไปเลยหากทำไปโดยที่ปราศจากการพูดคุยกันก่อน ทุกครั้งหากต้องหลับนอนกับใครซักคนก็จะบอกกันตรง ๆ ก่อนเสมอ ถ้าอีกฝ่ายรับไม่ได้ก็แค่แยก

ไม่มีการเอาเปรียบ และแน่นอนว่าไม่มีการอ่อนโยน

แรงบีบค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนล่างก็ยังคงทำงานของมันไม่ยอมหยุด เสียงหอบหายใจหนักของทั้งสองดังขึ้นแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศทำบรรยากาศในห้องแทบลุกเป็นไฟ

“คิณณ์ หายใจไม่ออกแล้ว” เบาเล็กตบแขนแกร่งซึ่งมีมัดกล้ามเรียงสวยเรียกสติ ตาของเธอเริ่มพร่ามัวเหมือนจะหมดสติอยู่ร่อมร่อ “หะ หายใจไม่ออก”

ดูคนใต้ร่างทรมานอยู่อีกซักครู่เขาก็ปล่อยมือออก จนคนตัวเล็กไอออกมาหลายครั้ง หอบหายใจเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนเขาจะทำให้เธอผวาอีกรอบตอนที่มือทั้งสองข้างรั้งเอวคอดกิ่วไว้แน่นก่อนสอบสะโพกเข้าออกไม่ปล่อยพักหายใจ

“หละ…หลินเหนื่อย” เสียงเล็กเค้นเสียงออกมาแทบไม่ได้ยิน หวังให้คนตรงหน้าช่วยเห็นใจและเบาแรงลงกว่านี้

“ทน” ไม่มีความเห็นอกเห็นใจปะปนผ่านน้ำเสียง หรือแววตายามที่เขาจ้องมองมาที่เธอเลยซักครั้ง

สำหรับเธอมองว่าทั้งหมดนี้คือการร่วมรัก แต่สำหรับเขานี่เป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ตกลงกันชัดเจนว่าเราเป็นแค่คนที่ใช้จัดการความใคร่ยามที่ความอยากเล่นงานเท่านั้น

มันชัดเจนมาก…แต่เธอก็ยังไม่อาจที่จะรักษากฎที่ตั้งขึ้นมาระหว่างเราได้ ‘เธอชอบเขา’ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในความสัมพันธ์นี้

ความเป็นชายแข็งขืนยังคงขยับเข้าออกภายในพื้นที่ร้อนใจ หญิงสาวร้องออกมาเสียงแหบพร่า มันทรมานจนแทบขาดใจ แต่เพราะเป็นเขาที่มอบให้มันเลยเป็นความสุขของเธอ

เขาเป็นคนที่มัวเมาและชอบเห็นคนอื่นต้องเจ็บปวด…นี่เป็นเพราะรสนิยมหรือเป็นเพราะเขาไม่เคยรักใคร หญิงสาวได้แต่คิดแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

และเธอก็หน้ามืดมากพอที่หลงไปกับความเจ็บปวดนั้น และรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่เพราะรสนิยมแต่เป็นเพราะเธอชอบเขาจนยอมได้หมดทุกอย่าง

“อ๊ะ…อื้อ!” ร่างกายกระตุกไร้การควบคุม จนสายตาและสมองเริ่มพร่าเนื่องจากกินเวลานาน และหลายรอบเกินไปจนร่างกายแสบชาไม่ไหวแล้ว

ก่อนที่สมองจะตัดการรับรู้ไปจิตใต้สำนึกที่เวียนวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราก็สั่งให้พูดสิ่งที่ไม่ควรออกจากปากออกมาโดยที่ไม่มีสติยับยั้ง

“หลินชอบคิณณ์นะ…”

ร่างหนาที่ยังไม่ทันได้ถึงฝั่งซักรอบชะงักงันทุกอย่างเมื่อได้ยินเสียงคนซึ่งพูดบางสิ่งออกมาก่อนจะสลบไป

ชอบเขา?

เขาถอนตัวตนออกมาแม้จะหงุดหงิด จากตอนแรกคิดว่าอยากจะเอาสิ่งที่อึดอัดออกซักรอบแต่ตอนนี้ดันมีสิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียจนไม่สามารถทำต่อไปได้

คนตรงหน้าคือเพื่อน เป็นเพื่อนที่ตกลงกันว่าจะอยู่กันแบบที่คนอื่นเรียกเป็นทางการว่า friend with benefits เป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยผลประโยชน์ และผลประโยชน์ที่ว่านั่นก็คือเซ็กซ์ เอาไว้เรียกคู่นอนประจำ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง

ข้อตกลงของพวกเรามันง่ายมาก แค่เราห้ามรู้สึกลึกซึ่งต่อกัน เพราะความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้สลัดอีกฝ่ายออกยากสำหรับคนที่อยากใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ อย่างเขา

แม่ง!…ทำไมเป็นแบบนี้ทุกทีเลยวะ คุยกันไว้ดิบดี แต่ไม่ว่าจะหน้าไหนก็ทำมันไม่ได้ซักคน

ผู้ชายคนนี้มันดิบเถื่อนซะจริงเลยยย เลือดกำเดาไหล เมาความแบดมากค่ะคุณคิณณ์!!!!

บทนำ [2]

บทนำ [2]

ความหนาวเหน็บทำเอาร่างบางที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มสั่นสะท้านกวาดมือหวังคว้าคนข้างกายเพื่อขอความอบอุ่น

ไม่มี…อีกแล้วสินะ ไม่เคยเลยที่จะอยู่ข้างกันหลังจากที่เขาที่เขาสำเร็จสิ่งที่ต้องการ

เปลือกตาสวยลืมตาช้า ๆ ร่างกายยังคงปวดร้าวระบม แต่ก็จำใจต้องลุกขึ้นพยุงร่างเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่ยังมีร่องรอยแดงเป็นปื้นบางจุดจากการกระทำที่รุนแรงในบางช่วง แต่สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของไม่มีให้เห็น ราวกับไม่ต้องการทิ้งให้ความรู้สึกไว้เลย

เป็นแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ตกลงปลงใจกัน จนถึงวันนี้

เสียงทีวีดังลั่นเข้ามาในห้องนอน บ่งบอกว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ไปไหน แม้จะแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะปกติหลังเสร็จสิ่งที่ต้องการแล้วเขาแทบจะหายไปในทันที แต่วันนี้กลับอยู่ทั้งคืนและรอเธอตื่นอีก

“คิณณ์ หลินหิวข้าวอ่ะ เราออกไปหาอะไรทานกันมั้ย” ประตูห้องนอนถูกเปิดออกปรากฏร่างสวยในชุดคลุมอาบน้ำ เขาเงยหน้ามองนิ่ง ๆ ก่อนจะเบนสายตาไปที่กล่องข้าวซึ่งสั่งมาไว้แล้ว

“สั่งมาแล้ว กินสิ” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอีกครา ความใจดีนี่คืออะไรกันนะ

แต่ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป แล้วเดินตรงไปนั่งข้างเขาต่อหน้ากล่องข้าว ก่อนนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าเขาสั่งอะไรมาให้

“คิณณ์ หลินไม่ทานเผ็ด”

ร่างสูงข้างตัวเหลือบมองนิดหน่อยแต่ดูไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มองเธอพยายามเขี่ยพริกออกจากผัดกะเพราด้วยความทุลักทุเล

“เหรอ… ไม่รู้” ลมหายใจจากสาวน้อยพ่นออกมาเบา ๆ ใช่สิ เขามันเคยสนใจอะไรบ้างล่ะ “แล้วจะกินมั้ย”

“กินสิ ว่าแต่ทำไมวันนี้รอหลินตื่นก่อนล่ะ” เธอหันไปถามเล็กน้อยแล้วกลับมาให้ความสนใจกับพริกเม็ดเล็ก ๆ ต่อ

“จะเอาคีย์การ์ดคืนให้ แล้วคีย์การ์ดคอนโดฉันอยู่ไหน” หลินย่นคิ้วกับคำตอบ และคำถามเมื่อสักครู่

เราต่างมีคีย์การ์ดเข้าห้องของกันและกัน มันก็เพื่อความสะดวกในการนัดทำเรื่องอย่างว่า แต่วันนี้จะเอาคืนหมายความว่าอย่างไร

ดวงตาคมมองมือที่ถือช้อนกับซ้อมพลาสติกที่เริ่มสั่นเล็กน้อย หน้าตาของหลินก็ดูสับสนชัดเจน

“แล้วฉันก็มีเรื่องจะคุยด้วย”

“เบื่อกันแล้วเหรอ” เธอกลั้นใจถามเขา ว่าแล้ว…ว่ามันแปลก ๆ คนอย่างคิณณ์น่ะเหรอจะมีน้ำใจซื้ออะไรให้ แต่ก็ไม่คิดว่าความใจดีของเขา มันจะทำเพื่อจบความสัมพันธ์

“เปล่า…” เขามองดวงตากลมโตที่เริ่มมีน้ำตารื้นออกมา ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเห็นใจ แต่กลับทำให้เขาเริ่มหงุดหงิด “เธอชอบฉัน วันนั้นเราคุยกันว่าไง ถ้าเธอทำตามที่ตกลงไม่ได้เราก็จบกัน”

“ตะ…แต่ว่า”

“ไม่มีแต่” ความอยากอาหารหมดไป เธอทิ้งทุกอย่างในมือแล้วยกมาปาดน้ำตา

“มันผิดมากเหรอ ที่ฉันชอบนาย มันผิดมากเลยเหรอ”

“ไม่ผิด แต่ในความสัมพันธ์ที่เราเลือก และที่เราตกลงกันตั้งแต่แรก เธอทำผิดไง ถ้าเธอทำมันไม่ได้จะตกลงทำไมวะหลิน เธอก็รู้ว่ามันจะไม่ได้อะไรจากฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ก็บอกทุกอย่างไปชัดเจนแล้ว แต่เรื่องก็มาเกิดขึ้นอีก

เขาค่อนข้างจะแฟร์มาก ๆ กับเรื่องนี้นะ เขาค่อนข้างจะมั่นใจ ต่อให้เราแยกย้ายกันไปมีคนอื่นเขาก็ยังคุยด้วยได้แบบเพื่อนเหมือนเดิม แต่แม่ง…ทุกคนที่ตัดความสัมพันธ์ก็เป็นแบบเธอ มาคาดหวังอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้แบบนี้ จะกลับไปคุยกันได้ไง

“ความรักมันห้ามกันได้เหรอคิณณ์ ฉันไม่ดีตรงไหนเหรอ”

“อย่ามาพูดอะไรยืดยาว เอาคีย์การ์ดมาได้แล้ว ฉันจะได้ไปซักที” คิณณ์เริ่มหัวเสียลุกขึ้นยืนกดดันหลินที่ตัวสั่นเทา

“นายใจร้ายได้ขนาดนี้เลยเหรอคิณณ์ ที่ผ่านมาฉันไม่มีกับนายตรงไหน ฉันซื่อสัตย์และรองรับอารมณ์ของนายมาตลอด ทำไมนายเอาแต่เย็นชา นายมีหัวใจบ้างไหม!”

แบบนี้ไงถึงได้น่าหงุดหงิด เขากลอกตาอย่างเบื่อหน่าย เขาผิดตรงไหนเนี่ย เพราะเขาทำตามข้อตกลงทำไมเขาถึงเป็นคนผิดวะ แล้วทำไมคนที่แอบชอบเขาถึงมาทำตัวน่าสงสารขอความเห็นใจแบบนี้

“หลิน ฉันจะพูดอีกครั้ง…แค่ ครั้ง เดียว” เสียงเข้มหนักแน่นทำให้ลมหายใจหญิงสาวสะดุดกึก แววตาของคิณณ์ฉายเงาสะท้อนเธออยู่ แต่มันเย็นชาจนแทบไร้ความรู้สึก “ฉันอยากได้อะไรจากเธอ เธอรู้ดีเพราะฉันพูดไปแล้วแต่แรก ฉันไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของเธอสักนิดเดียว”

“…”

“มันเป็นเธอเองรึเปล่า ที่เอาสิ่งที่ฉันไม่ได้ขอมาให้เอง เรื่องนี้ฉันผิดหรือเธอกันแน่ที่ผิด”

ใช่ เธอผิด ผิดที่คิดว่าผู้ชายตรงหน้าจะเปลี่ยนไปได้เพราะเธอ หลงคิดว่าวันหนึ่งจะเข้าไปอยู่ในใจเขาได้บ้างซักเสี้ยววินาทีหนึ่ง แต่ป้อมปราการเขามันแข็งแกร่งซ่ะจนไม่มีวันเจาะเข้าไปได้ แต่เธอก็ยังหวัง…หวังว่ามันจะมีซักวัน

“ฉันน่ะมีหัวใจอยู่แล้ว เพราะฉันไม่เคยเอาไปให้ใคร เธอต่างหากที่เอาหัวใจตัวเองมาล้อเล่น มันไม่ดีเหรอวะที่ฉันจะคืนให้เพราะไม่ต้องการ ดีกว่าฉันเหยียบย่ำเธอ”

“ไม่ดี ทำไมนายไม่เก็บไว้ล่ะ นายอยากได้ผู้หญิงแบบไหนฉันจะเป็นให้ทุกอย่าง” ดื้อรั้นนี่คือนิยามของหลิน เธอเพียบพร้อมทั้งรูปร่าง หน้าตา ฐานะ และชาติตระกูล แต่มีผู้ชายหน้าโง่ถึงสองคนที่ปฏิเสธเธอ และทั้งสองก็เป็นเพื่อนกันด้วย

เธอชอบผู้ชายโปรไฟล์ดี หน้าตาดี และไม่เคยลังเลจะเข้าหา ‘กัปตัน’ เป็นเป้าหมายแรก แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทุกอย่างก็พังทลายเพราะในสายตาของผู้ชายคนนั้นมีไว้ให้ผู้หญิงเพียงคนเดียว

และคิณณ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายต่อมาที่ดีไม่แพ้กัน แต่เขาก็ดันเป็นผู้ชายที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย

ความมั่นใจถูกกัดกร่อนจนแทบหายไปหมดสิ้น น่าเจ็บใจ…ที่เธอหลงรักเขาหมดใจ แม้จะต้องรับฟังคำพูดร้ายกาจทิ่มแทงจิตใจจนป่นปี้

“เธอไม่มีวันเป็นได้ เพราะฉันไม่ชอบเธอ” เธอส่ายหน้าไม่ยอมรับ ไม่จริง…มันต้องมีความเป็นไปได้สิ “เลิกดันทุรังเถอะหลิน เธอสวย เธอเก่งไปหาผู้ชายดี ๆ ซะไป”

“ถ้าแค่ชอบคนดี ๆ ฉันจะชอบนายทำไม แล้วถ้าคนเรามันชอบคนดีขนาดนั้น…” ท้ายประโยคเสียงเธอขาดหายพร้อมเสียงสะอื้นดังขึ้นมา “นายก็ชอบฉันซะสิ”

“…” ปวดหัวฉิบหาย สมองของคิณณ์มีแต่ความหงุดหงิด ยามมองคนที่พยายามทุกทาง “เธอกำลังทำคุณค่าตัวเองลดลงรู้ตัวมั้ย”

“ฉันไม่สน! คุณค่าในตัวเองนายก็เหยียบมันจนเละไปหมดแล้วไง”

ลมหายใจหนัก ๆ ของคนร่างสูงพ่นออกมาระบายอารมณ์ขุ่นมัว ก่อนพยักหน้า แล้วคว้าคีย์การ์ดห้องบนโซฟาขึ้นมา

“ตามใจ เดี๋ยวจะฝากไว้ที่ล็อปบี้แล้วกัน” ส่วนห้องเขาแค่เปลี่ยนตัวล็อกประตูใหม่เท่านั้นก็พอ

เมื่อเห็นว่าคิณณ์ไม่ทุกข์ร้อน เธอก็กระวนกระวายจนอยู่ไม่นิ่งเริ่มดึงรั้นอีกฝ่ายให้หยุดเดินออกไป “หยุด! ฮืออ อย่าไปนะคิณณ์ หลินขอร้อง อย่าไปนะ”

“ปล่อย” เสียงเตือนจากริมฝีปากหยักลึกเป็นเหมือนคำประกาศิตที่เธอต้องปล่อยอย่างหวาดกลัว

“คิณณ์…” แม้ว่าจะอ้อนวอนเพียงใด ก็ไม่อาจรั้งเขาไว้ได้จริง ๆ

ปัง !

ร่างเล็กทรุดฮวบลงไปจนเข่ากระแทกพื้นรุนแรง แต่ร่างกายชาจนลืมเจ็บปวด เพราะความเจ็บปวดทุกอย่างมันมารวมอยู่ที่หัวใจหมดแล้ว

“ฝากไว้ให้ห้อง 612 ครับ” คิณณ์บอกพนักงานเสียงเรียบนิ่ง

เหนื่อยเป็นบ้าเลย จบกันที แบบนี้เขาคงเข็ดไปอีกนาน

บทนำ [ครบ]

บทนำ [ครบ]

Kinn talks…

เสียงเพลงครึกครื้นในร้านเหล้าของวันสุดท้ายของวันสอบไฟนอล ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาไม่ขาดสาย ช่วงนี้เหล้าขายดีเป็นพิเศษและร้านเหล้าทุกร้านแถวมหาวิทยาลัยเต็มทุกร้าน ถ้าไม่ได้จองโต๊ะไว้ล่วงหน้าไม่มีทางที่จะได้โต๊ะนั่งเด็ดขาด

“พวกมึง วันนี้กูกลับเร็วนะ” ทันทีที่เพื่อนอย่างไอ้กัปตันหย่อนตูดลงเก้าอี้ไม่ถึงสองวิมันก็พูดบอกกลางวง

กัปตันเป็นเพื่อนในเซคที่สนิทกันผ่านไอ้เฟรม มันเป็นพวกนิ่ง ๆ ไม่ค่อยอะไรกับใคร คบง่ายอยู่ไปอยู่มาก็สนิทกันกลายมาเป็นกลุ่มเดียวกันไปเฉยเลย

“เหี้ยไร…วันนี้เขามีแต่ไม่เมาไม่กลับกัน มึงจะมากลับเร็วได้ไงวะ” ไอ้เฟรมพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ ตอนนี้เพื่อนมากันครบแล้วและด้วยความที่โต๊ะผมรวมกับรุ่นพี่ที่รู้จักคนก็เริ่มทยอยเข้ามานั่งกันทีละคนสองคน

“กูมาก็ดีแค่ไหนละ อย่าปากมาก” ไอ้กัปตันว่างั้นก่อนหยิบแก้วเปล่ามาใส่น้ำแข็งไม่สนใจ

“เข้าใจมันหน่อยดิ๊ พรุ่งนี้พี่เมษากลับบ้าน เขาก็อยากมีช่วงเวลาแสนพิเศษกันบ้างดิ” ไอ้โรมเพื่อนต่างคณะที่สนิทกันผ่านกัปตันพูดพลางกอดคอไอ้กัปตันแล้วพูดแซว จนคนในโต๊ะหัวเราะ แต่ดูเหมือนคนที่โดนแซวไม่ได้เขินอะไร มีแต่ยืดอกภูมิใจอีกต่างหาก

“กูเบื่อพวกติดเมีย” ไอ้เฟรมเบ้หน้าพลางส่ายหัว แม้ว่าพี่เมษาจะยังไม่ได้เป็นอะไรกับเพื่อนผมแต่ก็เป็นคำพูดติดปากที่เอาไว้เรียกผู้หญิงของเพื่อนไปเสียแล้ว “ละมึงล่ะไม่รีบกลับเรอะ ปล่อยพี่เกลนอนอยู่หอคนเดียวไม่เปล่าเปลี่ยวหัวใจเหรอ”

“รายนั้นนอกจากจะไม่เปล่าเปลี่ยวแล้วยังชอบใจที่กูไม่ไปเจ๊าะแจ๊ะ เม็นส์มาวันนี้ด้วยไง อารมณ์ขึ้นลงยิ่งกว่าชิงช้าอีก” โรมถอนหายใจเซ็ง ไม่รู้ว่าที่อารมณ์เสียเพราะต้องรองรับอารมณ์เมีย หรือเพราะไม่ได้เจ๊าะแจ๊ะเมียกันแน่ แต่เดาว่าคงเป็นอย่างหลัง

เบื่อพวกมีเมียว่ะ อายุยังไม่ถึงเลขสองกันเลยซักคน รีบมีกันทำไมนักหนาวะ

หลังจากพูดคุยกันตามประสาผู้ชายกันบ้างเหล่สาวกันบ้าง ก็เวลาล่วงเลยมาพอสมควร

“เฮ้ย ๆ เขยิบให้พี่ชายกูหน่อย” ไอ้เฟรมพูดขึ้นมาทำให้พวกเราขยับเก้าอี้กันอย่างงุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จนกระทั่งไอ้เฟรมแนะนำ “นี่พี่คินนะ เป็นลุงรหัสกูเองแต่พี่แกซิ่วไปเรียนกรุงเทพแล้ว”

ผมจำได้ว่าสายรหัสไอ้เฟรม มีมัน พี่เกลแฟนไอ้โรม และข้ามไปรุ่นพี่ปีสี่เลย หายไปคนหนึ่งเพราะซิ่วน่าจะเป็นคนนี้แหละ

ทุกคนพยักหน้าพลางยกมือสวัสดีอดีตรุ่นพี่มหาวิทยาลัย “ลุงแกจะเลี้ยงเหล้าเองทุกคนเต็มที่!” พอพูดคำว่าเลี้ยงทุกคนก็ตาวาวยกมือพรึ่บพรั่บเรียกพนักงานเพื่อสั่งของเพิ่มไม่มีคำว่าเกรงใจ

“ขอโทษนะคะ” เสียงเล็ก ๆ จากคนนอกทำให้ทั้งโต๊ะหยุดชะงักการพูดคุยแล้วหันไปสนใจต้นตอของเสียงเรียก “ขอไอจีหน่อยได้มั้ยคะ พอดีเพื่อนฝากมาขอน่ะค่ะ”

โทรศัพท์ถูกยื่นไปที่ผู้ชายหน้าเบื่อโลกที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเพื่อนอย่างกัปตัน มันตวัดสายตามองแล้วใช้ฝ่ามือดันออกไปนิด ๆ

“ผมไม่เล่นไอจี” มันพูดเพียงเท่านั้น เป็นคำตอบปฏิเสธซิกเนเจอร์ของมันไปแล้ว พวกเราก็ยิ้มแห้ง เพราะเธอหน้าเหวอไปและดูเหมือนไอ้กัปตันก็ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย

ไม่ใช่พี่เมษาก็เหนื่อยหน่อย…นี่คือนิยามความคิดของผู้ชายซึ่งมีสาวหมายปองเป็นอันดับต้น ๆ ของมหาวิทยาลัย

“งั้นขอไอจีนายได้ไหม” โทรศัพท์ถูกยื่นไปที่ไอ้โรมซึ่งอยู่ใกล้กัน มันก็ยิ้มแหยแล้วส่ายหน้าเบา ๆ

“ขอโทษครับคนสวย เรามีแฟนแล้วอะ” ไอ้โรมตอบอย่างมีมารยาทต่างจากเพื่อนของมันมาก เธอก็หน้าเสียไปอีกก่อนจะหน้าจ๋อย เหมือนสายตาเธอจะเผลอปะทะเข้ากับผมโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็ตาวาวขึ้นมาอีก

“งั้น…” ผมถอนหายใจแล้วหันหน้าหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อเธอหยุดอยู่ตรงหน้า “เราขอไอจีนายหน่อย”

ทุกคนในโต๊ะเริ่มอมยิ้มเพราะปกติผมไม่มีปฏิเสธอยู่แล้ว ใครจะขอห่าขอเหวอะไรกับผม ผมก็ให้หมดยกเว้นเบอร์โทรศัพท์เพราะไม่อยากวุ่นวายรับสาย ผมเป็นประเภทที่ต่างกับเพื่อนโดยสิ้นเชิง ใครคุยกับผมผมก็คุยหมดแหละ

แต่วันนี้แค่ขี้เกียจแล้วก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเอาซ่ะเลย “โทษทีนะเธอ ไม่สะดวก”

ใบหน้าสวยทำหน้าผิดหวังแล้วหันหลังกลับไปในทันที

“เหี้ย! ไอ้คิณณ์แม่ง ผีหื่นในตัวมึงออกไปแล้วเหรอวะ ใครเอาพระมาไล่ให้วะน่ะ” ไอ้โรมหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ความหื่นน่ะยังมีเต็มร้อยเลย แต่ยังเข็ดจากความวุ่นวายไม่หายเลยว่าจะพักก่อน

“ช่วงนี้กูเซ็ง” ผมพูดแค่นั้นพวกมันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะไอ้กัปตันเริ่มบอกเพื่อนว่าจะกลับแล้ว ทุกคนเลยพร้อมใจกันจับเหล้ากรอกปากมันอย่างไม่ปรานี

ผมก็ดื่มของตัวเองไปเงียบ ๆ หันมองซ้ายขวาบ้างในบางที ปะทะเข้ากับคนมากหน้าหลายตา คุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้างแล้วถอนหายใจเซ็ง อยากหาที่ระบายแต่ก็เบื่อความวุ่นวาย

อยากได้แบบคืนเดียวแล้วจบกันไปได้ไหมวะคืนนี้

“เชี่ย…พี่แม่งจะล่อพี่รหัสตัวเองเลยอ่อ” เสียงไอ้เฟรมพูดพลางกระซิบแต่เพราะมันอยู่ใกล้ผมเลยเสสายตามองมันที่คุยกับอดีตลุงรหัสแบบน่าตื่นเต้น

“เออ…แต่เขาไม่รู้นะว่าเป็นกูอะ” พี่คินยิ้มเลว ๆ ที่ผมเห็นแล้วค่อนข้างขยาดเล็กน้อย “สวยสัสเลยนี่หว่า กูตกใจเลยตอนเห็นในแอปหาคู่”

“ใช่เขาตัวจริงหรือเปล่า พี่เขาไม่น่าจะมาเล่นอะไรแบบนี้นะ” ไอ้เฟรมใช้นิ้วเขี่ย ๆ ในแชทแล้วตาโต “นัดกันด้วยเหรอ เชี่ยยย”

“ใช่ตัวจริงหรือเปล่าเดี๋ยวคืนนี้ก็รู้เองแหละ ถ้าใช่นะยับอ่ะกูบอกเลย”

เหม็นขี้หน้าวะ…

ผมกลอกสายตา ไอ้รุ่นพี่นี่แม่งสะเหล่อชิบ ชอบโชว์ออฟ แล้วยังเอาผู้หญิงมาป่าวประกาศอีก

“ไอ้คิณณ์ไปส่งกูหน่อยดิ” ผมหลุดออกจากห้วงความคิด แล้วมองไปยังไอ้กัปตันที่หน้าเน้อแดง เสียงเริ่มยานนิด ๆ หันไปพูดกับไอ้พวกตัวดี “กูกลับละไอ้สัส ถ้ากูกลับแล้วหลับก่อนได้คุยกับพี่เมนะ กูจะกลับมาฆ่าพวกมึง”

“สามทุ่มเองนะเว้ย มึงนี่ติด…จริง ๆ เลย” เพื่อนไอ้โรมพูดล้อก่อนจะหุบปากฉับเมื่อไอ้กัปตันทำหน้าไม่เล่น

“พูดถึงเขาดี ๆ ไอ้พี กูต่อยนะบอกก่อน”

“ค้าบเพื่อน สุดที่รักของมึงอะเนอะ โทษทีปากกูหมาไปหน่อย”

“ไปได้แล้วไอ้ตัน เดี๋ยวมึงก็ล่วงก่อนได้เจอเขาหรอก” ใบหน้าหล่อสะบัดไล่ความมึนงงเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาพยักหน้ากับผม

พอเข้ามานั่งที่รถได้ครู่เดียวมันก็ถอดหายใจยาวเหยียด แล้วปิดเปลือกตาหลับ ตอนแรกคิดว่ามันจะหลับแต่ดันได้ยินมันพูด “ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลยโว๊ย คิดถึงตายห่าแน่กู”

“คิดถึงพวกกูเหรอ” ผมพูดกวนส้นตีนกลับไปมันก็ทำเสียงโอ๊กอ้ากเหมือนจะขย้อนเศษอาหารใส่รถลูกรักของผม

“พวกมึงจะไปไหนก็ไปเห๊อะ กูสนใจแค่พี่เมเท่านั้นแหละ” เป็นอันเข้าใจดีว่าเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน

แม้ไม่ใช่คนที่เคยมีความรักและไม่ค่อยเข้าใจว่ามันรู้สึกแบบไหน แต่พอเห็นเพื่อนมีความรักก็อดไม่ได้ที่จะยินดี แต่ก็มีคำถามมากมายเช่นกัน

“มึงคิดว่ามึงจะชอบพี่เมษาไปได้นานแค่ไหนวะ” ผมถามตาและมือก็ใช้เพื่อขับขี่ไปตามท้องถนนไปด้วย

“อืมมมม” มันลากเสียงแล้วขมวดคิ้วนึก “ตลอดไป”

“หยุดเวอร์” ผมส่ายหน้า ไอ้พวกความรักบังตาเอ้ย!!

“เวอร์อะไร กูพูดจริง ๆ ไม่มีใครน่ารักเท่ากับเขาอีกแล้ว” ผมกลอกตาหมั่นไส้มันรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“เยอะแยะ”

“กูหมายถึงในความรู้สึกโว้ย ความรู้สึกที่ต่อให้คนมาเรียงต่อหน้าเป็นร้อย ๆ ก็เอามาแทนคนที่อยู่ในหัวใจไม่ได้น่ะ เคยรู้สึกบ้างไหม”

“ไม่” ผมตอบตามความจริง สำหรับผมเบื่อก็แค่เปลี่ยน มันเป็นแบบนี้ตลอดแหละ

“งั้นแสดงว่ามึงยังไม่เคยรักใครไง” มันพูดเหมือนกับรำคาญ รู้สึกว่าคุยกับคนที่ต่างความคิดกันแบบสุด ๆ ผมกับไอ้กัปตันเข้ากันได้ดีแค่เรื่องเรียนเท่านั้น แต่เรื่องการใช้ชีวิตเราต่างกันโดยสิ้นเชิง

“มึงรู้ได้ไงว่าคือความรัก บางทีอีกซักสิบปี มึงอาจจะเพิ่งมาคิดได้ว่ามันไม่ใช่ก็ได้นะ”

“ไว้ตอนนั้นค่อยคิดก็ได้ แต่วันนี้กูรักไง แค่นั้นยังไม่พออีกเรอะ ต้องเป็นห่วงอนาคตทำเหี้ยไร ปัจจุบันยังจีบไม่ติดเลยสัส”

พอมันพูดคำนี้ออกมาผมกับมันก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ก็จริงของมึง” ผมเลี้ยวเข้าไปส่งใต้คอนโด มันก็รีบลงรถทันที แต่ก่อนจะไปมันก็เคาะกระจกให้ผมกดลงกระจกเพื่อฟังมันพูดอะไรบางอย่าง

“ไว้ตามมาอยู่แก็งค์คนคลั่งรักนะเว้ย กูจะรอ” พูดจบมันก็วิ่งเข้าคอนโดไปเหมือนกลัวว่าคนที่รออยู่จะหายไปก่อน

“รอไปเหอะสัส ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่ ๆ อ่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองแล้วลี้ยวหัวรถเพื่อกลับไปยังร้านเหล้าที่เดิม

เวลาที่เราร่วมวงกับคนที่จู่ ๆ ก็ไม่ชอบขี้หน้าอย่างไม่มีสาเหตุนี่มันโคตรจะอึดอัดเลย ผมกลับมานั่งที่โต๊ะได้ยินแต่ไอ้รุ่นพี่ที่ชื่อพ้องเสียงกับชื่อผมโม้เรื่องผู้หญิงไม่ยอมหยุด มันให้ไอ้เฟรมเลื่อนดูแชทที่คุยกับสาว ๆ บ้างก็ให้ดูรูปที่อีกฝ่ายส่งมา เห็นหน้าบ้างเห็นอย่างอื่นบ้าง

แต่บอกตามตรงนะ นิสัยทุเรศฉิบหายเลย สงสารผู้หญิง

“ไอ้เฟรมกูออกไปสูบบุหรี่ก่อนนะ” ผมบอกมันมันก็พยักหน้าแต่ก็ทำหน้างงที่ผมไม่ชวนมันไปด้วย

เดี๋ยวแม่งชวนมัน มันก็ชวนไอ้สันดานเหี้ยนี่ไปด้วย ผมเลยไม่ชวนแม่งแล้ว…

ผมออกมาสูบบุหรี่ตรงบริเวณที่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นข้างห้องน้ำ ผู้หญิงหลายคนเหล่ตามามองบ้างเป็นพัก ๆ แต่ก็ไม่มีคนกล้าเดินเข้ามา คงเป็นเพราะหน้าผมยังคงติดความหงุดหงิดอยู่ในที

คิดว่ามันคงเป็นแบบนั้นผมก็เลยไม่ได้สนใจ แล้วกะว่าจะชิ่งเพื่อน ๆ หนีกลับแล้ว แต่เดินผ่านหน้าร้านยังไม่ถึงลานจอดรถก็มีผู้หญิงคนหนึ่งคว้าไว้ซ่ะก่อน

“…” เธอยังไม่ปล่อยมือที่คว้าเข้ากับแขนของผมเพื่อหยุดการเดินของผม ดวงตาสว่างวาววับพร้อมแพขนตาที่ขยับเชื่องช้าดูที่ทางจะเมาได้ที่

“อะไร”

“นายชื่อคินหรือเปล่า” เธอเอียงคอถามสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจนัก ผมมองหน้าเธอสลับกับมือเธอที่ยังไม่ปล่อยเสียที เหมือนเธอเพิ่งนึกได้เลยรีบปล่อยมือ “โทษที แล้วสรุปนายชื่อคินใช่มั้ย”

“ใช่ มีอะไรรึเปล่า” ผมย่นคิ้ว ก่อนที่คิ้วจะขมวดหนักกว่าเดิมเมื่อเธอถามคำถามต่อมา

“นายจะไปห้องฉันหรือฉันจะไปห้องนายดีล่ะ”

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0