"เต้ มงคลกิตต์" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยกมือไหว้ขอโทษ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" อดีต รมว.คมนาคม หน้าศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ยอมรับกล่าวหาเรื่องชู้สาว และคลัสเตอร์โควิด ทั้งที่ไม่เป็นความจริงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ย้ำลูกผู้ชายทำผิดยอมรับผิดและขอโทษ ขอบคุณที่ให้อภัย ด้าน "ศักดิ์สยาม" เผยเห็นในความตั้งใจที่ขอโทษอย่างจริงใจจึงให้อภัย แต่ต้องโพสต์โซเชียลขอโทษและคงไว้มีต่ำกว่า 10 ปี หากไม่ทำตามข้อตกลงต้องจ่ายค่าเสียหาย 5 ล้าน
จากกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้พระราม 7 อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ไลฟ์สดกล่าวหา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปเที่ยวผับย่านทองหล่อ จนทำให้เกิดคลัสเตอร์แพร่ระบาดโควิด เมื่อปี 2564 และมีการกล่าวหาทั้งเรื่องชู้สาวอีกหลายกรณี จนถูกนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ในขณะนั้นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้มอบหมายให้ทนายความแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ แต่นายมงคลกิตต์ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงถูกออกหมายจับ โดยศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ข้อหา "หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ในระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์"
ล่าสุดวันนี้ (22 ม.ค.68) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ในฐานะโจทย์ร่วมและเป็นผู้เสียหายในคดี พร้อมนาย มงคลกิตต์ จำเลย และทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ หลังนัดสืบพยานนัดแรก แต่ในวันนี้ทั้งโจทย์และจำเลยมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันในชั้นพิจารณาคดี แต่โจทย์มีเงื่อนไขให้จำเลยขอโทษในสื่อไซเชียลต่างๆ ตามข้อตกลง แล้วโจทย์จะถอนฟ้องในคดีดังกล่าว
โดย นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนเองเคยไลฟ์เฟซบุ๊ก วันที่ 17 เม.ย.64 และมีการโพสต์ ในวันที่ 24 เม.ย.64 , 27 เม.ย.64 และวันที่ 1 พ.ค.64 หลายเหตุการณ์ เช่น เรื่องการแพร่ระบาดโควิด คริสตัลทองหล่อ โพสต์เฟสบุ๊ก ภาพนายศักดิ์สยาม กับผู้หญิง 2 -3 คน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ทั้งมีการกล่าวหานายศักดิ์สยาม ในลักษณะชู้สาวกับผู้หญิง ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งยังมีการให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งพาดพิงถึงนายศักดิ์สยาม เกี่ยวกับคลัสเตอร์สุโขทัย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของตัวเอง ทั้งที่ความจริงนายศักดิ์สยาม ไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 หลังจากนั้นก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยนายมงคลกิตติ์ ยอมรับว่าทั้ง 4 เหตุการณ์เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของตัวเอง ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อัยการจึงสั่งฟ้องฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และส่งฟ้องศาล
ล่าสุดมีการสืบพยานนัดแรก ท่านผู้พิพากษาเปิดโอกาสให้พูดคุยกันได้ก็ให้คุยกัน ซึ่งตัวเองก็พร้อมคุยและขอโทษนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในกรณีที่ล่วงเกินไปทำให้ต้องเสียชื่อเสียงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็ให้ความกรุณา ให้อภัย ก็ถอนฟ้องในคดีอาญาให้
ซึ่งข้อตกลงในศาลตัวเองก็จะลงโพสต์เฟสบุ๊กเป็นระยะเวลา 15 วัน แล้วก็บันทึกเทปในติ๊กต็อก เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งเหตุการณ์มันผ่านไปแล้วอะไรที่ผิดตัวเองก็ยอมรับผิด ก็ขอโทษซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็ให้อภัย ก็ดีใจที่ให้อภัย ซึ่งในตอนนั้นมันคนละบทบาท ช่วงนั้นท่านเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวเองเป็นฝ่ายค้านก็เป็นการกระทบกระทั่งกันบ้าง ตัวเองในฐานะเป็นลูกผู้ชายผิดก็ยอมรับผิด พี่โอ๋ ก็เป็นผู้ใหญ่ใจดีก็ให้อภัย ยืนยันไม่มีใครบังคับ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วมีคนเดียวที่กล้าฟ้องตนเอง ก็คือพี่โอ๋
จากสิ่งที่เกิดขึ้นก็อยากฝากว่าการดำเนินการในฐานะฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะถ้าไม่รอบคอบก็อาจจะถูกฟ้อง ก็มีหลายเหตุการณ์ที่หลายคนถูกฟ้อง แต่บางรายก็ประนีประนอมกันได้ แต่บางรายก็ประนีประนอมกันไม่ได้ แต่ฝ่ายค้านและรัฐบาลมันไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร สุดท้ายมาเป็นเพื่อนกันก็มี ในตัวในห้วงที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่หลายบทบาทการที่เดินทางบุรีรัมย์น่าจะ10 ครั้ง ในคดีนี้ก็ถือว่าเสียเวลา เสียเวลาที่จะไปดูแลพี่น้องประชาชน เพราะในอนาคตก็ต้องทำหน้าที่ต่อ หลังจากให้สัมภาษณ์ นายมงคลกิตต์ ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายศักดิ์สยาม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็รับไหว้
ด้านนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 4 ปีแล้ว ก็มีการนำเข้าสู่การอภิปรายและมีการชี้แจง ซึ่งขณะนั้นนายมงคลกิตติ์ ก็เป็นฝ่ายค้านไม่ได้มีการพูดคุยกัน ตนก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่นายมงคลกิตติ์ จะดำเนินการอะไรที่เป็นเรื่องจริง กระทั่งเมื่อวานที่มีการสืบพยานนัดแรก นายมงคลกิตต์ ก็เดินเข้ามาทักทายและเข้าไปใจห้องพิจารณา ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะมีการไกล่เกลี่ยขอโทษกันตนเองจะว่ายังไง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ก็ต้องทำเรื่องจริงให้ปรากฎ ว่าเรื่องที่ได้กล่าวหากันความจริงเป็นยังไง ซึ่งนายมงคลกิตต์ ก็ยอมรับว่าทุกเรื่องไม่เป็นความจริง เมื่อนายมงคลกิตติ์ ยอมรับแล้ว ตัวเองก็ยินดีที่จะให้อภัย แต่ในสิ่งที่เกิดขึ้นประชาชนก็ได้รับทราบข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ดังนั้น จึงได้เรียกต่อศาลว่าได้ขอนายมงคลกิตติ์ แก้เรื่องดังกล่าวให้ ด้วยการลงสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้เห็นว่านายมงคลกิตต์ มีความจริงใจที่จะขอโทษและแก้ไขให้เกิดข้อเท็จจริง
ซึ่งที่ผ่านมานายมงคลกิตติ์ ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี แต่ก็อยากฝากให้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อน ก็คิดว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่จะทำหน้าที่ต่อจากนี้ หรือใครก็ตามที่จะกล่าวหาใครควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะจะเสียเวลาและเสียชื่อเสียงทั้งสองฝ่าย ก็ดีใจที่นายมงคลกิตติ์ ทำเรื่องนี้ให้ได้ข้อยุติ และหวังว่านายมงคลกิตติ์ จะไม่ทำอะไรกับตนเองแบบนี้อีก ทั้งกล่าวทิ้งท้ายว่าในความเป็นจริงคนไทยทุกคนก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ซึ่งในการอภิปรายที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยดำเนินคดีกับใครเลย แต่นายมงคลกิตติ์ เอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงมาพูด ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีเพื่อให้เกิดความจริง
หลังจากวันนี้ก็ต้องรอดูว่านายมงคลกิตติ์ จะดำเนินการโพสต์โซเชียลและไลฟ์ในติ๊กต็อกขอโทษให้ครบ 15 วันหรือไม่ เพราะในสัญญาประนีประนอมต้องทำต่อเนื่อง และต้องคงไว้ในโซเชียลเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี แต่หากมีการลบก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย 5 ล้านบาท หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ นายมงคลกิตติ์ และนายศักดิ์สยาม ก็มีการจับมือกันเพื่อแสดงออกว่ามีการขอโทษและให้อภัยกัน