รู้หรือไม่?? การฟังสร้างความสำเร็จได้ดีกว่าการพูด คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะฟังมากกว่าพูด และเมื่อสำเร็จแล้วเขาจึงค่อยพูดเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับคนอื่นอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเห็นได้เลยว่าการฟังมีความสำคัญกว่าการพูด เพราะการฟังทำให้เกิดพลังได้อย่าง โดยเฉพาะการฟังที่ดีที่ไม่ใช่แค่ได้ยินแล้วผ่านไป แต่ยังทำให้เข้าถึงคนพูดได้มากขึ้นด้วย
1. มีสมาธิในการฟัง
การเป็นผู้ฟังที่ดี คือต้องฟังอย่างมีสมาธิ ถ้าคุณเริ่มที่จะฟังใครสักคนขอให้ใส่ใจในเรื่องที่เขาจะพูด ไม่ใช่ฟังโดยไม่หือ ไม่อือ ได้แต่พยักหน้ารับฟังไปเรื่อย ๆ แบบนี้นอกจากจะไม่ใช่ผู้ฟังที่ดีแล้ว ยังเป็นคนไม่มีมารยาทด้วย
2. ใช้ความเข้าใจมากกว่าความตั้งใจ
การฟังอย่างมีสมาธิไม่จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจในการฟัง แต่ต้องใช้ความเข้าใจ ซึ่งความเข้าใจในที่นี้คือเข้าใจในตัวคนพูดและเข้าใจในเรื่องที่เขากำลังพูด อย่าคิดไปเองหรือคิดนอกเหนือจากสิ่งที่เขาจะพูด ในฐานะผู้ฟังเราควรฟังโดยไม่คิดแทนใด ๆ ทั้งสิ้น
3. ผู้ฟังไม่ใช่ผู้พูด
ผู้ฟังที่ดีคือฟังอย่างเดียว ไม่ต้องพูดใด ๆ ทั้งสิ้น คือต้องฟังทุกเรื่อง ทุกอย่างที่อีกคนอยากจะพูด อยากจะระบายโดยไม่ขัดจังหวะ เสริมแทรก หรือถามคำถาม ฟังอย่างเดียวไปก่อน ให้เวลาคนพูดได้คิดและไตร่ตรองในสิ่งที่เขากำลังพูดบ้าง จากนั้นเมื่อมีโอกาสจึงค่อยถามหรือพูดออกไป
4. ฟังอย่างเดียว ไม่ต้องตัดสิน
จุดประสงค์ของคนพูดบางคนอาจจะไม่ได้อยากได้รับคำแนะนำปรึกษา บางคนก็รู้ปัญหา รู้วิธีแก้ และทางแก้ที่ดีที่สุดอยู่แก่ใจอยู่แล้ว แต่ที่พูดก็เพื่อหาที่ระบายหรืออยากบอกให้ใครสักคนได้รับรู้เท่านั้น กรณีแบบนี้คุณจะรู้ได้เองจากวิธีการพูด เพราะฉะนั้นฟังอย่างเดียว อย่าเพิ่งตัดสินใจหรือคำปรึกษาใด ๆ รอดูท่าทีของอีกฝ่ายก่อนก็ยังไม่สาย
5. อย่ามัวแต่คิดถึงวิธีแก้ปัญหา
ในขณะที่ฟังอย่าเพิ่งมัวแต่คิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาของคนพูดแบบไหน อย่างไร จะใช้วิธีไหนดี อย่างที่บอกว่าเวลาฟังให้ฟังอย่างเดียว เพราะบางทีคนพูดก็ไม่ได้ต้องการคำปรึกษาเสมอไป เค้าอาจจะแค่อยากระบายหรือต้องการใครสักคนมาร่วมรับรู้ปัญหาก็ได้ ฉะนั้นอย่ามัวแต่คิดว่าจะช่วยอย่างไรจนลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะของผู้ฟังเท่านั้นไม่ใช่ผู้ให้คำปรึกษา
6. ศึกษาภาษากายของผู้พูดไว้ด้วย
บ่อยครั้งที่การสนทนามักจะมีท่าทางประกอบด้วย และท่าทางเหล่านี้เองที่เป็นภาษากายให้คนฟังสามารถรับรู้ได้ว่าคนพูดต้องการสื่อสารอะไร ซึ่งการสังเกตท่าทางเหล่านี้ไว้บ้างก็ทำให้คุณกลายเป็นผู้ฟังที่ดียิ่งขึ้น
7. อย่าเดาว่าเขาจะพูดอะไร
แน่นอนว่าผู้ฟังและผู้พูดต้องมีความสนิทสนมกันพอสมควร ฉะนั้นในฐานะของผู้ฟังก็น่าจะรู้จักนิสัยใจคอของผู้พูดพอสมควร รู้ว่าเขาต้องการสื่อสารอะไร ต้องการอะไร เรียกว่ารู้ทางกันพอสมควร แต่การเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ควรเดาว่าอีกคนจะพูดอะไร เพราะการทำแบบนั้นมักทำให้คิดไปเองว่าคนพูดต้องการสื่อสารไปในทิศทางนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจไม่ใช่เลยก็ได้ ถ้ามัวแต่เดาไปเองว่าคนพูดจะต้องการแบบนั้นแบบนี้ก็ไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ฟังที่ดีเลย
ถ้าสังเกตดี ๆ เดี๋ยวนี้หลายคนมักสนใจแต่จะพูด ไม่ค่อยมีใครอยากรับฟัง ยิ่งการเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยแล้ว ยิ่งทำได้ยากเข้าไปอีก แต่รู้หรือไม่ ผู้ฟังที่ดีนี่แหละคือคนที่จะช่วยไขปัญหาและปมในจิตใจได้ มาเริ่มเป็นผู้ฟังคุณภาพกันเลยดีกว่า
ความเห็น 3
เราขอระบายหน่อยค่ะ คือเราเป็นหัวหน้าห้องตอน ม.4 แล้วเวลาเพื่อนพูดกันเสียงดัง พอเราไม่ห้ามครูก็ด่าหัวหน้าว่าไม่ดูแลลูกน้อง พอเวลาเราห้ามเพื่อนๆไม่ให้คุยกันในขณะที่ครูสอน ครูก็ว่าเราคุยกันบ้าง ขัดจังหวะที่ครูสอนบ้าง ไม่มีมารยาทบ้าง เวลาเพื่อนๆทำอะไรผิด ครูก็จะมาด่าหัวหน้าห้องคนแรก รองหัวหน้าก็ไม่เคยช่วยอะไรเลย .... เบื่อมาก
04 ก.ค. 2560 เวลา 12.55 น.
🌻🌹🍃🍁ต้องSunsanee 🍂🍀🌺
เป็นบทความที่ดี ขอบคุณค่ะ
04 ก.ค. 2560 เวลา 12.28 น.
BenVatanya
7 คำแนะนำ
ไม่ใช่
7 เชคลิสต์
แล้ว
04 ก.ค. 2560 เวลา 12.49 น.
ดูทั้งหมด