ทุกวันนี้การใช้งานมือถือหรือสมาร์ตโฟนในการทำงานถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะด้วยความสามารถในมือถือปัจจุบันที่ทำให้เราประชุมงาน , พิมพ์ , แก้ไข หรือจัดการงานต่างๆได้อย่างดี แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับหน้าตาของระบบปฏิบัติการหรือ User Interface (UI) บนตัวเครื่องที่จะแตกต่างกันตั้งแต่หน้าตา , การจัดวาง , ฟังก์ชันการทำงานและความยืดหยุ่นของระบบปฏิบัติการนั้นๆอีกด้วย ตัว UI ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อมือถือของใครหลายคน เพราะถ้าใช้งานแล้วเกิดชอบหน้า UI หรือการปรับแต่งของมือถือที่มี UI นั้นๆแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแบรนด์ไปใช้มือถือแบรนด์อื่นๆได้นั่นเอง
ระบบปฏิบัติการของมือถือในปัจจุบันจะสามารถแบ่งได้แค่ 2 อย่างคือ Android และ iOS ซึ่ง iOS ก็จะเป็นระบบปฏิบัติการของมือถืออย่าง iPhone ส่วนมือถือ Android ก็จะมีการครอบทับด้วย OS ตามแบรนด์มือถือ แต่ก็มีบางรุ่นที่ใช้งานผ่านระบบปฏิบัติการของ Android โดยตรง ซึ่งเราจะมาพูดถึงกันในเรื่องของ UI บนมือถือ Android แล้วกัน
- OneUI
OneUI เป็นหน้าตาของระบบปฏิบัติการบนมือถือ Samsung ที่ทำงานอยู่บน Android อีกครั้ง โดยมีจุดเด่นที่หน้าตาของไอคอนแอปพลิเคชัน , แถบเมนู , ดีไซน์และการจัดวางหน้าเมนูและลูกเล่นของระบบปฏิบัติการเช่น การอัดวิดีโอหน้าจอ , Game Booster ที่เป็นตัวช่วยในการเล่นเกมบนมือถือ Samsung นั่นเอง One UI เป็นสิ่งหนึ่งที่ทาง Samsung พยายามพัฒนา
- ColorOS
หน้าตาของระบบปฏิบัติการจากแบรนด์มือถือ OPPO ที่มีจุดเด่นตรงลูกเล่นของระบบปฏิบัติการนี้ เช่น การใช้ Gesture หรือท่าทางต่างๆในการสั่งการมือถือ OPPO อย่างการใช้ 3 นิ้วเลื่อนลงเพื่อทำการถ่ายภาพหน้าจอและเลือกข้อความเพื่อแปลภาษาได้ , หน้าตาเมนูที่ใช้งานง่ายและสวยงาม , มีเสียงที่ทำให้เราผ่อนคลายที่เรียกว่า OPPO Relax ที่สามารถเล่นเสียงฝนตกหรือเสียงนกเพื่อให้เราผ่อนคลายและประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องที่ดีขึ้น
- Realme UI
ก่อนหน้านี้ ด้วยการที่ Realme คือแบรนด์ลูกของ OPPO ทำให้มือถือของ Realme รุ่นแรกๆก็ต้องใช้งาน Color OS ตามแบรนด์พี่ของตัวเอง แต่เมื่อมือถือของ Realme ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ทาง Realme ตัดสินใจพัฒนา UI ของตัวเองบนพื้นฐานของ Android OS จนได้ Realme OS ที่มีจุดเด่นเรื่องการปรับแต่งหน้าจอได้มากกว่า UI ของแบรนด์อื่นๆ เช่น การปรับแต่งความมืดของหน้าตาเมนูในโหมดมืด , เพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงไฟล์ตัวเครื่องที่มากขึ้น , ฟีเจอร์ Sleep Capsule ที่ช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์การนอนหลับของเรา และตัว UI นี้ยังช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมือถือ
- Funtouch OS
Funtouch OS เป็นหน้าตาของระบบปฏิบัติการแบรนด์ Vivo ที่มีจุดเด่นเรื่องของสีและโทนของหน้าเมนู ที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย สบายๆ เพราะตัวเมนูจะใช้สีโทนสว่างเป็นส่วนใหญ่ , การปรับแต่งรูปที่เราสามารถใช้ AI ในการปรับแต่งรูปให้เราได้ , การจัดอัลบั้มภาพที่เราถ่ายตามโทนหรือสถานที่ที่ใกล้เคียงกันได้
- MIUI
MIUI (อ่านว่า หมี่-ยู-ไอ) เป็นระบบปฏิบัติการ Android บนมือถือ Xiaomi , Redmi และ Poco ที่มีลูกเล่นในการใช้งานมากมายไม่แพ้ UI ของแบรนด์อื่นๆเลย ซึ่งลูกเล่นที่เป็นจุดเด่นคงจะเป็นท่าทางในการลบแอปพลิเคชันที่เมื่อเราลบแอปใดก็ตามในหน้าเมนู ตัวแอปก็จะมีเอฟเฟกต์ระเบิดเหมือนลูกโป่งและแอปที่อยู่ใกล้ๆก็จะร่นมาเพื่อให้หน้าตาของเมนูมีเค้าโครงเดิม , Dark Mode ที่สวยงาม และ Lite Mode ที่เหมาะกับคนชอบความ Simple เรียบง่ายและใช้งานสะดวก
- HarmonyOS
HarmonyOS เป็นระบบปฏิบัติการที่มาแทนที่ EMUI ของ Huawei โดยถูกพัฒนาขึ้นมาหลังจากที่ทาง Huawei โดนคดีความทำให้ไม่สามารถใช้งาน GMS หรือ Google Mobile Service และทาง Huawei ก็ได้พัฒนา HarmonyOS มาจนถึงเวอร์ชัน 2.0 กันแล้ว ซึ่งมีจุดเด่นที่หน้าการควบคุมมือถือในด้านต่างๆ เช่น การเปิดปิดเพลง , ดูสถานะการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth , ปรับแสงสว่างหน้าจอและเสียงของเครื่อง หรือการควบคุมอุปกรณ์ IoT อื่นๆที่เชื่อมต่ออยู่ก็สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้การทำงานของ HarmonyOS ยังใช้พลังงานน้อยกว่า EMUI ด้วย
- Android One (Pure Android)
หน้าตาของระบบปฏิบัติการก่อนหน้านี้จะเป็นการที่แบรนด์มือถือนั้นๆอยากออกแบบหน้าตาเมนู , เพิ่มฟีเจอร์ หรือสร้างลูกเล่นที่จะทำให้ระบบปฏิบัติการของตัวเองน่าสนใจ โดยพัฒนาจากระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเราเรียกว่า stock Android แต่จริงๆแล้ว Android ก็มีระบบปฏิบัติการของตนเองเพื่อให้แบรนด์มือถือที่ไม่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง ก็สามารถนำเอา Android One ไปใช้ได้ เช่น Google , Motorola , Nokia หรือแบรนด์อื่นๆ โดยหน้าตาของ Android One ก็จะมีความเรียบง่าย ไม่มีการปรับแต่งหน้าจอหรือไอคอนให้สวยงามมาก แต่ก็จะมาพร้อมกับความสามารถของ Android แท้ๆ ตัวอย่างมือถือที่เราน่าจะรู้จักกันก็มี Google Pixel 5 , Motorola Moto G100 หรือ Lenovo Legion Dual นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นหน้าตาของระบบปฏิบัติการที่ทำงานอยู่บนมือถือในแต่ละแบรนด์นะครับ ถึงแม้ว่าทุก UI จะถูกพัฒนามาจาก Android แต่ก็สามารถสร้างจุดเด่นและความสวยงามได้แตกต่างกัน และยังมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนกันทำให้สามารถรองรับความชอบของแต่ละคนได้นั่นเอง
