“ถึงจะบ้า แต่ว่าไม่โง่งงง….” ท่อนฮุคติดหู จากเพลง ‘บ้า’ ของวงตำนานระดับประเทศ คาราบาว
นอกจากท่วงทำนองจังหวะโจ๊ะๆ ติดหู ที่ฟังสนุกสนานเกินต้านทานที่จะไม่โยกตาม เนื้อหาในเพลงยังแซะแซว จนมาจบลงที่ประโยคเด็ดติดหูดังกล่าว ทำให้อดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้
ในประวัติศาสตร์โลกใบนี้ มีอัจฉริยะมากมายที่ถูกหาว่าบ้า อยู่ไม่น้อย เช่น อัจฉริยะด้านดนตรีคลาสสิค ที่โดนกล่าวว่าเป็นผู้ออกนอกรีต นอกรอย และแหกกฎเกณฑ์ทางดนตรีคลาสสิคแบบเดิม อย่าง ‘บีโธเฟ่น’ (Johann van Beethoven) หรืออย่าง อัจฉริยะในวงการศิลปะ อย่าง ‘วินเซนต์ แวนโก๊ะ’ (Vincent Van gogh) ถึงขั้นโดนจับไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาลจิตเวช และอีกหลายต่อหลายคน จนมาถึงยุคปัจจุบันคนที่ฉายแววทั้งความบ้า และเต็มไปด้วยพลังแห่งอัจฉริยะภาพ ผมเห็นได้คนเดียวนั่นคือ “อีลอน มัสก์” (Elon Musk)
ถ้าสังเกตกันดีๆ เวลาสังคมจะตัดสินหรือคิดว่าใครบ้านั่น คนเหล่านั้นมักโดนตัดสินจากความรู้สึก ความคิดของมาตรฐานของคนหมู่มากเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะไปตรวจวัดทางการแพทย์ด้านจิตเวชที่โรงพยาบาลกันซะอีก มนุษย์นั้นเมื่อรวมกลุ่มเป็นสังคม หากผู้ใดในกลุ่มมีความคิดที่ผิดแผก แตกแยก แหกโค้งจากกลุ่ม ก็อาจโดนกล่าวว่าแหกคอกบ้างละ บ้าบ้างละ หรือหนักหน่อยก็ถึงขั้นว่าเป็นกบฎทางความคิดกันไปนู่น จริงๆแล้วเขาเหล่านั้นอาจเป็นแค่คนธรรมดาที่มีระบบความคิดแบบ วิพากษ์-วิจารณ์ หรือ critical thinking แค่นั้นเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือคนที่มีระบบการคิดแบบ “critical thinking” นี้นอกจากที่ใครๆจะหาว่าพวกเขาบ้าแล้ว พวกเขาเหล่านี้มักพ่วงมาด้วยความเป็นอัจฉริยะระดับที่เปลี่ยนแปลงโลกได้เลยทีเดียว
Elon Musk เป็นบุคคลที่ผมสนใจ และติดตามผลงานเขามาตลอด ถึงจะไม่ใช่ขนาดแฟนพันธุ์แท้ แต่ก็เห็นความน่าสนใจในตัวเขาในหลายๆมิติ และผมคิดว่าเขาเป็นทั้ง อัจฉริยะสุดขั้ว และคนบ้าสุดขีด ไปพร้อมๆกัน มาดูกันว่าทำไมผมคิดเช่นนั้น
โลกยกย่องและยอมรับ Elon Musk เป็นดั่งอัจฉริยะผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี จากผลงานมากมาย เช่น
..เขาร่วมก่อตั้ง PAYPAL ระบบชำระเงินออนไลน์จนประสบความสำเร็จไปทั่วโลก
..เขาร่วมก่อตั้ง และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า อันดับ1ของโลก ในนาม ‘เทสล่า’(TESLA)
..เขาร่วมก่อตั้ง และพัฒนากระสวยอวกาศที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้รายแรกของโลก ในนาม ‘สเปซเอ็กซ์’ (SpaceX)
..เขาร่วมก่อตั้ง และพัฒนาระบบอินเตอร์เนตผ่านดาวเทียมที่สามารถใช้ได้ในทุกพื้นที่บนโลกแม้จะอยู่ในที่ทุระกันดาร หรือป่าเขารกทึบ ในนาม ‘สตาร์ลิงค์’ (STARLINK)
..เขาร่วมก่อตั้ง และลงทุน แผ่นหลังคาบ้านที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ในนาม ‘โซล่ารูฟ’ (Solar Roof)
..เขาลงทุน และพัฒนาในโครงการ ‘นูรอลลิงค์’ (Neuralink) ที่จะเชื่อมสมองมนุษย์ เข้ากับคอมพิวตอร์ด้วยการฝังชิปลงไปในสมอง
..เขาวางแผนที่จะให้มนุษยชาติไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร
แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็มีความคิดแบบบ้าระห่ำ หรือบ้าบอคอแตก เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน แล้วแต่ใครสรรหาคำมาเรียก จากพฤติกรรมที่สุดโต่งมากมาย เช่น
..เขาเสพยา และดื่มเหล้าขณะออนแอร์แบบออนไลน์ ในพ็อดแคสต์ ของ Joe Rogan เมื่อปี 2018 ลองคิดตามกันเล่นๆ ภาพตอนที่เขาเสพยา ควันคลุ้ง ตาพริ้มอิ่มเต็มปอด ผมนึกภาพในวัยเด็กที่เขาเป็นเด็กเนิร์ดเพื่อนน้อย คอยอยู่แต่ในห้องสมุด ซุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนหมอนคือหนังสือ ไม่ออกเลยจริงๆ หรือกลับกันถ้าผมย้อนเวลากลับไปเจอเขาใส่แว่นหนาๆนั่งอ่านหนังสือกองโตในห้องสมุดอยู่คนเดียว แบบไม่สนใจสิ่งมีชีวิตรอบข้าง ผมก็จินตนาการไม่ออกจริงๆว่าเด็กคนนี้จะโตมาและเสพยาโชว์แบบออนแอร์ ไม่แคร์สังคมได้ยังไง!!
จริงอยู่ที่ว่ารายการที่เขาไปออกจะเป็นรายการที่พูดเรื่องการสนับสนุนให้กัญชาถูกกฎหมายและเป็นพื้นที่ในรัฐที่ให้เสพได้ แต่การเสพโชว์ พร้อมดื่มเหล้าแบบนั้น คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขากล้าและบ้าบิ่นมากทีเดียว
..เขาคิดจะสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร เมื่อแรกเริ่มที่เขาเสนอความคิดนี้มีแต่คนว่าเขาบ้า เพ้อฝัน และเพ้อเจ้อ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเดิน และละทิ้งเป้าหมายที่วางไว้
..เขาทวีตข้อความ ผ่านทางทวิตเตอร์ ว่าจะซื้อบริษัท โคคา-โคล่า และจะนำโคเคนกลับมาเป็นส่วนผสมหลักอีกครั้ง บ้าดีไหมละ!!
..เขาเสนอความคิดว่าชีวิตมนุษย์ไม่มีอยู่จริง เราทุกคนอาจเป็นแค่อัลกอริทึ่มในโลกเสมือนทดลอง ของพระผู้สร้าง หรือที่เราเรียกว่าพระเจ้า คล้ายกับหนังไซไฟ อย่าง เดอะแมทริกซ์
..เขากลัว AI ครองโลก และไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการพัฒนาแบบไม่ควบคุม จนมันอาจฉลาดถึงขั้นเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติได้ คล้ายในหนังเรื่อง ‘คนเหล็ก’ The Terminator
..เขาส่งเสริมให้ใช้สารที่ออกฤทธิกล่อมประสาท เพื่อคลายเครียดในผู้ที่มีอาการซึมเศร้า ซึ่งบางประเทศถือว่าเป็นสารเสพติด
Elon Musk แสดงตัวตนแห่งความอัจฉริยะสุดขั้ว และความบ้าสุดขีดได้อย่างหลากหลาย วาไรตี้ ชวนติดตาม ซึ่งมันจะเป็นตัวตนที่แท้จริง หรือเป็นหลักการตลาดในการสร้างกระแสในยุคออนไลน์หรือเปล่านั่นก็ยากที่จะฟันธง
สำหรับใครหลายๆคนเขาได้รับการยกย่องเยินยอ เชิดชูฐานะกันต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก จาก ฟอร์บส์ (Forbes) หรือ บุคคลแห่งปี (PERSON of the YEAR) จาก นิตยสารไทม์ (TIME) หรือ ‘โทนี่ สตาร์ค’ ในโลกแห่งความจริง ล้วนแล้วแต่ดู หวือหวา น่าสนใจ
แต่สำหรับผมแล้ว มองว่า Elon Musk เป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจ การตลาด และการบริหาร รวมถึงการโปรโมทและพรีเซ้นตัวเองได้อย่าง ชั้นเซียนแนบเนียนเลียนแบบยาก มากกว่าที่จะเป็นอัจฉริยะด้านการประดิษฐ์ คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำยุค เพราะธุรกิจบางตัวของเขา เขาไม่ได้คิดค้นขึ้นมาเอง เพียงแต่ไปเทคโอเวอร์มาแล้วนำมาลงทุนและบริหารต่อ
อีกส่วนที่ผมชอบในความเป็น Elon Musk คือความบ้าแบบสุดขีด ที่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากสังคมแบบสร้างกระแสได้ตลอด มันอาจจะดูสุดโต่งไปบ้างในบางเรื่อง แต่นี้ก็ถือได้ว่าเขามีระบบความคิด แบบ วิพากษ-วิจารย์ หรือ critical thinking นั่นเอง
วันนี้สิ่งที่เขาพูดเขาคิด คนอาจว่าผิด และว่าบ้า เพ้อฝัน เพ้อเจ้อ แต่ในอีก 10 ปีหรือ 20 ปี ใครจะรู้ว่ามันยังจะเป็นเรื่องผิด หรือบ้าอยู่อีกไหม? ไม่มีใครรู้
อย่างเช่นเรื่อง “ใบกระท่อม” ที่สมัยเด็กๆ ผมจำได้ว่ามันเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย คำชวนเชื่อที่ว่า “คนเสพตาย คนขายติดคุก” ยังก้องอยู่ในหูผมจนจำขึ้นใจ แต่พอมาวันนี้ ใบกระท่อม ได้รับการยอมรับว่าเป็นสมุนไพรถูกกฎหมาย และเห็นตั้งโต๊ะตั้งแผงขายกัน เต็มข้างทางมากกว่า สาขาเซเว่นอีเลฟเว่น เสียอีก
สิ่งที่ผมอยากจะชวนคิดคือ ยามใดที่เราได้พบเจอคนที่มีความคิดผิดแปลก แหกด่าน ไม่เหมือนที่กลุ่มหรือสังคมชมชอบกัน อย่าเพิ่งไปตัดสินเขาเหล่านั่นด้วยความใจแคบ ลองเงี่ยหู ฟังสักข้าง ให้รู้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย พร้อมคิดตามด้วยสติอีกสักนิด พิจารณาข้อมูลด้วยความใจกว้างๆ อย่าเพิ่งไปตัดสินว่าเขาบ้า เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน เพราะไม่งั้นหันหลังกลับมาอีกที อาจเจอพี่แอ๊ด แบบจังๆ พร้อมทั้งตะโกนใส่หน้าเราดังๆว่า “ถึงจะบ้า แต่ว่าไม่โง่งงงงง…….” / JPW
…………………………………………………………………..
ขอขอบคุณภาพประกอบ และภาพปก
โดย Elon Musk จาก @elonmusk (twitter)