โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

เป็นหวัด หรือ ภูมิแพ้ เอาให้แน่นะ

Health Addict

อัพเดต 21 มิ.ย. 2565 เวลา 10.21 น. • เผยแพร่ 21 มิ.ย. 2565 เวลา 10.04 น. • Health Addict
“ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย” ไม่ใช่มีใครเอ่ยถึง แต่อยากรู้จังเลยว่าเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กันแน่ เพราะหลังจากที่มีข้อมูลของทีมนักวิจัยระบุว่า แนวโน้มของผู้เป็นโรคภูมิแพ้ (Allergies) ทั่วโลก เพิ่มขึ้นก็ทำให้ไม่แน่ใจแล้วว่าที่เป็นอยู่นั้นคืออาการของหวัดหรือภูมิแพ้
“ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย” ไม่ใช่มีใครเอ่ยถึง แต่อยากรู้จังเลยว่าเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กันแน่ เพราะหลังจากที่มีข้อมูลของทีมนักวิจัยระบุว่า แนวโน้มของผู้เป็นโรคภูมิแพ้ (Allergies) ทั่วโลก เพิ่มขึ้นก็ทำให้ไม่แน่ใจแล้วว่าที่เป็นอยู่นั้นคืออาการของหวัดหรือภูมิแพ้

“ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย” … ไม่ใช่มีใครเอ่ยถึง แต่อยากรู้จังเลยว่าเป็นหวัด หรือภูมิแพ้กันแน่ เพราะหลังจากที่มีข้อมูลของทีมนักวิจัย สถาบันคิงส์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษ ระบุว่า แนวโน้มของผู้เป็นโรคภูมิแพ้ (Allergies) ทั่วโลก เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันตก คาดว่าราว 40% ของประชากรโลกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ ก็ทำให้ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่เป็นอยู่นั้นเป็นอาการของหวัดหรือภูมิแพ้กันแน่

มีไข้ บอกเลยว่าใช่…หวัด
หวัดหรือโรคจมูกอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ไม่ว่าจะเป็น rhinovirus, influenza, parainfluenza, adenovirus ซึ่งมักจะแสดงอาการหลังได้รับเชื้อ 1-4 วัน ทำให้ผู้ป่วยมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คัดจมูก น้ำมูกไหล ซึ่งสามารถมีได้ทั้งแบบใสและขุ่น แต่จะหายได้เองหรือดีขึ้นภายใน 7 – 10 วัน โดยอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาเลย ถ้าหากว่ามีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง และเหมาะสม โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ภูมิต้านทานลดน้อยลง จนกลายเป็นผลที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อไวรัส และมีอาการหวัดตามมาได้แก่

  • ความเครียด
  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ร่างกายสัมผัสอากาศที่เย็นมากๆ หรือไม่ได้รับความอบอุ่นที่เพียงพอ
  • การดื่มหรืออาบน้ำเย็น ตากฝน หรือสัมผัสกับอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • การได้รับเชื้อจากคนรอบข้างที่ไม่สบาย

คันเก่ง…ต้องเป็นภูมิแพ้
โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (allergic rhinitis) หรือโรคแพ้อากาศ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีผลต่อความผิดปกติของจมูกและตา ซึ่งมักจะเกิดขึ้นที่จมูก และบริเวณศรีษะมากที่สุด แตกต่างจากไข้หวัดที่จะส่งผลต่อระบบในร่างกาย และระบบทางเดินหายใจส่วนล่างมากกว่า โดยอาการของผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศจะมีลักษณะต่างไปจากโรคหวัดคือ ไม่มีไข้ ไม่หายใจถี่ ไม่ปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย ร่วมกับอาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหลออกจากจมูกหรือไหลลงคอ คัดจมูก คันตา คันเพดานปากหรือคอเป็นระยะเวลานานมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป และอาการที่ว่านี้มักจะเป็นๆ หายๆ คือหากมีสิ่งกระตุ้นก็จะมีอาการขึ้นมา และจะหายก็ต่อเมื่อกินยา หรือนึกจะหายก็หายขึ้นมาเฉยเลยได้เหมือนกัน ซึ่งต้นเหตุที่สามารถกระตุ้นและทำให้เกิดอาการ คือ

  • ความเครียด
  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • สภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติ คือ เศร้าเสียใจ หรือวิตกกังวล
  • กลิ่นฉุน
  • มลพิษฝุ่นควัน
  • สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงการรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ แม้ว่าจะไม่หายขาดแต่ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ซึ่งนอกเหนือจากการใช้ยาแล้ว การรักษาที่สําคัญที่สุดคือ ผู้ป่วยจะต้องกําจัด หลีกเลี่ยง สิ่งที่แพ้ และสารระคายเคืองต่างๆ และหากจำเป็นต้องทำการรักษาด้วยยา เพื่อบรรเทาอาการ ไม่ว่าจะเป็นยาแก้แพ้ชนิดกิน หรือยาพ่นจมูก ก็ควรให้แพทย์หรือเภสัชกรเป็นผู้แนะนํา เนื่องจากโรคแพ้อากาศเป็นโรคเรื้อรังที่โอกาสในการรักษาหายขาดน้อย จึงจําเป็นต้องมีการใช้ยาต่อเนื่องสม่ำเสมอ
    แม้จะเคยสับสนกันมาบ้าง แต่จากนี้ก็คงรู้แล้วล่ะว่าตกลงเป็นเราเป็นอะไรกัน…แน่
0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0