โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

หลายประเทศอาจคุม "โควิด-19" ได้ หากไม่มีสายพันธุ์ใหม่มาแทนที่ BA.5

PPTV HD 36

อัพเดต 29 ส.ค. 2565 เวลา 04.38 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. 2565 เวลา 04.22 น.
หลายประเทศอาจคุม
โควิด-19 ทั่วโลกยอดติดเชื้อและตายลดลงต่อเนื่อง หลายประเทศมีแนวโน้มจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่ควบคุมการระบาดได้ หากไม่มีสายพันธุ์ใหม่มาแทนที่ BA.5

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ BA.5 ครองสัดส่วนเป็นส่วนใหญ่ และการควบคุมการระบาด

เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงจากอาการในช่วง 6 เดือนของโอไมครอน “BA.5” แม้จะแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมี R-naught (R0) สูงถึง 18.6, แต่กลับพบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการเกือบ 40%, มีอาการ "หายใจไม่อิ่ม" เพียง 12%, และภาวะ"ลองโควิด" ลดเหลือ 50%

วัคซีน "โมเดอร์นา" ฟรีมาแล้ว ฉีดกระตุ้นเข็ม 3-4-5 วันนี้ถึง 19 ก.ย.

“หมอมนูญ” ไขข้อสงสัย ทำไมทุกคนต้องฉีดวัคซีนโควิด

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งสิ้นตั้งแต่เริ่มการระบาดใน ปี 2562/2019 จนถึง 2565/2022 ประมาณ 600 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 6.4 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 โดยขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศมีแนวโน้มที่เชื้อโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่สาธารณสุขของประเทศนั้นสามารถควบคุมการระบาดได้ หากไม่มีโควิดสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นมาแทนที่โอไมครอน BA.5

โอไมครอน "BA.2.75" แม้จะมีการกลายพันธุ์ไปถึง 100 ตำแหน่งเมื่อเปรียบเทียบกับไวรัสดั้งเดิม “หวู่ฮั่น” และกลายพันธุ์ไปมากกว่าโอไมครอน BA.5 แต่ปรากฏว่าการแพร่ระบาดกลับเริ่มลดลง และไม่น่าจะเข้ามาแทนที่โอไมครอน BA.5 ได้

ข้อมูลจาก “เน็กซ์สเตรน/Nextstrain” (โครงการวิเคราะห์ข้อมูลจีโนมของเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อช่วยให้เข้าใจระบาดวิทยา และวิวัฒนาการของไวรัสดังกล่าว ทำให้สามารถควบคุม ดูแล รักษาโรคติดเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ) พบว่ามีโอไมครอน 4 สายพันธุ์ย่อยที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกโดยมีโอไมครอน BA.5 ระบาดเป็นสายพันธุ์หลัก รองลงมาคือ BA.4, BA.2.12.1 และ BA.2.75 ส่วนประเทศไทยพบไมครอน BA.5 ถึง 88.14% เป็นสายพันธุ์หลัก (ภาพ3)

นอกจากนี้ได้มีการสรุปอาการของผู้ติดเชื้อโอไมครอน “BA.5” โดยอาศัยข้อมูลจากโครงการ “ZOE COVID Study Application” (https://health-study.joinzoe.com/) ซึ่งประชาชนชาวอังกฤษจำนวนมากกว่า 800,000 คน ได้ร่วมกันกรอกข้อมูลอาการทางคลินิกของผู้ติดเชื้อแต่ละคนผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ โดยโครงการนี้หน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) และกรมอนามัยและการดูแลสังคมของอังกฤษ ได้ให้ทุนสนับสนุนการดำเนินงาน

สธ. ยันลดกักตัวโควิดสูตร 5+5 เป็นไปตามหลักวิชาการและเศรษฐกิจ

สรุป 20 อาการโควิด-19 (ส่วนใหญ่เป็นโอไมครอน BA.5)

1. เจ็บคอ 63%
2. ปวดหัว 51%
3. จมูกอุดตัน 48%
4. ไอไม่มีเสมหะ 46%
5. น้ำมูกไหล 45%
6. ไอมีเสมหะ 44%
7. เสียงแหบ 44%
8. จาม 39%
9. ความเหนื่อยล้า 29%
10. ปวดกล้ามเนื้อ 28%
11. เวียนหัว 23%
12. กลิ่นที่เปลี่ยนไป 17%
13. ต่อมคอบวม 16%
14. เจ็บตา 16%
15. เจ็บหน้าอก/แน่น 14%
16. ไข้ 13%
17. สูญเสียกลิ่น 13%
18. เกิดอาการหายใจไม่อิ่มเพียง 12% (shortness of breath เป็นการหายใจเป็นช่วงสั้นๆ หายใจถี่ ไม่สามารถหายใจเข้าลึกๆ ตามปกติ) ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. ลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ที่ระบาดมาก่อนหน้า
19. ปวดหู 12%
20. ร้อนวูบวาบ 11%

"ระยะฟักตัว" โควิด-19 มีแนวโน้มลดลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน

อาการลองโควิดสามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มอาการ ตาม “ZOE COVID Study” ดังนี้

I) กลุ่มอาการทางระบบประสาท ความรู้สึกเหนื่อยล้า สมองอ่อนล้า ปวดหัว ส่วนใหญ่มักเกิดในช่วงที่สายพันธุ์อัลฟาและเดลต้าระบาด (อาจชี้ถึงความเสียหายของสมอง)

II) อาการระบบทางเดินหายใจ เจ็บหน้าอก หายใจลำบากอย่างรุนแรง (อาจชี้ถึงความเสียหายของปอด) พบคลัสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม “ไวรัสหวู่ฮั่น”

III) อาการที่หลากหลาย ใจสั่น ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ผิวหนังและขนเปลี่ยนแปลง

กรณีลองโควิดจากโอไมครอน BA.5 แม้การจัดเก็บข้อมูลยังไม่ครบ แต่ในเบื้องต้นพบลองโควิดจากโอไมครอน BA.5 น้อยกว่าในช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลตาถึง 20-50%

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0