บอดี้สูท จากเสื้อผ้าอันต่ำต้อย สู่การการเสริมอำนาจ และเรื่องเพศ

“บอดี้สูท” แฟชั่นที่มีประวัติอันยาวนาน และได้กลายเป็นคีย์เวิร์ดที่ผู้คนค้นหาจากข่าวเศร้าสะเทือนใจของดาราสาวที่จากไปก่อนวัยอันควร ด้วยรูปแบบของชุด "บอดี้สูท" ที่ใส่ยากและถอดลำบากสำหรับการเข้าห้องน้ำ ทำให้เกิดคำถามและข้อข้องใจตามมามากมาย
.
“บอดี้สูท” (bodysuit) เป็นเครื่องแต่งกายแฟชั่นของสาว ๆ โดยเป็นชุดที่มักจะใช้ผ้าที่มีความยืดหยุ่น เช่นผ้ายืด ผ้าสแปนเด็กซ์ รวมทั้งผ้าฝ้ายหรือผ้าวูลผสมสแปนเด็กซ์ สัมผัสสบายตัว นำมาตัดเย็บเป็นชุดมีลักษณะเหมือนกับชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ หรือชุดที่นักยิมนาสติกและนักบัลเลต์ สวมใส่ด้านบนดูเหมือนเสื้อยืด หรือเสื้อสายเดี่ยว ด้านล่างเป็นขาสั้นหรือขาเว้าแบบชุดว่ายน้ำ บางรุ่นอาจจะเย็บเป้าแบบปิด ทำให้เวลาจะเข้าห้องน้ำ ต้องถอดออกหมดทั้งตัว หรือหากดีไซน์ให้มีซิปหลัง ก็ยังต้องปลดจากด้านบนลงล่างอยู่ดี จึงจำเป็นต้องถอดและใส่ในที่มิดชิด อย่างเช่นในห้องน้ำ.
อย่างไรก็ตาม บอดี้สูทบางตัวก็ออกแบบโดยตีโจทย์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าห้องน้ำเอาไว้ให้แล้ว โดยการตัดเย็บบริเวณเป้าให้มีกระดุมแป๊ก (snap buttons) หรือตะขอเกี่ยว หรือแถบเวลโคร เพื่อที่จะสามารถเปิดบริเวณเป้าของชุดได้ง่ายเมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ ซึ่งแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องถอดทั้งชุดตั้งแต่ด้านบนลงมา แต่ยังไงก็ยังไม่สะดวกนักหากผู้สวมใส่ใช้บอดี้สูทควบคู่กับกางเกงชั้นใน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ยังต้องถอดและใส่ในสถานที่มิดชิดเช่นในห้องน้ำอยู่ดี บอดี้สูทจึงไม่ใช่รูปแบบของเสื้อผ้าที่จะถอดได้ง่ายๆ โดยไม่โป๊ในที่โล่งแจ้ง .
กว่าจะเป็นแฟชั่นที่เป็นกระแสยอดฮิตเหมือนอย่างในปัจจุบัน ประวัติของบอดี้สูทมีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์กีฬาและการเต้น ซึ่งเป็นของชุดรัดรูปของนักเต้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งสวมใส่ครั้งแรกโดย Jules Leotard นักกายกรรมชาวฝรั่งเศส และเป็นคนสร้างเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ขณะออกกำลังกาย 
.
ซึ่งเสื้อผ้ารุ่นแรกเหล่านี้แตกต่างไปจากเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ในปัจจุบัน พวกเขาเน้นการใช้งานได้มากกว่าการสวมใส่เป็นแฟชั่น เพราะชุดในสมัยนั้นสั้น กระชับแต่ไม่รัดแน่นกับผิวหนัง เป็นเสื้อคอเต่าและแบบเสื้อแขนสั้น โดยทั่วไปแล้วจะทำจากผ้าขนสัตว์เนื้อละเอียดหรือผ้าไหม จนทำให้ชุดรัดรูปกลายเป็นที่นิยมในหมู่นักเต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อพวกเขาตระหนักว่าการใส่บอดี้สูทสามารถช่วยในการจัดตำแหน่งของร่างกายและการเคลื่อนไหวในการเต้นรำบนเวทีได้เป็นอย่างดี.
จุดเปลี่ยนที่สำคัญในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะนักเต้นผู้หญิงที่เสื้อผ้าไม่เพียงช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดเผยให้ผู้ชมได้ชื่นชมร่างกายของนักเต้นขณะเคลื่อนไหว ชุดรัดรูปที่จับคู่กับกางเกงรัดรูปกลายเป็นชุดซ้อมทั่วไปสำหรับนักเต้น และยังคงเป็นชุดแบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้.
หลังจากนั้นในยุคทศวรรษ 1980 ถึงกลางยุค 1990 การแต่งกายที่เริ่มจะเป็นที่นิยมและแพร่หลายเป็นวงกว้าง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่นักกีฬาและนักเต้นเพียงเท่านั้น แฟชั่นดีไซเนอร์ของแบรนด์ดังอย่าง Azzedine Alaia และ Donna Karan ได้นำบอดี้สูทมานำเสนอเป็นแฟชั่นยอดนิยมสำหรับยูนิเซ็กซ์ ใส่ได้ทั้งชายและหญิง รูปแบบยอดฮิตในยุคนั้นที่ยังคงความคลาสสิกมาถึงปัจจุบัน คือบอดี้สูทแบบคอเต่าและแบบเสื้อแขนสั้น ที่ดูดีเป็นพิเศษเมื่อสวมกับกางเกงยีนเอวสูง.
แฟชั่นบอดี้สูทในยุคปัจจุบันพัฒนารูปแบบมาเป็นชุดชั้นในที่ใส่กระชับรูปร่าง ชุดชั้นในประดับลูกไม้เพิ่มความเซ็กซี่และหรูหรา บางดีไซน์ก็สามารถสวมใส่เป็นชุดราตรีหรูออกงานกลางคืนเมื่อสวมใส่กับกระโปรงหรือกางเกงยาว นับเป็นแฟชั่นสารพัดประโยชน์ที่ครองใจสาว ๆ มายาวนานหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน.
บอดี้สูทเป็นอีกหนึ่งเครื่องแต่งตัวที่มีความแซ่บในตัว สามารถแมทช์ได้หลายลุค ตั้งแต่ลุคสตรีทสไตล์จนถึงลุคออกงานที่ดูเป็นสาวมั่นใจ และลุคเซ็กซี่ก็เอาอยู่มากๆ แต่หลายคนก็สงสัยว่าถ้าซื้อมาแล้ว เราจะแมทช์คู่กับอะไรได้อีกบ้างให้ปัง ไม่ว่าใส่คู่กับกางเกงยีนขายาว ให้ลุคชิค ๆ สบาย ๆ หรือใส่คู่กับกระโปรงหนังสีดำ ให้ลุคเป็นสาวแซ่บที่พกความมั่นใจมาเต็ม.
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงที่ไม่ได้กล่าวถึง ระหว่างบอดี้สูทกับการเสริมอำนาจ และโยงไปถึงเรื่องเพศ แม้จะเริ่มต้นอย่างต่ำต้อยในฐานะเสื้อผ้ากีฬา แต่บอดี้สูทที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้อาจจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของสตรีที่มีอำนาจเหนือกว่า โดยเฉพาะอำนาจทางเพศ ต่างกับบอดี้สูทที่เรารู้จักที่โดดเด่นในด้านแฟชั่น คงไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าเสื้อผ้าชิ้นนี้จะมีประวัติและพัฒนาการที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

.ข้อมูลอ้างอิง 

แหล่งข้อมูลที่ 1 : https://www.thansettakij.com/general-news/515386

แหล่งข้อมูลที่ 2 : https://shesewshappiness.com/the-bodysuit-in-history/

.Read Me - We Shout l The Shout

Living Online Magazine

[Life, Culture, Creative, Spirit]