‘ชูวิทย์’ อดีตเจ้าของอาบอบนวดย่านพระราม9ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและยืนยัน ‘ศศิธร’ ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง
วันนี้(18ม.ค.61)ความคืบหน้าคดีอาบอบนวดย่านพระราม9ซึ่งตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 8 คน ในฐานความผิดค้ามนุษย์ และคดีอื่นๆมากกว่า 10 ข้อหา โดยนางสาวศศิธร วิระเทพสุภาภรณ์ สุภรณ์ ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการอาบอบนวด วิคตอเรียฯ ถูกดำเนินคดี 13 ข้อหา และแม้จะยื่นหลักทรัพย์กว่า 3 ล้านบาทแต่ศาลพิจารณาแล้วไม่ให้ประกันตัวทำให้ถูกส่งตัวเข้าคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ตั้งแต่วานนี้
นอกจากนี้เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อสอบปากคำนายชูวิทย์ กมลวิศิษย์ อดีตผู้ก่อตั้งและเจ้าของสถานบริการ หลังนายชูวิทย์ ให้ข้อมูลว่านางสาวศศิธรไม่ใช่เจ้าของตัวจริง โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 5 ชั่วโมง
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า นายชูวิทย์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร และยังยืนยันว่านางสาวศศิธรไม่ใช้เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรีย
ขณะที่การสอบปากคำคดีนี้คืบหน้าไปมากแล้วสอบพยานไป 90 ปากและยังได้ออกหมายจับเพิ่มอีก 3 คน ส่วนการโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งรับเป็นคดีพิเศษนั้น ตำรวจพร้อมให้ความร่วมมือ โดยรอเพียงเอกสารลงนามอย่างเป็นทางการจากอธิบดีดีเอสไอ
สำหรับการเข้าให้ข้อมูลของนาย ชูวิทย์ ในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้ขายกิจการอาบอบนวดเมื่อปี 2546 เพราะตัดสินใจลงเล่นการเมืองให้กับเสี่ยกำพล ในราคา 100 ล้านบาท ไม่ใช่นางสาวศศิธร พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการจับกุมการค้ามนุษย์ ยอมรับว่า ข้อมูลการข่าวในชั้นสืบสวนพบว่ามีกลุ่มคนระดับเจ้าของซึ่งไม่ใช่นอมินี มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองภาคเหนือและภาคตะวันตกที่กำลังจะตั้งพรรคการเมือง แต่การเข้าจับกุมอาบอบนวดไม่มีความเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมือง คาดว่าข่าวที่ออกมาเป็นเพราะผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องพยายามเชื่อมโยงไปว่าถูกการเมืองเล่นงาน ทั้งที่เป็นคดีที่มีการกระทำผิดกฎหมาย