‘เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย’ เป็นสุภาษิตไทยหมายถึง การไม่ยอมเสียเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ต้องเสียมากกว่าเดิม เปรียบเปรยคนที่มีความตระหนี่ถี่เหนียม ไม่ค่อยจะยอมเสียเงินง่ายๆ แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย จนเรื่องเล็ก ๆ ลุกลามกลายเป็นความจำเป็นที่ต้องเสียเงินมากกว่า ครั้งนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของค่าใช้จ่ายที่มองเผินๆ อาจรู้สึกว่า ‘แพงจัง’ แต่หากคำนวณดูอีกครั้งอาจพบว่ามันไม่ได้แพงเกินไป เริ่มกันที่
1.ค่าส่งของ/ค่าบริการแมสเซนเจอร์
เคยไหม ในวันที่คุณเดินทางเกือบจะถึงที่หมายอยู่แล้วเชียว แต่กลับเอะใจนึกขึ้นมาได้ว่าลืมของสำคัญ ครั้นจะกดเรียกใช้บริการแมสเซนเจอร์ก็เสียดายค่าบริการ.. บางคนอาจยอมเสียเวลา วกกลับไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อเอาของที่ลืมไว้ แล้วเริ่มต้นเดินทางใหม่อีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเสียค่าเดินทางเป็นสองเท่าสองเที่ยวอีกต่างหาก ก่อนจะวู่วามตีรถกลับไปลองคำนวณกันดูใหม่ว่าคุ้มแล้วหรือไม่นะ
2.ค่าส่งอาหาร
ยิ่งช่วงนี้ที่ร้านอาหารไม่สามารถเปิดให้บริการนั่งในร้าน แต่การกินอยู่ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป ยิ่งถ้าหากใครมีไอเดียบรรเจิดเกิดคิดได้ว่าอยากกินนั่น อยากกินนี่ จะกดสั่งดิลิเวอรี่ก็เสียดายค่าส่งที่ดูยังไงก็รู้สึกว่า ‘แพงจัง’ แต่เดี๋ยวนี้ร้านที่ระยะทางไม่ไกล ค่าส่งก็ไม่ได้โหดร้ายแสนสาหัส บางบริการมีโปรลดค่าส่ง/ส่งฟรีในระยะใกล้ เอาใจคนไทยด้วยกันที่กำลังเดือดร้อน ลองคิดดูว่า ถ้าหากอดรนทนความอยากไม่ไหวต้องออกเดินทางไปซื้อกินเองจะต้องเสียค่ารถ/ค่าเดินทางเป็นเงินเท่าไหร่ นี่ยังไม่นับความเสี่ยงที่จะต้องออกไปเผชิญกับโควิดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอีกต่างหาก
3.ค่าส่งของออนไลน์ช้อปปิ้ง
ยอมรับมาเสียดีๆ ว่าคุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยอยากต่อราคาค่าส่งกับแม่ค้า/ร้านค้าออนไลน์ .. “ส่งฟรีได้มั้ยคะ” ในภาวะเช่นนี้การต่อราคา ขอค่าส่งฟรีนี่ก็ถือเป็นการหักหาญน้ำใจแม่ค้าทำมาหากินไม่ใช่น้อยเลย เพราะหากมาลองคิดกันจริงๆ ค่าส่งของนั้นไม่ได้มีเพียงค่าบริการจัดส่งโดยผู้ให้บริการ แต่ยังรวมไปถึงค่าบรรจุแพ็คของ หีบห่อต่างๆ ค่าเทปกาว และอาจมีต้นทุนค่าเดินทางที่ทางร้านต้องเดินทางไปเพื่อส่งของให้คุณตามจุดรับฝากอีก เชื่อเถอะว่า ค่าจัดส่งลงทะเบียน 30 / EMS 50 ถือว่าเบามากแล้ว
4.ค่าบริการความบันเทิงแบบออนไลน์
ในที่นี้เหมาหมดทั้งการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง และดูหนัง ดูซีรี่ส์ในมือถือ บริการส่วนใหญ่มีการเรียกเก็บค่าบริการแบบรายเดือนเป็นแพคเกจราคาต่อปีเป็นหลักร้อยถึงหลักพัน บางทีก็รู้สึกสะเทือนใจเวลาบิลค่าบริการมาถึง แต่หากคุณรู้ตัวว่าเป็นคนชอบดูหนังฟังเพลงเป็นประจำ ลองคำนวณกันดูใหม่ว่าค่าตั๋วหนัง/ตั๋วคอนเสิร์ตรวมทั้งปี เทียบกับค่าใช้จ่ายแค่นี้ ยิ่งเป็นช่วงโควิดที่โรงหนังปิดคอนเสิร์ตจัดไม่ได้ ก็ถือว่าซื้อความสุขทางใจกันไปก่อน เราทุกคนควรมีสิ่งบันเทิงไว้ผ่อนคลายจากความเครียดบ้างนะ
5.ค่าธรรมเนียมกดเงินข้ามธนาคาร
แม้ว่าการโอนเงินข้ามธนาคารสมัยนี้จะไม่มีค่าธรรมเนียมแล้ว แต่เรื่องของการกดเงินสดจากตู้ต่างธนาคารยังคงมีอยู่ ซึ่งเมื่อจวนตัวจนหาตู้กดเงินสีที่คุ้นเคยไม่ได้จริงๆ แต่ก็เสียดายจังถ้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ ลองใจเย็นๆ คิดเปรียบเทียบดูใหม่ว่า ระหว่างค่าเดินทางออกไปหาตู้ที่ใช่ กับส่วนต่างตรงจุดนี้ แบบไหนที่ใจคุณรับได้มากกว่ากัน
6.ค่าน้ำมันอันผันผวน
เชื่อว่าบรรดาคนมีรถขับล้วนจับจ้องราคาน้ำมันที่ผันผวนตามช่วงสถานการณ์ต่างๆ พอมีประกาศว่า ‘พรุ่งนี้น้ำมันขึ้น’ ก็มีอันต้องรีบขับรถไปตุนน้ำมันให้เต็มถังเข้าไว้ก่อน จริงอยู่ที่ราคาน้ำมันมีผลกับต้นทุนค่าเดินทาง แต่การขึ้น-ลงราคาของน้ำมันส่วนใหญ่นั้นมีหน่วยเป็น ‘สตางค์’ ต่อลิตร และเมื่อหันมามองที่รถบ้านขนาดก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย ลองคำนวณกันดูว่าเติมน้ำมัน ‘เต็มถัง’ ราคาเก่ากับราคาใหม่ ต่างกันแค่ไหน คุ้มหรือไม่กับการขับออกไปต่อแถวคิวยาวเติมน้ำมัน ถ้าหากคุ้มจริงค่อยออกเดินทาง
จริงอยู่ที่ว่า การใช้เงินต้องรู้จักประหยัด คิดตริตรองถึงความจำเป็นก่อนจ่าย แต่อะไรที่ตึงจนเกินไปก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป ลองคิดเปรียบเทียบความคุ้มค่า คุ้มกับเงินและเวลาที่เสียไป แม้เงินทองจะเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่เวลาที่เสียไปเอาย้อนกลับมาไม่ได้ น่าเสียดายยิ่งกว่าเงินอีกนะ