โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

5 ประเภทการลงทุน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ !!

Stock2morrow

อัพเดต 31 ส.ค. 2560 เวลา 09.40 น. • เผยแพร่ 30 ส.ค. 2560 เวลา 07.31 น. • Stock2morrow
5  ประเภทการลงทุน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ !!
5 ประเภทการลงทุน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ !! 

Basic Investment พื้นฐานการลงทุนสำหรับทุกเพศทุกวัย

 

ทุกวันนี้มีการลงทุนเกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ แม้แต่ในประเทศไทยเองที่อาจมีวิธีการลงทุนที่น้อยกว่าประเทศที่เป็นฮับด้านการเงินของโลก ก็ยังถือว่ามีเป็นจำนวนมากและหลากหลายอยู่ดี ตั้งแต่การลงทุนในระดับง่ายๆ อย่างการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารเงิน ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร หุ้นกู้ หรือการลงทุนระดับสูง เช่น ตราสารอนุพันธ์ การลงทุนในตลาดล่วงหน้า (Future Market)

 

รวมทั้งการลงทุนในของสะสมมีค่า เช่น งานศิลปะ ภาพวาด นาฬิกา กระเป๋า ไวน์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าในประเทศไทยประชากรเกือบ 70 ล้านคนนั้น มีบัญชีที่เปิดสำหรับการลงทุนในหุ้นเพียง ล้านกว่าบัญชีเท่านั้น

 

วันนี้เราจึงจะมาลองศึกษาการลงทุนพื้นฐาน "Basic Investment"  สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ทุกท่านที่สนใจการลงทุนแต่ยังไม่รู้ว่าจะลงทุนในอะไร และอย่างไรดี มาลองศึกษา 5 การลงทุนนี้  ไปดูกันเลย..

 

1.ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารเงิน

 

การลงทุนประเภทนี้คือการลงทุนระยะสั้น เป็นการลงทุนที่จะสิ้นสุดภายใน 1 ปี โดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ได้เงินคืนเร็ว ระยะการจ่ายดอกเบี้ยแล้วแต่การตกลงในสัญญา เช่น ทุก 3 เดือน ทุก 6 เดือน หรือจ่ายพร้อมเงินต้นเมื่อครบอายุสัญญา เป็นต้น

 

ตราสารกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะรับประกันเงินต้น แต่ก็มีตราสารเงินบางส่วนบางประเภทที่ไม่ได้รับประกันด้วย ซึ่งการลงทุนประเภทนี้จะมีดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ส่วนใหญ่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้ออด้วยซ้ำไป ตัวอย่างตราสารประเภทนี้ เช่น ตราสารหนี้บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ตราสารหนี้บริษัทปูนซีเมนต์ไทยจำกัด ถ้าเป้าหมายในการลงทุนของคุณคือ เอาชนะเงินเฟ้อ การลงทุนประเภทนี้ก็อาจยังไม่เหมาะกับคุณเท่าไรนัก

 

 

2.การลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้ ระยะยาว

 

การลงทุนประเภทนี้คือการลงทุนระยะยาว เป็นการลงทุนที่มีระยะสิ้นสุดเกิน 1 ปี ส่วนมากจะกินเวลาเฉลี่ย 5-30 ปี พันธบัตรหรือหุ้นกู้คือใบหลักฐานการกู้เงินแบบหนึ่งที่บอกว่าเจ้าหนี้ของคุณ(ผู้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้)ได้ยืมเงินคุณไปในจำนวนเท่าไร กำหนดจ่ายคืนวันไหน จ่ายผลตอบแทนอย่างไร

 

ถึงแม้จะเรียกว่าการซื้อพันธบัตรหรือหุ้นกู้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไร แต่คุณอยู่ในสถานะเจ้าหนี้ที่กำลังให้กู้เงิน โดยมีใบพันธบัตรหรือหุ้นกู้เป็นหลักฐาน พันธบัตรที่นิยมซื้อส่วนใหญ่จะเป็นพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่ค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถจ่ายคืนเงินต้นได้

 

การลงทุนในพันธบัตร หรือหุ้นกู้แม้จะไม่ได้รับผลตอบแทนมากเท่าการลงทุนในหุ้นที่เราจะคุยกันในลำดับถัดไป แต่คุณก็จะไม่มีความเสี่ยงกรณีที่ราคาหุ้นตกลงมาเช่นกัน ไม่ว่าตลาดหุ้นจะถล่มลงมาขนาดไหน เมื่อครบกำหนดชำระหนี้คุณจะได้เงินคืน แต่คุณก็สามารถขาดทุนจากพันธบัตรหรือหุ้นกู้ได้ เช่น ขายพันธบัตรหรือหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดชำระ ผู้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้ล้มละลายไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้

 

ตัวอย่างใบหุ้นกู้cpall

 

3.การลงทุนในหุ้น

 

การซื้อหุ้น หมายถึง การที่เราเข้าไปซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของของบริษัท ดังนั้นเราจะมีส่วนรับผิดชอบทั้งกำไรและขาดทุนของบริษัทที่จะสะท้อนผ่านราคาหุ้น ในความเห็นของผู้เขียนนั้น หุ้นน่าจะเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดแบบหนึ่ง คือ คุณไม่จำเป็นต้องนั่งดูแลกิจการเองเหมือนกับที่ทำธุรกิจส่วนตัว คุณมีนักบริหารที่เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นนั่งบริหารให้ หน้าที่ของคุณคือเลือกธุรกิจที่คุณคิดว่ามันจะทำเงินให้ได้ดี จากนั้นก็ซื้อถือเก็บไว้ หากบริษัทจ่ายปันผลคุณก็ได้เงินด้วย หากบริษัทโตขึ้น ราคาหุ้นขึ้น ปันผลก็มีโอกาสมากขึ้นตาม ซึ่งจุดนี้เจ้าของพันธบัตรและหุ้นกู้ไม่สามารถมีโอกาสได้เลย ไม่ว่าบริษัทจะโตขึ้นขนาดไหน เจ้าของพันธบัตรและหุ้นกู้ยังคงได้ดอกเบี้ยเท่าเดิมตามที่ตกลง

 

 

4.การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

 

ปัจจุบันการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาฯให้เช่า เช่น คอนโด ทาวเฮ้า บ้านเดียว หรือโกดังให้เช่า ที่มักมีคำเรียกติดปากว่า “เสือนอนกิน”

 

แต่ในความเห็นของผู้เขียนแล้วนั้นปัจจุบันการลงทุนในอสังหาฯให้เช่านั้น ไม่ง่ายเหมือนในสมัยก่อน ด้วยปริมาณ supply ที่เพิ่มขึ้นมากทำให้ผู้ให้เช่าจำเป็นต้องลดราคาลงมาเพื่อที่จะให้แข่งขันได้ ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตั้งใจไว้ หรือปัญหาจุกจิกต่างๆที่ตามมาจากการให้เช่า เช่น ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลา ทรัพย์สินในห้องเสียหาย ห้องเก่าห้องโทรม ที่เกิดมากในอสังหาฯประเภทคอนโด ผู้เช่าย้ายเข้าออกบ่อย

 

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอสังหาฯแบบอื่น เช่น การลงทุนแบบเก็งกำไร ซึ่งปัจจุบันถือว่า เหนื่อยน้อยกว่า แบบอสังหาฯให้เช่า แต่ต้องใช้ทักษะสูงกว่า เช่นการประเมินทำเล demand ในอนาคต ลักษณะตลาด และช่วงเวลา ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ นอกจากนี้การลงทุนในอสังหาฯยังมีข้อได้เปรียบที่การลงทุนในหุ้นไม่มี นั่นคือ คุณสามารถขอกู้เงินเพื่อซื้ออสังหาฯกับธนาคารได้ แต่คงไม่ธนาคารไหนให้คุณกู้หากคุณเอาไปซื้อหุ้น

 

 

5.การลงทุนในของสะสมมีค่า

 

การลงทุนในของสะสมมีค่าจะเป็นอะไรที่เฉพาะตัวมาก คือผู้ลงทุนจะต้องรู้จริง เชี่ยวชาญในของสะสมนั้นอย่างแท้จริง และยังต้องรู้ตลาดและราคาด้วย เพราะของชิ้นเดียวกันในแต่ละประเทศที่เล่นอาจให้ราคาแตกต่างกัน

 

ของสะสมจะเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่ แสตมป์ กระเป๋า นาฬิกา รถโบราณ ไวน์ ภาพวาด หรืออื่นๆ ยิ่งมีปริมาณมาก เวลาผ่านไปนาน หรือ การมีครบเซต สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อราคาขายในอนาคต แต่ก็มีโอกาสเสียราคาจากการที่เก็บนานแล้วของบางอย่างเสื่อมสภาพ แต่ของสะสมลักษณะนี้หากเล่นเป็นโอกาสที่จะได้กำไร 10-100 เท่า ก็ไม่ได้ยากเลย

 

 

ทั้งหมดนี้คือ ความรู้ Basic Investment พื้นฐานการลงทุนสำหรับทุกเพศทุกวัย ที่นำมาฝากกัน อย่าลืมว่า.. 

 

"การลงทุนยิ่งเริ่มศึกษาเร็วยิ่งได้เปรียบ เพราะตัวแปรสำคัญในการลงทุนคือประสบการณ์และเวลา ประสบการณ์นั้นมีโอกาสที่จะบีบอัดให้ตามกันทันได้ แต่ระยะเวลาในการลงทุนนั้นทำไม่ได้"

 

- Vira -

stock2morrow

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่ LINE@stock2morrow, FB:stock2morrow และ www.stock2morrow.com 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0