โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สวทช. เปิดบ้านจัดงาน 'NAC2021' เสิร์ฟงานวิจัย ขับเคลื่อนบีซีจี!

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 02 มี.ค. 2564 เวลา 14.36 น. • เผยแพร่ 03 มี.ค. 2564 เวลา 07.00 น.
161469560559
161469560559

ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. แถลงว่า ปีนี้ สวทช. จัดงาน NAC2021 แบบออนไลน์เต็มรูปแบบ เพื่อให้สอดรับกับวิถี New Normal  ซึ่งทุกกิจกรรมจะเป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด สำหรับธีมปีนี้ คือ 30 ปี สวทช. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้ระบบเศรษฐกิจแบบ BCG (Bio-Circular-Green Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) เป็นวาระแห่งชาติ (เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564)

โดยประกาศเป้าหมายให้ BCG เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง และประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย BCG เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2564-2569 ประกอบด้วย 4 แผนยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. เกษตรและอาหาร 2. สุขภาพและการแพทย์ 3. พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4. การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของประเทศไทยในฐานความหลายหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมของประเทศไทย

“ที่สำคัญในพิธีเปิดงาน NAC2021 ครั้งนี้ สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดและทรงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “20 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เซิร์น โครงการตามพระราชดำริสมเด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” จากการที่ประเทศไทยได้มีความร่วมมือทางวิชาการกับเซิร์น (The European Organization for Nuclear Research: CERN) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยพระกรุณาธิคุณของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระราชดําริและทรงเล็งเห็นว่าหากนักวิทยาศาสตร์ไทยได้มีโอกาสทํางานวิจัยร่วมกับเซิร์น ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูงชั้นนําระดับโลก ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย”

161469564388
161469564388

ด้าน วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการนาโนเทค สวทช. กล่าวว่า การจัดงานในรูปแบบออนไลน์ปีนี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เต็มอิ่มกับเนื้อหาสาระที่ สวทช. เตรียมมานำเสนอ และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาโดยเฉพาะหัวข้อการสัมมนาที่มีมากกว่า 34 หัวข้อ เช่น การพัฒนาวัคซีนโควิด-19, นาโนโรโบติกพิชิตมะเร็ง, การวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับความปลอดภัยด้านการคมนาคมขนส่งในระบบราง รวมถึงการเปิดแนวคิด     
เทรนด์อุตสาหกรรมด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เน้นคุณค่าและทำให้มนุษย์อยู่กับธรรมชาติได้อย่างสมดุล

เป็นแนวทางสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจบนฐานของการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ในส่วนของนิทรรศการออนไลน์ ประกอบด้วยโซนเทิดพระเกียรติครบรอบ 20 ปี ความร่วมมือไทย-เซิร์น (CERN) โซนBCG Model ซึ่งแบ่งออกเป็น 8กลุ่ม ได้แก่ 1.เกษตร 2.อาหาร 3.พลังงานและวัสดุ 4.ยาและวัคซีน          5.เครื่องมือแพทย์ 6.ท่องเที่ยว 7.เศรษฐกิจหมุนเวียน และ 8.ความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้                 ในนิทรรศการแต่ละเรื่องจะมีนักวิจัยเจ้าของผลงานมานำเสนองานวิจัยในรูปแบบ VDO Online ทั้งหมด

“นอกจากนี้ยังมีการสัมมนาออนไลน์ ผ่านระบบ VDO Conference ของซิสโก้ (cisco) เว็บเอ็กซ์ มีทติ้ง (webex meeting) โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังการสัมมนา สามารถลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac โดยเลือกหัวข้อที่สนใจตามวันและเวลาที่สะดวก ระบบจะส่ง Link URL ไปให้ทางอีเมล เพื่อใช้เข้าร่วมฟังการสัมมนา โดยผู้เข้าฟังสามารถรับชมผ่านโปรแกรม webex meetingซึ่งติดตั้งได้  ทั้งบนคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน หากไม่สามารถเข้าร่วมฟังในเวลาที่ลงทะเบียนไว้ ก็สามารถรับชมย้อนหลังได้อีกด้วย”

1614695662100
1614695662100

ทั้งนี้ ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือ Open House หรือการเปิดบ้านให้ผู้ประกอบการนักลงทุนได้เยี่ยมชมแบบออนไลน์ถึง 2 วันเต็ม คือในวันที่ 25-26 มีนาคม มีการนําเสนอ 47 เรื่องไฮไลต์ใน 8 กลุ่มธุรกิจสําคัญซึ่งความพิเศษของการจัดในรูปแบบออนไลน์ คือ สวทช. เปิดบ้านให้เห็นห้องปฏิบัติการวิจัยผ่านวีดีโอแบบใกล้ชิด และหากมีคำถามก็สามารถแชทข้อความสอบถามได้ทันที เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย ทั้งนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม และนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสและแรงบันดาลใจสามารถนำไปเป็นแนวทางต่อยอดธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  

“อีก 1 ไฮไลต์คือกิจกรรมรับสมัครงานในตำแหน่งงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในยุค New Normal โดยเปิดรับสมัครในรูปแบบออนไลน์จาก 30 บริษัทชั้นนำของไทย มากกว่า 2,000อัตรา รวมทั้งยังมีหัวข้อกิจกรรมสัมมนาพิเศษ Knowledge Sharing ที่จะมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการทำงานในสายวิทยาศาสตร์ การสร้างธุรกิจนวัตกรรมในแบบของตนเองที่ประสบความสำเร็จบนเวทีโลกมาแล้ว

ที่สำคัญยังมีกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชน การเสวนาสำหรับครูอาจารย์และผู้สนใจทั่วไปในรูปแบบออนไลน์ และกิจกรรมแบบ interactive ที่ผู้เข้าร่วมไม่เพียงได้รับความรู้จากวิทยากรที่บรรยายเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถลงมือประดิษฐ์ ทดลองเสมือนอยู่ในห้องปฏิบัติการจริง”

161469567762
161469567762

อย่างไรก็ดีภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ สวทช. ได้นำ 7 ตัวอย่างผลงานวิจัยซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะมีให้ชมในวันจัดงานจริงผ่านระบบออนไลน์มาแสดงในงานแถลงข่าวด้วย อาทิด้านอาหารทางเลือก : ผลงาน M-Pro Jelly Drink เครื่องดื่มโปรตีนสูงชนิดเจลจากโปรตีนถั่วเขียว ที่มีปริมาณโปรตีนสูงมากกว่าร้อยละ 20 มีการเสริมแคลเซียมกว่าร้อยละ 10 เหมาะสำหรับคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป ผลิตภัณฑ์พัฒนาขึ้นโดยอาศัยกระบวนการที่เหนี่ยวนำให้เกิดโครงสร้าง และขนาดอนุภาคของโปรตีนตามต้องการ ร่วมกับการใช้ไฮโดรคอลลอยด์ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อช่วยในการพยุงโครงสร้าง และช่วยในการกระจายตัวของโปรตีน      ทำให้ได้เครื่องดื่มโปรตีนสูงชนิดเจลจากโปรตีนพืชที่มีลักษณะปรากฏเป็นเนื้อเดียวกัน

ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อไก่จากโปรตีนพืช (Plant-based chicken meat) พัฒนาขึ้นโดยอาศัยองค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบโครงสร้างของอาหาร และคุณสมบัติของโปรตีน ประกอบกับการใช้สารที่ทำหน้าที่ยึดเกาะ และเส้นใยอาหารที่เหมาะสมในการสร้างเนื้อสัมผัสให้คล้ายคลึงกับเนื้อไก่ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถปั้นขึ้นรูปได้ง่ายภายหลังการปั่นผสม และสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูอาหารต่างๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแช่แข็ง เช่น วิธีการทอด ย่าง ผัด หรือ แกง ทำให้ง่ายต่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์มีปริมาณโปรตีนประมาณ 10-16% ใยอาหารประมาณ 6-10% และไขมันจากพืชที่ปราศจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลประมาณ 6-9% โดยปริมาณสารอาหาร นอกจากนี้ยังมี ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจาก Mycoprotein หรือเนื้อเทียมประเภท ‘มัยคอโปรตีนไม่มีคอเลสเตอรอลและมีไขมันอิ่มตัวต่ำ นวัตกรรมสำหรับต่อยอดในธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ

ด้าน Big DATA เช่น ระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการค้าของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ครอบคลุมการพัฒนาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินงานของสถาบันฯ Eco system ตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำ

161469569826
161469569826

ด้านสื่อการเรียนการสอนสำหรับเยาวชน เช่น ผลงานสถานีวัดสภาพอากาศ หรือ อุตุน้อย Playground ด้วยบอร์ด KidBright เป็นสถานีที่มีการติดตั้งเซนเซอร์เพื่อตรวจวัดสภาพแวดล้อม ได้แก่ ความเร็วลม ทิศทางลม ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณแสง โดยใช้บอร์ด KidBright เป็นอุปกรณ์รับส่งข้อมูลจากเซนเซอร์ไปยังระบบคลาวด์ สามารถนำมาแสดงเพื่อให้เห็นภาพรวมของข้อมูลแบบ Real-time

161469571224
161469571224

และ ผลงาน ZpecSen เครื่องสเปกโตรมิเตอร์แบบพกพาราคาประหยัด ที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน สามารถตรวจวัดคุณสมบัติเชิงแสงวัสดุทั้งของแข็งหรือของเหลว ตรวจวัดความยาวคลื่นในช่วง 450-700 นาโนเมตร หรือตรวจวัดแหล่งกำเนิดแสงชนิดต่างๆ ผ่านทางโมบายแอปพลิเคชัน ZpecSen app เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนในหลักสูตรวิทยาศาสตร์ หลักสูตรแกนกลาง ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องแสง และสเปกตรัม ซึ่งสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้แกนกลางในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 5 หรือใช้แทนเครื่องมือพื้นฐานในห้องปฏิบัติการที่มีราคาแพง

161469573313
161469573313

และด้านนาโนเทคโนโลยี เช่น นวัตกรรมตรวจวัดและพัฒนาคุณภาพน้ำเพื่อชุมชน โดยผลงาน ‘บ้านน้ำดื่มพลังงานแสงอาทิตย์ระบบ UF’ เป็นเทคโนโลยีการกรองด้วยเมมเบรนละเอียด มีความเหมาะสมในการนำมาผลิตน้ำดื่ม สามารถกรองเชื้อโรคในน้ำได้ดีและสามารถคงแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายมนุษย์ได้มากกว่าระบบรีเวอร์สออสโมซิส (Reverse osmosis – RO) ผลงานดังกล่าวเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคด้วยพลังงานสะอาดร่วมกับระบบการกรองที่มีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะช่วยผลิตน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย ยังช่วยยกระดับห่วงโซ่อุปทานด้านน้ำในพื้นที่ และลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจก ทำให้สามารถเป็นกลไกหนึ่งในการขยายการเติบโตของเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืนบนฐานเศรษฐกิจสีเขียว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0