รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของ 10 ประเทศสมาชิกแห่งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน), จีน, ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ยืนยันความสำคัญของตลาดเปิด ท่ามกลางการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และความจำเป็นที่ต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อต่อต้านผลกระทบของโรคระบาด
รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้จัดการประชุมออนไลน์ในวันพฤหัสบดี โดยมี เจิน ตวน อัน (Tran Tuan Anh) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามเป็นประธานและผู้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจกลุ่ม อาเซียน+3 ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
แถลงการณ์ร่วมระบุว่า คณะรัฐมนตรียอมรับว่ามี “ความจำเป็นเร่งด่วน” ที่ต้องมีการดำเนินการที่จริงจังและอาศัยความร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อแก้ไขผลกระทบเชิงลบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ต่อประชาชน รวมถึง “การหยุดชะงักทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ตลาดการเงิน และทุนมนุษย์ ระดับภูมิภาค”
รัฐมนตรียืนยันความสำคัญของการรักษาตลาดให้เปิดกว้างสำหรับการค้าและการลงทุน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค และรักษาระดับการไหลเวียนของสินค้าและบริการที่จำเป็น
พวกเขาเห็นพ้องที่จะระงับการใช้มาตรการที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ ยา และเวชภัณฑ์ในภูมิภาค อีกทั้งยืนยันจะเดินหน้าแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี โดยเฉพาะอุปสรรคที่ขัดขวางการไหลเวียนของสินค้าและบริการ
พวกเขาสนับสนุนการประสานงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในหมู่หน่วยงานศุลกากร เพื่อส่งเสริมมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเฉพาะบริเวณชายแดนบก
เมื่อกล่าวถึงความสำคัญของการอำนวยความสะดวกในการเดินทางที่จำเป็นของนักธุรกิจข้ามพรมแดน บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศต่างสนับสนุนให้รัฐบาลของพวกเขากำหนดแนวทางที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางข้ามพรมแดนที่จำเป็นเกิดขึ้นได้โดยไม่ขัดขวางการต่อต้านโรคระบาด
แถลงการณ์ยังระบุว่า บรรดารัฐมนตรีเห็นพ้องที่จะให้การสนับสนุนธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม และภาคเศรษฐกิจที่เผชิญความเสี่ยง อีกทั้งยินดีแลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับนโยบายและโครงการต่างๆ เพื่อจัดการกับผลกระทบเชิงลบของการระบาดใหญ่ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
พวกเขายังยินดีที่จะใช้ประโยชน์จากองค์กรข้าวสำรองฉุกเฉินของอาเซียน+3 (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve) อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเอาชนะปัญหาการขาดแคลนอาหารที่อาจเกิดได้และช่วยรับประกันความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาคในยามฉุกเฉิน
บรรดารัฐมนตรีเห็นพ้องที่จะระบุและดำเนินแผนริเริ่มต่างๆ เพื่อเสริมแกร่งความพยายามร่วมกันในการฟื้นฟูหลังการระบาดใหญ่ในภูมิภาค และเพื่อร่วมกันฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการยกระดับความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจในภูมิภาค ผ่านมาตรการต่างๆ รวมถึงการจัดการกับอุปสรรคทางการค้า การสนับสนุนการค้าและการลงทุน และการขยายความร่วมมือในหลากหลายด้าน
แถลงการณ์ระบุว่า คณะรัฐมนตรียังคงมุ่งมั่นที่จะลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรีที่มีการยื่นเสนอ (proposed FTA) ระหว่างรัฐสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศกับหุ้นส่วนข้อตกลงการค้าเสรี 6 ประเทศ อันได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ภายในปี 2020
อนึ่ง อาเซียนก่อตั้งขึ้นในปี 1967 มีสมาชิกประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม