ประสิทธิภาพ วัคซีนโควิด 2024-2025 ใช้ได้จริงหรือไม่ ยังควรฉีดหรือเปล่า? และช่วยป้องกันได้กี่เปอร์เซ็นต์
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เรื่อง ประสิทธิภาพ วัคซีนโควิด 2024-2025 ใช้ได้จริงหรือไม่ ยังควรฉีดหรือเปล่า?
โดยระบุว่า CDC สหรัฐอเมริกาแถลง วัคซีนโควิด-19 ฤดูกาล 2024-2025 มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉิน/คลินิกเร่งด่วน (ED/UC) 33% ในผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป, และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล 45-46% ในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ, และ 40% ในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ไม่เด่นเรื่องประสิทธิภาพ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญลดความเสี่ยง
โดยสรุป วัคซีนรุ่นปี 2024-2025 อาจไม่ใช่ "ดาวเด่น" ในแง่ของประสิทธิภาพ เพราะเป็นวัคซีนประเภท monovalent (โมโนวาเลนต์ หรือ เชื้อเดี่ยว) ที่มุ่งเป้าต่อสายพันธุ์ โอไมครอน KP.2 (Moderna และ Pfizer-BioNTech) และ โอไมครอน JN.1 (Novavax) แต่เชื้อมีการกลายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน (มีนาคม 2025) มีการกลายพันธุ์เป็น โอไมครอน LP.8.1 (42%), XEC (31%), และ KP.3.1.1 (6%) ที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรมจากโอไมครอน KP.2 และ JN.1 มากขึ้น
แต่วัคซีนโควิด-19 ฤดูกาล 2024-2025 ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยรุนแรงและการเข้าโรงพยาบาล โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง การตัดสินใจว่าควรฉีดหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ประโยชน์ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยง
CDC สหรัฐอเมริกายังคงแนะนำให้ประชาชนทุกคนอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปรับวัคซีนโควิดรุ่นล่าสุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งจะได้รับประโยชน์มากที่สุด
การประเมินประสิทธิภาพวัคซีนจาก ไม่ได้ผล, ปานกลาง, ผลดี, ผลดีมาก ในบริบทของสายพันธุ์
1. ไม่ได้ผล (ประสิทธิภาพใกล้ 0% หรือไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ)
- ไวรัสเดงกี: วัคซีนเดงกีเฟอร์สตชิลด์ไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เพียงพอในเด็กที่ไม่เคยสัมผัสเชื้อ เมื่อร่างกายเจอไวรัสเดงกีธรรมชาติ กลับทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่รุนแรงเกินไป
- เชื้อ HIV: วัคซีนรุ่นแรกๆ ไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เหมาะสมต่อไวรัส HIV เนื่องจากไวรัสมีความสามารถในการกลายพันธุ์สูงและหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี
2. ผลดีมาก (ประสิทธิภาพสูงกว่า 70-80% ขึ้นไป)
- ไวรัสหัด: เป็นไวรัสที่มีความเสถียรทางพันธุกรรมสูง กลายพันธุ์น้อย ทำให้วัคซีนที่พัฒนาขึ้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ตรงกับเชื้อในธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ
- ไวรัสตับอักเสบ : วัคซีนสามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีที่มีความจำเพาะต่อโปรตีนผิวของไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโปรตีนนี้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก
- SARS-CoV-2 สายพันธุ์ดั้งเดิม: วัคซีน mRNA รุ่นแรกถูกออกแบบให้ตรงกับโปรตีนหนามของเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม (Wuhan virus) ได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จะมีการกลายพันธุ์มากมาย
3. ผลดี (ประสิทธิภาพประมาณ 50-70%)
- ไวรัสโปลิโอ: วัคซีนชนิดฉีดมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากเชื้อมีซีโรไทป์ (serotype) จำกัดและค่อนข้างเสถียร
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่: เมื่อนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์สายพันธุ์ได้ถูกต้อง วัคซีนจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ตรงกับไวรัสที่ระบาด แต่ไวรัสนี้กลายพันธุ์เร็วกว่าไวรัสหัดมาก
- รอตาไวรัส: วัคซีนมุ่งเป้าที่เชื้อสายพันธุ์หลักที่ก่อโรคในมนุษย์ แต่ยังมีสายพันธุ์อื่นๆ ที่วัคซีนอาจครอบคลุมไม่ถึง
4. ปานกลาง (ประสิทธิภาพประมาณ 30-50%)
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ไม่ตรง: เมื่อไวรัสกลายพันธุ์จนแตกต่างจากสายพันธุ์ในวัคซีน ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะจับกับไวรัสได้ไม่ดีนัก
- SARS-CoV-2 สายพันธุ์ โอไมครอน: วัคซีนรุ่นปี 2024-2025 ถูกพัฒนาเพื่อต่อสู้กับสายพันธุ์ โอไมครอน KP.2 และ JN.1 แต่เชื้อได้กลายพันธุ์เป็นโอไมครอน LP.8.1, XEC, KP.3.1.1 และสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรมมากขึ้น
- เชื้อวัณโรค (Mycobacterium tuberculosis): เป็นแบคทีเรียที่มีกลไกหลบหลีกภูมิคุ้มกันซับซ้อน วัคซีน BCG จึงป้องกันได้เพียงบางส่วน โดยเฉพาะรูปแบบรุนแรงในเด็ก แต่ป้องกันการติดเชื้อในผู้ใหญ่ได้จำกัด
วัคซีนโควิด-19 รุ่น 2024-2025 มีประสิทธิภาพระดับปานกลางเนื่องจากไวรัส SARS-CoV-2 มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของโปรตีนหนาม ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของวัคซีน ทำให้แอนติบอดีที่เกิดจากวัคซีนอาจจับกับไวรัสไม่ได้สมบูรณ์เหมือนกับสายพันธุ์ดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม การที่ยังคงมีประสิทธิภาพระดับหนึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการจดจำบางส่วนของไวรัสที่ยังคงเหมือนเดิม โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบเซลล์ (T เซลล์) ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
ควรพิจารณาด้วยว่า
• ค่าประสิทธิภาพเหล่านี้แสดงถึงการป้องกัน "เพิ่มเติม" นอกเหนือจากภูมิคุ้มกันที่มีอยู่แล้วจากการติดเชื้อก่อนหน้าหรือวัคซีนรุ่นก่อน
• ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายังคงมีประโยชน์ในแง่ของการลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง
• ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพระดับปานกลาง แต่เมื่อนำไปใช้ในประชากรขนาดใหญ่ ก็สามารถป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเข้าโรงพยาบาลได้จำนวนมาก
รายละเอียด
การศึกษาล่าสุดจาก CDC สหรัฐอเมริกาเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนโควิดสำหรับฤดูกาล 2024-2025 ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อสายพันธุ์ โอไมครอน JN.1 และสายพันธุ์ย่อยที่พัฒนามาจาก JN.1ที่ระบาดในขณะนั้น
ผลการศึกษาหลัก
• ผู้ใหญ่ทั่วไป: วัคซีนมีประสิทธิภาพ 33% ในการป้องกันการเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินหรือคลินิกเร่งด่วน
• ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ: วัคซีนมีประสิทธิภาพ 45-46% ในการป้องกันการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
• ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง: วัคซีนมีประสิทธิภาพ 40% ในการป้องกันการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ทีมวิจัยและขอบเขตการศึกษา
การศึกษานี้นำโดย Dr. Ruth Link-Gelles และทีมนักวิจัยกว่า 50 คนจากสถาบันชั้นนำหลายแห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ทำงานร่วมกับเครือข่าย VISION และ IVY ซึ่งเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังประสิทธิภาพวัคซีนของ CDC
เครือข่าย VISION
• มีโรงพยาบาล 241 แห่ง และหน่วยฉุกเฉิน/คลินิกเร่งด่วน 373 แห่งใน 8 รัฐ
• วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ป่วยผู้ใหญ่ 137,543 รายที่เข้ารับการรักษาที่หน่วยฉุกเฉิน/คลินิกเร่งด่วน
-ผู้ป่วยโควิด 10,459 ราย (8%)
-กลุ่มควบคุม 127,084 ราย (92%)
• ในการศึกษาผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
-ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ: 26,219 ราย (เป็นผู้ป่วยโควิด 2,248 ราย)
-ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง: 8,192 ราย (เป็นผู้ป่วยโควิด 598 ราย)
เครือข่าย IVY
• มีโรงพยาบาล 26 แห่งใน 20 รัฐ
• วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ 1,929 ราย
-ผู้ป่วยโควิด 683 ราย (35%)
-กลุ่มควบคุม 1,246 ราย (65%)
ความหมายทางสาธารณสุข
การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนรุ่นล่าสุดให้การป้องกันเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยไม่คำนึงถึงประวัติการรับวัคซีนหรือการติดเชื้อก่อนหน้านี้ ซึ่งสนับสนุนคำแนะนำของ CDC และคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิธีปฏิบัติในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ที่แนะนำให้ประชาชนทุกคนอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปรับวัคซีนโควิดรุ่น 2024-2025
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ประสิทธิภาพวัคซีนที่รายงานนี้แสดงถึงประโยชน์เพิ่มเติมของวัคซีนรุ่น 2024-2025 ในประชากรที่มีระดับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ ภูมิคุ้มกันจากวัคซีน หรือทั้งสองอย่างในระดับสูงอยู่แล้ว ซึ่งยืนยันว่าการรับวัคซีนใหม่ล่าสุดมีประโยชน์แม้ในผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อหรือรับวัคซีนมาแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อันตรายมาก! ศูนย์จีโนมฯ เผย นักวิจัยจีน สร้างโควิดสายพันธุ์มรณะ 'GX/P2V (short_3UTR)' ก่อโรครุนแรง
- สธ. เฝ้าระวัง ‘โรคไข้อีดำอีแดง’ 2 เดือน พบแล้ว 455 ราย แนะ 8 วิธีป้องกัน
- เผยคุณแม่ที่อยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เสี่ยงมีไมโครพลาสติกปะปนในน้ำนมสูง
ติดตามเราได้ที่