โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

มะเร็งปอดพุ่ง 48 คน/วัน ฤาเพราะฝุ่นพิษPM2.5 ?

ไทยโพสต์

อัพเดต 05 ก.พ. เวลา 13.35 น. • เผยแพร่ 05 ก.พ. เวลา 06.35 น.

เนื่องในวันมะเร็งโลก 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ปีนี้อยู่ในธีม United by Unique หรือ “ร่วมกันในเป้าหมาย แต่แตกต่างในความต้องการ” สะท้อนถึงแนวคิดที่ว่า แม้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งจะมีความต้องการและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่กลับมีเป้าหมายร่วมกันในการลดภาระจากมะเร็ง ปรับปรุงผลลัพธ์การรักษา และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในปีนี้ยังให้ความสำคัญกับผู้คนในชุมชนก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้ป่วย

องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 77 ภายใน 25 ปีข้างหน้า ในขณะที่ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า แต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน เฉลี่ยคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 227 คน โดยมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 5อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ปัญหาฝุ่นPM2.5 ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันคนในหลายพื้นที่เผชิญ จากการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด พบว่ามะเร็งปอดได้คร่าชีวิตคนไทยในอัตราที่น่าตกใจถึงวันละ 40 ราย สูงกว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 48 คน ส่วนใหญ่มาพบแพทย์ในระยะลุกลาม เนื่องจากอาการเริ่มต้นไม่ชัดเจน แม้ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสพบมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบ 10 เท่าแต่มลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

นายแพทย์ ยศวัจน์ รุ่งโรจน์วัฒนา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า โรคมะเร็งปอดสามารถเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการคัดกรองมะเร็งปอด จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีช่วยให้การตรวจคัดกรองมีความแม่นยำมากขึ้น เช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ Low-dose CT Scan ทำให้สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสในการรักษา นอกจากนี้ ความก้าวหน้าด้าน Targeted Therapy (การรักษาแบบมุ่งเป้า) และ Immunotherapy (ภูมิคุ้มกันบำบัด) ยังช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โรคมะเร็งนอกจากทำลายสุขภาพของผู้ป่วยแล้ว โรคมะเร็งยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้ป่วยด้วย ดังนั้น การรักษามะเร็งในปัจจุบันจึงไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่ยังหมายถึงการที่คนใกล้ชิดมีความรู้สามารถช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองด้วย Low Dose CT Scan ถือเป็นความหวังในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 20 เนื่องจากสามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และมีโอกาสรักษาหายขาดสูงกว่ามาก

เสียงสะท้อน ข้อคิด และความหวัง จากผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด จากประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด "นุช - นางธิยารัตน์ ธนาจิรวรพัฒน์ "กล่าวว่า ตนเองอยู่ในครอบครัวที่ไม่มีใครสูบบุหรี่เลย ก่อนตรวจเจอโรคมะเร็งปอด ด้วยวิชาชีพพยาบาลเป็นคนที่ดูแลคนอื่น ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง มีความเครียดจากการทำงาน และพักผ่อนไม่เป็นเวลา การตรวจเจอมะเร็งทำให้กลับมาดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเอง คิดบวก และปล่อยวางมากขึ้น หันกลับมาดูแลเรื่องอาหารการกิน และพักผ่อนอย่างเพียงพอ อยากฝากถึงทุกคนว่า ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เรามีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับปอดมากขึ้น ดังนั้น ถ้าพบว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายทันที สิ่งสำคัญที่อยากให้ประเทศไทยมีคือ ระบบคัดกรองคนไข้ที่เข้าเกณฑ์เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด เช่น คนอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด หรือมีอาการไอ น้ำหนักลด อยากให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้ตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะหากตรวจพบโรคระยะแรกๆ ค่ารักษาจะลดลงมาก นอกจากนี้ เทคโนโลยีทางการแพทย์และยาในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้นด้วย

นุช - นางธิยารัตน์ ธนาจิรวรพัฒน์ ผู้ป่วยมะเร็งปอด
นุช - นางธิยารัตน์ ธนาจิรวรพัฒน์ ผู้ป่วยมะเร็งปอด

อีกเสียง"นก - ศุภาทร กัลยาณสุต" ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย และเป็นประธานชมรมผู้ป่วยมะเร็งปอด ของ TCS และอยู่ร่วมกับโรคมะเร็งปอดในฐานะผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะ 4 ชนิด Non-small cell ปัจจุบันในวัย 56 ปีกำลังอยู่ระหว่างการรักษาด้วยยามุ่งเป้า หลังจากมะเร็งปอดกลับมาลุกลามอีกครั้ง กล่าวว่า ปกติเป็นคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาตลอด ออกกำลังกายทุกวัน และตรวจสุขภาพประจำปีตามปกติ ประเมินว่า ฝุ่นในอากาศอาจมีส่วนทำให้เป็นมะเร็ง เพราะดิฉันออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นประจำ แม้ตอนนั้นยังไม่มีใครพูดถึง PM 2.5 ก็ตาม แต่ปัจจุบันกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนไทย ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้ทุกคนสวมหน้ากากป้องกัน เมื่อต้องเผชิญกับฝุ่นจิ๋ว นอกจากนี้ อยากส่งเสริมให้ทุกคนตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ ส่วนผู้ป่วยมะเร็งก็อยากแนะนำว่า หากยังมีวิธีรักษา ก็ควรจะรักษา เพราะตอนนี้มียาที่มีประสิทธิภาพดี ควรทานอาหารให้หลากหลาย ออกกำลังกาย และที่สำคัญ คือ อย่าหมดกำลังใจ

ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรช ไทยแลนด์ ประเทศไทย บริษัทผู้ผลิตยารักษามะเร็ง ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานด้านสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยานวัตกรรม และการวินิจฉัยที่ล้ำสมัย เช่น ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาแนวความรู้เกี่ยวกับการประเมินเทคโนโลยีทางสุขภาพแก่ชมรมผู้ป่วยกว่า 20 ชมรม และร่วมมือกับเครือข่ายโรงพยาบาลพระปกเกล้า สร้างระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ และได้รับรางวัล Cancer Branch Award จาก Service Plan Sharing และกำลังขยายผลสู่โรงพยาบาล 12 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะช่วยผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นกว่า 100,000 รายในปี 2568 พร้อมกับ ยังส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง โดยมี โครงการ Cancer Care Connect: ตรวจเร็ว รักษาไว ห่างไกลมะเร็ง ที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลและความรู้ก่อนต้องเผชิญกับโรคมะเร็ง

แมทธิว โคทส์
แมทธิว โคทส์

นายแมทธิว โคทส์ ผู้จัดการทั่วไป โรช ไทยแลนด์ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว กล่าวว่า โรช มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการรักษาเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วโลกมาตลอด 129 ปี โดยในทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ให้การรักษาผู้ป่วยชาวไทยไปแล้วกว่า 3 ล้านคน และมียาถึง 13 รายการในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย พร้อมกันนี้ เรายังได้ดำเนินการวิจัยทางคลินิกในประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการกว่า 1,300 คน และมีเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 600 ล้านบาท ที่สำคัญเรามีแผนเพิ่มการลงทุนด้านพัฒนางานพัฒนาและวิจัย (R&D) ร้อยละ 5 ในทุก ๆ ปี เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น

มิไฮ อีริเมสซู
มิไฮ อีริเมสซู

นายมิไฮ อีริเมสซู กรรมการผู้จัดการ โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นเป็นกุญแจสำคัญที่จะมอบโอกาสให้ผู้ป่วยหายขาด โรชมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนไทยเข้าใจความสำคัญของการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ และใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ การทำเช่นนี้ไม่ใช่แค่การป้องกันโรค หากแต่เป็นการลงทุนในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับผู้คน และช่วยลดภาระจากโรค รวมถึงค่าใช้จ่ายทางสังคมและเศรษฐกิจสำหรับสังคมไทย ผู้ป่วยแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน และโรชมุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น เพื่อชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน