เที่ยวญี่ปุ่น 9 เมืองสุดโรแมนติก รับหิมะและฉลองคริสต์มาส-ปีใหม่ เช็กไฮไลท์ห้ามพลาด กิจกรรมฤดูหนาวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลิสต์อาหารรสเด็ดที่ต้องไปลิ้มลองซักครั้ง
ฤดูหนาวในดินแดนอาทิตย์อุทัยนั้นมีเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แนะนำ 9 เมืองเด่นในญี่ปุ่นที่คุณไม่ควรพลาดในฤดูหนาวนี้ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่อากาศเย็นสบายและหิมะโปรยปราย ด้วยภูมิประเทศที่ประกอบด้วย 4 เกาะ ได้แก่ ฮอกไกโด ฮอนซู ชิโกกุและคิวชิว ทอดตัวยาวจากเหนือจรดใต้ สร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลและมีเอกลักษณ์ต่างกันไปในทุกมุมเมือง ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ญี่ปุ่นจะมีการประดับไฟที่งดงามและกิจกรรมที่คึกคักตลอดทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นไฟประดับที่คอยสร้างสีสันในยามค่ำคืน หรือเทศกาลสุดพิเศษที่ทุกคนรอคอย
1. ซัปโปโร (Sapporo)
ซัปโปโร เมืองหลวงแห่งเกาะฮอกไกโด คือปลายทางในฝันสำหรับฤดูหนาว ด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ที่ปกคลุมทั่วเมือง กิจกรรมหิมะหลากหลาย และวัฒนธรรมที่เปี่ยมเสน่ห์ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ที่ยากจะลืมเลือน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ซัปโปโรจะเปลี่ยนเป็นดินแดนมหัศจรรย์ด้วย Sapporo Snow Festival หรือเทศกาลหิมะซัปโปโร ที่จัดขึ้นบริเวณสวนโอโดริและพื้นที่ใกล้เคียง โดยเทศกาลนี้โดดเด่นด้วยประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะขนาดใหญ่ รวมถึงกิจกรรมสนุก ๆ อย่างลานสไลเดอร์หิมะ และการแสดงไฟในยามค่ำคืน
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงวันคริสต์มาส สวนโอโดริจะเป็นที่ตั้งของตลาดคริสต์มาสในสไตล์เยอรมัน ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างซัปโปโรและเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี บรรยากาศของตลาดคริสต์มาสเต็มไปด้วยการประดับไฟ ดนตรีสด และอาหารเยอรมัน เช่น ไส้กรอกและไวน์ร้อน ผู้มาเยือนยังสามารถซื้อของที่ระลึกและเพลิดเพลินกับงานฝีมือพื้นเมืองได้อีกด้วย
เมืองซัปโปโรมีลานสกีที่สวยงามและสะดวกต่อการเดินทาง เช่น Sapporo Kokusai Ski Resort และ Teine Ski Resort สำหรับผู้ที่ไม่เล่นสกี ยังมีลานเล่นหิมะที่เหมาะสำหรับทุกวัย หรือจะเดินชมประติมากรรมน้ำแข็งที่ย่านซุซุกิโนะในยามค่ำคืนก็โรแมนติกไม่แพ้กัน
อย่าพลาดการลิ้มรส ซัปโปโรเบียร์ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ซัปโปโรเบียร์เพื่อเรียนรู้ประวัติและกระบวนการผลิต พร้อมปิดท้ายด้วยการชิมเบียร์สด หรือแวะร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟเมนูจิงกิสข่าน (บาร์บีคิวเนื้อแกะ) และอาหารทะเลสดใหม่ตามฤดูกาล
2. ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
ฮาโกดาเตะ เมืองท่าอันเงียบสงบบนเกาะฮอกไกโด โดดเด่นด้วยเสน่ห์ยามค่ำคืนและบรรยากาศอบอุ่นในฤดูหนาว เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเฉลิมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ด้วยวิวทิวทัศน์ที่ปกคลุมด้วยหิมะและแสงไฟอันน่าหลงใหล
ฮาโกดาเตะขึ้นชื่อเรื่อง เทศกาล Hakodate Christmas Fantasy ซึ่งจัดขึ้นที่ Red Brick Warehouses ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงวันคริสต์มาส ไฮไลต์ของงานคือ ต้นคริสต์มาสลอยน้ำ ขนาดใหญ่ที่ประดับไฟสว่างไสว พร้อมการแสดงดอกไม้ไฟทุกเย็นที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว บริเวณงานยังมีตลาดของฝากและซุ้มอาหารที่อบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาว
นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับ Onuma Quasi-National Park ที่อยู่ใกล้เมือง เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยหิมะและเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินป่าหรือพายเรือแคนูในช่วงที่น้ำแข็งไม่จับตัวจนเต็ม
ฮาโกดาเตะขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นปูยักษ์ หอยเชลล์ และซูชิที่ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market) รวมถึง ซุปสไตล์ฮอกไกโด ซึ่งสามารถลิ้มลองได้ในเทศกาลคริสต์มาส ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันที่อากาศหนาวเย็น
3. โตเกียว (Tokyo)
โตเกียว เมืองหลวงแห่งญี่ปุ่นที่ไม่เคยหลับใหล ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เมืองนี้เต็มไปด้วยแสงไฟประดับสุดอลังการและกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งพร้อมรับลมหนาวในย่านดัง และดื่มด่ำบรรยากาศอบอุ่นในตลาดคริสต์มาสที่ห้ามพลาด
โตเกียวในฤดูหนาวมีเอกลักษณ์ด้วยแสงไฟประดับสุดวิจิตรที่ย่านสำคัญ เช่น Omotesando, Roppongi, และ Marunouchiย่าน Marunouchi Nakadori จะมีไฟประดับตลอดความยาว 1.2 กิโลเมตร ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ สร้างบรรยากาศโรแมนติกสำหรับการเดินชมเมืองยามค่ำคืน
ย่าน Roppongi Hills เป็นจุดชมไฟที่โดดเด่นที่สุด โดยเฉพาะบริเวณ Keyakizaka Street ที่มีไฟ LED กว่า 700,000 ดวงประดับเรียงราย สะท้อนวิถีชีวิตที่หรูหรา นอกจากนี้ ตลาดคริสต์มาสใน Jingu Gaien ยังสร้างแรงบันดาลใจจากตลาดดั้งเดิมในเยอรมนี พร้อมการตกแต่งแนวเทพนิยายที่น่าตื่นตาตื่นใจ
โตเกียวยังเป็นสวรรค์ของนักช้อป โดยเฉพาะในย่าน Ginza, Shinjuku, และ Shibuya ที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้าที่มีสินค้าให้เลือกมากมายช่วงปลายปี ไม่ว่าจะเป็นของขวัญคริสต์มาสหรือสินค้าใหม่รับปี 2025 การเดินเล่นที่นี่จะทำให้คุณสัมผัสความเป็นโตเกียวอย่างเต็มเปี่ย
ในช่วงฤดูหนาว โตเกียวมีเมนูอาหารตามฤดูกาล เช่น โอเด้งร้อนๆ, ราเมง, และ ขนมหวานแนวคริสต์มาส อีกทั้งยังมีคาเฟ่และร้านอาหารที่ตกแต่งในธีมเทศกาล ให้บรรยากาศอบอุ่นเหมาะสำหรับการพักผ่อน
4. เกียวโต (Kyoto)
เกียวโต เมืองที่ผสมผสานความสง่างามของวัฒนธรรมโบราณกับธรรมชาติที่น่าหลงใหล ในฤดูหนาว เมืองนี้ยิ่งงดงามเมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะ เป็นจุดหมายที่น่าตื่นเต้นสำหรับการสัมผัสบรรยากาศสงบและความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
ฤดูหนาวในเกียวโตสร้างบรรยากาศสงบเรียบง่าย วัดคินคะคุจิ (Golden Pavilion) ซึ่งมีหิมะปกคลุมให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพวาด นอกจากนี้ วัดกินคะคุจิ (Silver Pavilion) และป่าไผ่อาราชิยามะก็เป็นจุดที่ห้ามพลาด เนื่องจากหิมะและแสงไฟประดับเพิ่มความมหัศจรรย์ให้สถานที่เหล่านี้ยิ่งขึ้น
Joya-no-Kane หรือการตีระฆัง 108 ครั้งในวันส่งท้ายปีเก่า ถือเป็นพิธีกรรมที่วัดในเกียวโต เช่น วัดชิออนอิน (Chion-in) และวัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizudera) ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อทางพุทธศาสนาในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าสู่ปีใหม่ การได้ร่วมพิธีนี้จะช่วยให้คุณสัมผัสจิตวิญญาณดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
หากต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติ ลองล่องเรือที่แม่น้ำโฮซุกาวะ (Hozugawa River) เพื่อชมทัศนียภาพหิมะที่ปกคลุมสองฝั่งน้ำ หรือเดินเขาที่คิบุเนะและคุรามะ ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ เสน่ห์ของพื้นที่เหล่านี้จะทำให้คุณประทับใจและผ่อนคลายไปพร้อมกัน
เกียวโตในฤดูหนาวเต็มไปด้วยเมนูที่เหมาะกับอากาศเย็น เช่น นาเบะ (หม้อไฟญี่ปุ่น) ที่รวมส่วนผสมตามฤดูกาล และวากาชิ (ขนมหวานญี่ปุ่น) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหิมะและธรรมชาติ ทั้งยังมีโฮจิฉะ (ชาญี่ปุ่นคั่ว) ซึ่งให้ความอบอุ่นและช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเที่ยวฤดูหนาว
5. โอซาก้า (Osaka)
โอซาก้า เมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสนุกสนาน เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งอบอวลไปด้วยบรรยากาศการเฉลิมฉลองอย่างอบอุ่น เทศกาลคริสต์มาสและงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ Universal Studios Japan คือไฮไลต์สำคัญของฤดูกาลนี้ ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับเครื่องเล่น แสงสี และดอกไม้ไฟที่สร้างความตื่นเต้นและประทับใจได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีการแสดงและกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น
สำหรับผู้ที่ชอบท่องเที่ยวแนววัฒนธรรม การล่องเรือ Dotonbori River Cruise ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องลอง เพื่อชมแสงไฟประดับและวิถีชีวิตของโอซาก้าในยามค่ำคืน พร้อมสัมผัสบรรยากาศริมแม่น้ำที่สวยงาม นอกจากนี้ พิธีฮัตสึโมเด (Hatsumode) หรือการเข้าวัดในวันปีใหม่เพื่อขอพรในวัดดัง เช่น วัด Minamimido ยังเป็นประเพณีที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเพื่อสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
สถานที่เด่นอื่น ๆ เช่น ปราสาทโอซาก้า ที่ตั้งตระหง่านอย่างงดงามท่ามกลางฤดูหนาว และย่านชินไซบาชิ ศูนย์กลางการช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายและคาเฟ่สุดชิค ก็เป็นจุดแวะที่ไม่ควรมองข้าม
อาหารการกินในโอซาก้าถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ ด้วยชื่อเสียงในฐานะ “ครัวแห่งญี่ปุ่น” เมนูอย่างทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ หรืออาหารทะเลสดใหม่ ล้วนเป็นสิ่งที่นักชิมจะต้องประทับใจ ร้านอาหารและคาเฟ่หลายแห่งยังมีเมนูพิเศษตามฤดูกาลเพื่อเติมเต็มความสุขในฤดูหนาว
6. นากาโน่ (Nagano)
นากาโน่ (Nagano) เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งในฤดูหนาวและการพักผ่อนในบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง Shiga Kogen Ski Resort นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดบนเส้นทางที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ พร้อมสัมผัสวิวภูเขาที่สวยงามในฤดูหิมะ
หนึ่งในจุดเด่นของนากาโน่คือ Jigokudani Monkey Park ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องลิงหิมะที่แช่น้ำพุร้อนตามธรรมชาติอย่างน่ารัก สถานที่นี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในฤดูหนาวเมื่อหิมะปกคลุมโดยรอบ สร้างทัศนียภาพที่งดงามและน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่ผสมผสานระหว่างการชมวัด Zenkoji อันเก่าแก่ และการลิ้มลองสาเกท้องถิ่น ซึ่งเพิ่มมิติของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับการเดินทาง
สำหรับผู้ที่มองหาความสงบและการพักผ่อน เมืองน้ำพุร้อนคลาสสิกอย่าง Yudanaka และ Shibu Onsen มีออนเซ็นให้เลือกหลากหลาย รวมถึงที่พักแบบเรียวกังที่สะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ นักท่องเที่ยวสามารถผ่อนคลายในบรรยากาศเงียบสงบ พร้อมลิ้มรสอาหารท้องถิ่น เช่น เนื้อชินชูและโซบะสดใหม่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้
นากาโน่ไม่ได้มีเพียงหิมะและออนเซ็นเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรม อาหาร และธรรมชาติที่ลงตัว สัมผัสมนต์เสน่ห์ของที่นี่ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะหลงรักดินแดนแห่งขุนเขาและน้ำพุร้อนนี้อย่างแน่นอน
7. คานาซาวะ (Kanazawa)
คานาซาวะ (Kanazawa) ในฤดูหนาวเป็นจุดหมายปลายทางที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ช่วงนี้เมืองถูกปกคลุมด้วยหิมะ เพิ่มความงดงามให้กับสถานที่สำคัญ เช่น สวนเค็นโระคุเอ็น (Kenrokuen) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะได้ชม “ยูกิซึริ” ซึ่งเป็นโครงสร้างเชือกที่ช่วยพยุงกิ่งสนไม่ให้หักจากน้ำหนักของหิมะ หนึ่งในต้นไม้ที่โดดเด่นคือ “คาราซากิมัตสึ” ที่มีอายุกว่า 200 ปี และต้องใช้เชือกมากกว่า 800 เส้นในการรองรับกิ่งทั้งหมด สวนยังเปิดให้เข้าชมฟรีในช่วงสิ้นปีและวันปีใหม่ ทำให้การเยี่ยมชมที่นี่สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้นในฤดูหนาว
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ ย่านซามูไรนากามาจิ (Nagamachi Samurai District) ซึ่งเป็นแหล่งรวมบ้านเรือนซามูไรในยุคเอโดะ ที่ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ได้อย่างดี โดยเฉพาะกำแพงดินที่ปกคลุมด้วยฟางเพื่อป้องกันหิมะ ที่นี่คุณสามารถเยี่ยมชมบ้านซามูไรโนมูระ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม และยังมีร้านคาเฟ่แบบดั้งเดิมให้คุณได้ลิ้มลองขนมหวานคู่กับชาเขียวญี่ปุ่น
คานาซาวะยังโดดเด่นในด้านอาหาร โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มี ปูหิมะ เป็นวัตถุดิบพิเศษ คุณสามารถเพลิดเพลินกับเมนูที่ใช้ปูหิมะ เช่น “คานิเมน” ซึ่งเป็นเมนูปูที่เสิร์ฟในกระดองพร้อมไข่ปูและมิโซะ รวมถึงอาหารท้องถิ่นอย่างโอเด้ง ซึ่งเหมาะสำหรับการรับประทานในวันที่อากาศหนาว
นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์และย่านเกอิชา เช่น ย่านฮิกาชิชายะ (Higashi Chaya District) ที่ให้คุณได้ชมการแสดงดนตรีและการเต้นแบบดั้งเดิมของเกอิโกะ เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่ในชีวิตประจำวันของคนในเมือง
8. โกเบ (Kobe)
โกเบ (Kobe) เป็นจุดหมายที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความโรแมนติกและความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยกิจกรรมพิเศษและบรรยากาศแสนอบอุ่นจากแสงไฟระยิบระยับ ในปีนี้ เทศกาลไฟประดับโกเบ ลูมิแนร์ (Kobe Luminarie) จะกลับมาจัดในช่วงวันที่ 24 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2025 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของงานนี้ ซึ่งเริ่มต้นครั้งแรกในปี 1995 เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในโกเบ งานจัดขึ้นที่สวนฮิกาชิยูเอนจิ ย่านชาวต่างชาติเดิม และสวนเมริเคนพาร์ค เพิ่มบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยความหวังและความทรงจำ
นอกจากการชมไฟประดับแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลที่งดงามจากบริเวณท่าเรือโกเบ หรือขึ้นไปชมวิวเมืองที่เขาร็อคโค (Mount Rokko) ซึ่งมีสถานที่เล่นสกีและการแสดงแสงไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจในช่วงฤดูหนาว สำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลาย เมืองนี้ยังมีน้ำพุร้อนอะริมะออนเซ็น (Arima Onsen) ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสความสงบและความสบาย
การมาเยือนโกเบจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้ลิ้มลองสเต็กเนื้อโกเบ เนื้อวากิวคุณภาพระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านความนุ่มละลายในปาก รวมถึงการลิ้มรสสาเกญี่ปุ่นรสเลิศในเขตนานะโกะ (Nada) แหล่งผลิตสาเกที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ถือเป็นการปิดท้ายทริปที่สมบูรณ์แบบ
9. ฟุจิคาวากุจิโกะ (Fujikawaguchiko)
ฟุจิคาวากุจิโกะ (Fujikawaguchiko) เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและกิจกรรมที่หลากหลายริมทะเลสาบคาวากุจิ โดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังอันงดงาม เมืองนี้มอบบรรยากาศที่เหมือนภาพโปสการ์ด โดยเฉพาะในช่วงที่ภูเขาไฟถูกปกคลุมด้วยหิมะ ทำให้เป็นสถานที่ในฝันของนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ในฤดูหนาว นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการชมแสงไฟประดับที่งาน “Fujikawaguchiko Winter Fireworks” ซึ่งจัดขึ้นริมทะเลสาบในช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ส่องสว่างท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย หรือเลือกสัมผัสประสบการณ์ออนเซ็นกลางแจ้งที่มีให้บริการในโรงแรมแบบเรียวกัง เช่น Maruei หรือ Hotel Asafuji ซึ่งสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบได้จากบ่อออนเซ็นโดยตรง
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการเดินเล่นบริเวณ Oishi Park เพื่อชมวิวของภูเขาไฟฟูจิท่ามกลางดอกไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล หรือสำรวจพิพิธภัณฑ์ดนตรี Kawaguchiko Music Forest ที่ให้บรรยากาศโรแมนติกสไตล์ยุโรป นอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือชมวิวในทะเลสาบหรือเช่าเรือถีบสำหรับการพักผ่อนอย่างเงียบสงบ
อาหารท้องถิ่นที่แนะนำในฟุจิคาวากุจิโกะคือ “ฮูโต” (Houtou) บะหมี่เส้นหนาที่มักเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปมิโสะร้อน ๆ เหมาะสำหรับอากาศหนาวเย็น และหาได้ง่ายในร้านอาหารท้องถิ่นบริเวณทะเลสาบ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปักหมุด 8 ประเทศ “สวรรค์บนดิน” ออกทริปเที่ยวปลายปี ธรรมชาติบำบัดใจ
- สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่า เที่ยวเชียงราย ชมหมู่บ้านอาข่า ขับข้ามเขา ลุยหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว
- แนะนำ ที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวหยุดยาว เช็คอินแลนด์มาร์กยอดฮิต
อ้างอิง: japan-insider, japancheapo, japan-guide, therealjapan, travelcaffeine,flipjapanguide
ความเห็น 0