ลิลลี่ ภัณฑิลา รับคนเตือนเยอะ พ่อแม่ยังบอก ชิน ชินวุฒ ดูเจ้าชู้ ถอดรหัสรัก 8 ปี ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ
นักร้องหนุ่ม ชิน ชินวุฒ ควงหวานใจ ลิลลี่ ภัณฑิลา เปิดใจเรื่องราวในชีวิตผ่านรายการ Club Friday Show พร้อมเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมของหัวใจ กับรหัสความรักของทั้งคู่ที่ได้เรียนรู้ว่าต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ
- ใครอีก..? ดารายุค 90 อยากปั่นกระแสข่าวเลิกสามี หวังได้เรตติ้งบ้าง สุดท้ายหน้าแตก!
- ช็อก! ชายปริศนาบุกบริษัท เปิ้ล นาคร เข้ามาซักผ้าตั้งแต่ตี 3 ญาติใคร ช่วยด่วน
- ชาวเน็ตสงสัย งานฟุตบอลช่องน้อยสี ไร้เงา 3 นางเอกดัง ถึงขั้นตั้งกระทู้ถาม?
คนเตือนเยอะมากว่าอย่ายุ่งกับ ชิน ชินวุฒิ ?
ลิลลี่ : เยอะมากค่ะ 100 คนคือ 100 เสียง
ชิน : สัก 98 เปอร์เซ็นต์ก็ได้อย่างน้อยที่เราดูดีหน่อย
ลิลลี่ : คือลุคเขาอะเนอะ และเพลง พ่อแม่เราก็เดินมาบอกว่าเขาดูเจ้าชู้มาก ๆ เลย เธอโอเคใช่ไหม ทุกคนคือเป็นห่วงมาก ๆ ลี่ก็เลยบอกว่าขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง แต่ท้ายสุดแล้ว ลี่คือคนที่ศึกษาเขา ถ้าลี่จะเจ็บ จะเสียใจ จะมีความสุขคือตัวลี่เอง ลี่ก็ต้องเจอด้วยตัวของลี่เอง และลี่ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งเขาก็เคารพ บอกว่างั้นแล้วแต่
เรารู้มั้ยว่ามีแต่คนเตือนเขาแบบนี้ ?
ชิน : เมื่อกี้ผมถึงพูดว่าผมไม่แปลกใจเลย เพราะว่าเราก็เคยเป็นแบบนั้นไงครับ หมายถึงว่าผมก็ไม่เคยปฏิเสธ ถ้าเราไม่มีแฟนเราก็คุย ผมอาจจะมีวิธีคิดที่ค่อนข้างเปิดกว้างมั้งครับ สมมติเมื่อก่อนผมคุยกับใคร ผมก็ไม่เคยห้ามคุณต้องคุยกับเราคนเดียว เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่ได้เป็นแฟนกัน เรากำลังทำความรู้จักกัน บางทีเราไม่รู้เหรอกว่าคนคนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่ได้ทำความรู้จักกับเขา ถ้าเรารู้สึกว่าคนนี้คือคนที่เราอยากจะทำความรู้จักแล้วมากกว่านี้ วันนั้นเราก็ค่อยเคลียร์ ที่จีบลี่คือตอนนั้นผมคุยกับอีกคนไม่ได้จริงจังมาก พอได้คุยกับลี่เริ่มรู้จักกับลี่ ผมก็คือโอเคเราโฟกัสกับเขา
ลิลลี่เองเป็นคนที่ชอบคนทรงแบด หรืออาจจะแอบเจ้าชู้หน่อย ๆ เพราะดูมีเสน่ห์ ในใจคิดว่าวันหนึ่งฉันจะต้องเป็นคนที่ทำให้เธอหยุดเจ้าชู้ไหม ?
ลิลลี่ : คิดค่ะ
ชิน : นี่ไง !! เป็นคนชอบเล่นกับไฟ
ลิลลี่ : ลี่คิดเลย คือ เพื่อนหนูสืบไงคะ พี่ชิน เจ้าชู้มาก ลี่ บอกเหรอ … ได้ ไม่เป็นไร ก็ไปให้สุดเลย ก็คอยดู ลี่จะทำให้เธอหยุดเจ้าชู้ให้ได้ ในใจเราก็บอกว่าเธอต้องยอมเรา
ชิน : แต่คือโชคดีมากครับ ก่อนที่จะมาคบกับลี่ ผมหยุดเหล้า เที่ยว ก่อนที่มาเจอกับลี่ ก็คือประมาณเกือบปีก่อนที่จะมาเจอเขา คือจังหวะลี่โชคดี
ลิลลี่ : ลี่บอกว่าถ้าเราเจอเธอเวอร์ชั่นเก่า เราก็ไม่เอาเธอนะ เราไม่เอาแน่ ๆ
แต่ขนาดที่บอกว่าพอดีแต่ก็ถอนใจไป 3 ครั้ง ?
ลิลลี่ : คือเราไม่ชอบเล่นเกมค่ะ เราไลน์ไป good morning 7 โมงค่ะ ไม่อ่านด้วย จะอ่านคือ 5 ทุ่มแล้วเป็นแบบนี้ติดต่อกันหลายวันมากแล้ว เราเป็นคนชัดเจนมาก ไม่เอาก็เลยบอกว่า เฮ้ย เธอ !! งั้นพอเถอะ ถ้าจะไม่เล่นเกมอะไรอย่างนี้ไป .. เขาเลยบอกว่าไม่เราจะจีบต่อ
ชิน : ที่เราไม่ตอบเขาเพราะเราทำงานอยู่ครับ
ลิลลี่ : ไม่ค่ะ คนทำงานเนอะ มันต้องมีจับโทรศัพท์บ้าง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จับโทรศัพท์ 7 โมงถึง 5 ทุ่ม เธอไม่กินข้าวเหรอ !! มันเป็นไปไม่ได้ เธอไม่เข้าห้องน้ำเหรอ มันเป็นไปไม่ได้
ชิน : ช่วงนั้นผมน่าจะเล่นละครอยู่ 2 เรื่องแล้วก็ยังมีคอนเสิร์ตด้วยครับ ถ้าทำงานผมเป็นคนที่เหมือนม้าวิ่งครับ ปิดตาอยู่ในสตูดิโอทำเพลงคือหายเลย เราโฟกัสแบบเอาจริง ๆ นะ ตอนนั้นผมจำไม่ได้ ว่าเราทำอย่างนั้นทำไมหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ผมบอกว่าเราจะจีบต่อเพราะเราเข้าใจในสิ่งที่เขารู้สึกอย่างนั้นไง และเราไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ได้มาจากที่เราตั้งใจทำให้เขารู้สึก แต่มันเป็นมุมมองของเขาที่เขารู้สึกกับสิ่งที่เราทำก็จีบต่อนั่นคือครั้งที่ 1
ลิลลี่ : ครั้งที่ 2 เป็นวันจ๊ะ ครั้งนี้ลี่เด็ดขาดแล้ว ไม่เอาแล้วนะ ลี่ก็พิมพ์ไปหาเขาประมาณนี้ อ่านเปล่า ตอบเปล่า เหมือนไม่ตอบมั้ง แบบเคาะประตูหน้าคอนโด ลี่เคาะเลย เราก็ตกใจว่าใครมา เราก็ถามเขาว่าเธอมาทำไม ก็เราจะจีบต่อ เราก็จะจีบต่อไปอย่างนี้เรื่อย ๆ พอเราเห็นเขามาไม้นี้ก็เริ่มใจอ่อนนิดหนึ่งค่ะ แล้วก็คุยต่อ (ยิ้ม)
แล้ว ชิน ได้ปรับตัวในสิ่งที่ ลี่ อยากได้ไหม ?
ชิน : ผมมาจากอย่างนี้ครับ ค่อนข้างที่จะเป็นคนคิดน้อยครับ ไม่ได้มีความรู้สึกแสดงออกเยอะกับอะไรเท่าไหร่ เป็นคนไม่ค่อยปรุงแต่งครับ เพราะฉะนั้นบางสิ่งบางอย่างที่เราทำ เราเป็นธรรมดา ธรรมชาติของเรา เราไม่ได้รู้สึกว่าเรากำลังทำอะไรไม่ดีอยู่ เข้าใจในความรู้สึกเขามันทำให้ผมเรียนรู้ที่จะมองในมุมมองของคนอื่นมากขึ้นครับ เราอาจจะต้องไปฟังและเข้าใจ หรือไปเห็นในมุมเขาบ้างว่า ถ้าเราเห็นในแบบเดียวกับเขาเราจะรู้สึกอย่างไรเข้ามาเจอจุดกลางกันมั้งครับ
ขนาดเข้ามาเจอจุดกลางก็ยังมีครั้งที่ 3 อีก ?
ชิน : อันนี้ผมจำได้ ถ้ารอบ 3 มันคือเราคุยกันเรื่องว่าเราอยู่จุดตรงไหนกันแล้ว ของความสัมพันธ์
ลิลลี่ : ใช่ เพราะว่าเราก็คุยกันมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เราก็คิดว่าไม่เอาแล้วมันไม่ชัดเจน ลี่ไม่ชอบผู้ชายไม่ชัดเจน เพราะเราเป็นคนที่ชัดเจนมาก ช่วยบอกทีว่าความสัมพันธ์ของเรามันอยู่ตรงไหนเหรอ และเขาก็ไม่พูดไม่บอกกับเราสักทีจนเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ แล้วก็เลยบอกเลิกคุยกับเขา วินาทีที่เราบอกเลิกคุยกับเขา เขาทำแบบนี้ยกมือขึ้นมาทำ I Love You เพราะเขาไม่พูดรักอะไรอย่างเนี่ยไม่มี
ชิน : ขออนุญาตตอบครับ ไม่กล้าพูดคำว่ารักเร็ว ถ้าเราไม่ได้ certain กับความรู้สึก เพราะผมรู้สึกว่าถ้าเราพูดไปเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราพูด เพราะถ้าเกิดเราพูดไปพร่ำเพื่ออีกคนนึง รู้สึกว่าเราพูดเพราะรู้สึกไปปุ๊บแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ เขาเสียใจ เราเสียใจ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นคือรักหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าผมรู้สึกดีกับเขามาก ๆ ผมอยู่ในจุดที่ผมรู้สึกว่าผมชัดเจนได้ เพราะว่าผมคุยกับเขาคนเดียวอยู่แล้วครับ แต่เราไม่กล้าที่จะพูดคำว่ารักออกไป
ลิลลี่ : พอเขาทำแบบนี้เรารู้สึกอะไร แต่สุดท้ายนางก็พูดว่า ก็คบกัน
ชิน : ก็ตั้งแต่ที่ผ่านมา ในความสัมพันธ์ผมไม่เคยขอเป็นแฟน
ลิลลี่ : ซึ่งไม่ได้เลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะต้องปฏิบัติกับคุณอย่างไร มันต้องชัดเจนมาก ๆ แฟนเหรอ โอเค
มีเสียงลือว่าเขาเจ้าชู้ ก็เลยเป็นเงื่อนไขที่ ลี่ ตั้งเลยว่า ?
ลิลลี่ : ช่วงแรกที่เราคบกัน ลี่พูดเลยว่าลี่ไม่ชอบคนโกหก ลี่ไม่ชอบคนเจ้าชู้ ถ้าเกิดเธอจะมี 2 3 4 ลี่ไม่เอา เพราะลี่จะไม่แชร์ความรักของเราสองคนให้กับใครนะ ถ้าคุณมีลี่คนเดียวไม่ได้ คุณไป
ลี่ก็มักเป็นคนเรียกหาความมั่นใจด้วยการถามว่ารักไหมบ่อย ๆ ?
ลิลลี่ : ใช่ค่ะ คือ ช่วงแรก ๆ 3-4 ปีเลยเนอะ ที่ลี่เหมือนแบบ .. เขารักเราจริงหรือเปล่า มันคือการไม่มั่นใจในตัวเองนะ ตอนนั้นคือเราไม่มีสติ อันนั้นเรายอมรับเลย เราเด็ก เราไม่มีสติ เรางี่เง่า มันก็เลยทำให้เกิดการทะเลาะเกิดการถามตลอดเวลาว่ารักไหมซึ่งเรารู้ตัวนะว่าเขารักเราอยู่แล้ว แต่เราอยากจะมั่นใจเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งถ้าเกิดเรามั่นใจในตัวเองมากพอ เราจะไม่มีคำถามนั้นเลย
ชิน : สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นกับลี่ตลอดเลยจนทุกวันนี้คือเขาเติบโตจากสิ่งนั้นมา เขาเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ฉันดีพอฉันอะไรอย่างนี้ แล้วทุกวันนี้คือมันดีแล้วมันกลายเป็นว่าเราพูดกันทุกวันเราพูดกันเองโดยที่ไม่ต้องมานั่งถามกันแล้วว่ารักไหม รู้อยู่แล้วว่าเรารักกันจริง ๆ เราเริ่มมองแอ๊คชั่นของอีกคนหนึ่ง อีกแบบหนึ่ง
ลิลลี่ : และไม่คาดหวังแล้วเพราะช่วงแรก ลี่คาดหวังกับความสัมพันธ์นี้มาก ๆ เราไม่สามารถเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางกับทุก ๆ อย่างได้ ช่วงแรกที่บอกว่ามีความคาดหวังสูง ซึ่งมันไม่ควร คือเราไม่ควรคาดหวังกับอะไรต่าง ๆ หรือว่าเราไม่ควรคิดเองไปก่อน มันไม่ควรกับความสัมพันธ์นี้เลย คือลี่มองตัวเองเยอะมาก ๆ ค่ะ ลี่คิดไตร่ตรองทุกอย่าง ถ้าเราอยากมีเขาในชีวิตอยู่ เราต้องพบกันคนละครึ่งทาง ให้เกียรติกันและกันให้มาก ๆ คือ เขาให้เกียรติความรู้สึกลี่ และเข้าใจตัวตนของลี่มาก ๆ พี่ชินบอกว่าเราไม่เคยขอให้เธอเปลี่ยนอะไรเลยนะ จนเรารู้สึกว่าลี่ต้องหยุดนิสัยแบบนี้ ถ้ายังอยากมีความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไป เราหากันตรงกลางจริง ๆ เราเคารพทุกอย่างในสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ มันก็เลยทำให้แบบมันดีมาก ๆ และมีความสุขขึ้นมากสุด ๆ เลยค่ะ การที่เราไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ชีวิตมีความสุขจังเลยเนอะ จริง ๆ แล้วมันมีความสุขทุกด้านด้วยนะคะ แล้วเราอยากให้เขามีความสุขด้วย ความสุขของเราคือความสุขของเขา เราอยากเห็นเขามีความสุข มีความสุขกับความสัมพันธ์นี้
ชิน : เริ่มจากความรัก เพราะว่าถ้าเราไม่ได้รักคนคนหนี่งมากพอเราจะไม่ทำแบบนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ความเห็น 0