คน วัตถุ สิ่งของ สังคม และผู้อื่น สิ่งเหล่านี้เราควบคุมได้น้อย สิ่งเดียวที่เราพอจะควบคุมได้บ้างก็คือตนเอง แต่การควบคุมตนเองก็ทำไม่ง่ายนัก เราทำได้สักพักก็เบื่อ เราจึงหันไปควบคุมผู้อื่นอีกครั้ง ทุ่มเทเวลาเพื่อพบกับความล้มเหลวอีกครั้ง เมื่อล้มเหลวอีกครั้ง จึงคิดกลับมาควบคุมตนเองอีกครั้ง มนุษย์ทำสิ่งซ้ำซากอีกครั้งและอีกครั้ง เช่นนี้ชั่วชีวิต ช่างเหน็ดเหนื่อยนัก
ความจริงแล้ว เราจะเสียพลังงานน้อยกว่านี้มาก หากเรามั่นคงในจุดยืนว่า เราจะใช้พลังทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง มิใช่ใครอื่น
หากไม่ชอบงานที่ทำ แทนที่จะพร่ำบ่น ก็พัฒนาความสามารถให้ตนเองจนเลือกงานที่พอใจได้ แม้เรามีคนรักที่ไม่เข้าใจ แทนที่จะพร่ำบนเราก็เพิ่มพูนปัญญาให้ตนกลายเป็นคนเต็มคน
เมื่อเรามีความสมบูรณ์ในตนเองแล้ว เราก็เข้าใจตนเอง เมื่อเราเข้าใจตนเองแล้ว ใครจะเข้าใจเราหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ จงกล้าหาญ ใจกว้างเปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง นั่นคือ ให้ทำความเข้าใจว่า เขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจเราก็ได้
โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่คิดจะเปลี่ยนผู้อื่น เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนโลก เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่าหายากนักที่จะพบพาน ใครสักคนที่อาจหาญ มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงตนเอง
แท้จริงแล้ว การเปลี่ยนตนเองอย่างแท้จริง ก็คือการเปลี่ยนผู้อื่น เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนโลกที่แท้จริงจงขับเคลื่อนทุกสิ่ง จากการเปลี่ยนตนเองเพียงสิ่งเดียวความสงสัยถูกทำลาย เพราะเรารู้ความจริงแล้วว่า โลกเต็มไปด้วยความลี้ลับและความลี้ลับคือสิ่งที่กระจ่างแจ้งยิ่งกว่าความชัดเจนใด ๆ
ความเจ็บช้ำจางหาย มิใช่เพราะไม่พานพบความผิดหวัง แต่ด้วยเราเปิดพื้นที่ให้ความไม่สมบูรณ์ของชีวิตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง สิ่งแวดล้อมก็คือสิ่งแวดล้อม มีทั้งดี ร้าย ถูกใจ ไม่ชอบใจจงอย่าโทษสิ่งแวดล้อม
อย่าโทษผู้คน สถานการณ์ เพราะนั้นเป็นการปัดความรับผิดชอบไปให้ผู้อื่นหันกลับมามองภายในตน ถามตนเองในคำถามที่ควรถาม เมื่อไหร่ท่านจะเปลี่ยนตนเอง เปลี่ยนนิสัยเดิม ๆ เปลี่ยนความเคยชินเดิม ๆ เปลี่ยนความคาดหวังเดิม ๆ สู่สิ่งใหม่ที่เปี่ยมล้นด้วยปัญญา
หากท่านเป็นผู้ตื่นรู้จากกิเลส หมดสิ้นความเห็นแก่ตัวมีใครในจักรวาลอีกหรือจักบังคับ ข่มเหงให้ท่านพบกับความทุกข์ใจได้