จากกรณีกสทช. ร่วมมือกับอย. เข้าตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ“กาละแมร์” พิธีกรมากฝีมือ ที่ผันตัวมาขายอาหารเสริมแบรนด์หนึ่ง ซึ่งมีประเด็นว่าเจ้าของแบรนด์โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง นำมาสู่การตรวจสอบขยายผลโดย อย. ที่ลามไปถึงยังโยงต่อไปถึงการตรวจสอบโฆษณา “ถั่งเช่า” ส่งผลให้การโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดต่างๆ ในเมืองไทยตอนนี้ มีความเข้มงวดมากขึ้น
“อาหารเสริม” ถือเป็นสินค้าที่มีวอลลุ่มสูงในตลาดของคนรัก “สุขภาพ” และกลุ่มผู้สุงอายุ และ“ถั่งเช่า” ก็จัดเป็นหนึ่งในสมุนไพรสุดฮิตมายาวนาน โดยเป็นสมุนไพรที่เชื่อกันว่าช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ว่าแต่.. เจ้าเชื้อราปรสิตหนอนชนิดนี้ จริงๆแล้วมีสรรพคุณตามคำกล่าวอ้างเหล่านั้นหรือไม่? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ พาไปหาคำตอบพร้อมกัน
- “ถั่งเช่า” คืออะไร?
“ถั่งเช่า” หรือที่รู้จักกันว่า “ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย” หรือตังถั่งเช่าหรือตังถั่งแห่เช่าแปลเป็นไทยว่า “ฤดูหนาวเป็นหนอนฤดูร้อนเป็นหญ้า” จนมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “หญ้าหนอน” ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่าประกอบด้วย2 ส่วนคือส่วนที่เป็นตัวหนอนคือตัวหนอนของผีเสื้อมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hepialus armoricanus Oberthiir และบนตัวหนอนมีเชื้อราเห็ดชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec.
หนอนชนิดนี้ในฤดูหนาวจะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินภูเขาหิมะเมื่อน้ำแข็งเริ่มละลายสปอร์เห็ดจะพัดไปกับน้ำแข็งที่ละลายแล้วไปตกที่พื้นดินจากนั้นตัวหนอนเหล่านี้ก็จะกินสปอร์และเมื่อฤดูร้อนสปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใย โดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอน จากนั้นเส้นใยก็งอกออกจากปากของมัน
เห็ดเหล่านี้ต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดินรูปลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอกส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อยๆตายไปอยู่ในลักษณะของหนอนตายซากฉะนั้น“ถั่งเช่า” ส่วนที่ใช้ทำเป็นยา (ตามความเชื่อ) ก็คือตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเอง
ถั่งเช่าพบได้ในแถบทุ่งหญ้าบนภูเขาประเทศจีน(ธิเบต) เนปาลและภูฏานระดับความสูง10,000-12,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเลปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงซึ่งส่วนใหญ่เพาะในบริเวณภาคใต้ในมณฑลชิงไห่เขตซางโตวในธิเบตมณฑลเสฉวนยูนนานและกุ้ยโจวการเก็บถั่งเช่าจะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเมื่อขุดตัวหนอนขึ้นจากดินแล้วล้างน้ำให้สะอาดแล้วตากแห้ง
หลายยุคที่ผ่านมา“ถั่งเช่า” กลายเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ คนจีนเชื่อว่าหนอนชนิดนี้มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณ ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศบำรุงร่างกายบำรุงอวัยวะภายในเช่นปอดตับและไตเป็นต้น
- ถั่งเช่า ถูกถอดออกจากบัญชี "อาหารเสริม" ของจีน?
จากข่าวที่ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียเรื่อง "ถั่งเช่าถูกถอดถอนออกจากบัญชีอาหารเสริมของจีน" นั้น ศูนย์ข่าวชัวร์ก่อนแชร์ได้ไปสอบถามแพทย์จีน ธนภัทร จินตกุล หัวหน้าสถานพยาบาลวิทยาลัยการแพทย์ทางเลือกมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ได้คำตอบว่า กระทรวงสาธารณสุขของจีน ประกาศให้ตัด “ถั่งเช่า” ออกจากบัญชีในกลุ่มประเภท "อาหารเสริมสุขภาพ" เนื่องจากถั่งเช่าที่ขายในประเทศจีนนั้นมีปริมาณสารหนูเกินมาตรฐาน หากบริโภคต่อเนื่องเป็นเวลานานจะมีผลกระทบกับสุขภาพได้ แต่ทั้งนี้การรักษาตามแพทย์แผนจีนก็ยังคงมีการใช้ ถั่งเช่าในการรักษาโรคอยู่เช่นกัน แต่ต้องได้รับการรับประทานตามใบสั่งแพทย์
- การวิจัยเกี่ยวกับ “ถั่งเช่า”
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยแพร่ข้อมูลของถั่งเช่า ระบุว่าว่าถึงแม้ “ถั่งเช่า” มีการใช้อย่างแพร่หลายและมีราคาสูงแต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาในคนอย่างเป็นระบบมีน้อยมากส่วนใหญ่เป็นกรณีศึกษาเท่านั้นตัวอย่างเช่น
กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ พบว่าการวิจัยในผู้ชาย22 คนใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริมพบว่าช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้33% และมีผลลดปริมาณของสเปิร์มที่ผิดปกติลง29% และมีอีกกรณีศึกษาในผู้ป่วยทั้งชายและหญิง189 คนที่มีความต้องการทางเพศลดลงพบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น66%
กรณีศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยการให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานถั่งเช่าปริมาณ3 กรัม/วันพบว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง95% ในขณะที่กลุ่มที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง54%
กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อระบบการทำงานของไต มีงานวิจัยที่ให้ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรัง28 คนรับประทานถั่งเช่า(Cordyceps sinensis) ปริมาณ3-5 กรัม/วันพบว่าถั่งเช่าส่งผลลดปริมาณเม็ดเลือดขาวบางชนิด และอาจส่งผลดีต่อการทำงานของไตได้แต่งานวิจัยฉบับนี้ไม่สามารถระบุรายละเอียดของวิธีการวิจัยหรือสิ่งที่ใช้วัดผลการทำงานของไตที่ชัดเจน
- ข้อควรระวังกินถั่งเช่า
ขณะเดียวกันคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ยังมีข้อควรระวังเกี่ยวกับสมุนไพรถั่งเช่า ออกมาแนะนำประชาชนด้วย ดังนี้
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวานเนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือด
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดเนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน(immunosuppressive) ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรสุดฮิตในปัจจุบันเป็นการใช้ตามสรรพคุณของภูมิปัญญาที่มีมานานกว่าศตวรรษแต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการศึกษาทางคลินิกยังมีน้อยฉะนั้นการใช้ถั่งเช่าจะต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะถั่งเช่ามีราคาสูงมาก และอย่าลืมว่าไม่มียาวิเศษใดในโลกนอกจากการดูแลตนเอง
--------------------
ที่มา :
ชัวร์ก่อนแชร์ : ถั่งเช่าไม่มีในประวัติศาสตร์ยาจีน จริงหรือ ?