เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลับมาระบาดอีกครั้งในประเทศไทยตอนนี้ ก็ทำให้หลาย ๆ คน เลือกที่จะอยู่บ้าน หรือบางคนอาจจะต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home เพราะที่ทำงานมีนโยบายให้ทำงานอยู่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
การได้ทำงานที่บ้านนั้นก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีอาจจะเป็นการไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ต้องไปผจญกับรถติด หรือไปยืนเบียดบนรถไฟฟ้า รถเมล์ ในเวลาเร่งด่วน แต่การทำงานที่บ้านก็อาจจะแลกมาด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างเช่นเรื่องเวลา ที่หากจัดการไม่ดี ก็อาจทำไม่สามารถแยกเวลางานออกจากเวลาส่วนตัวที่ไว้ใช้สำหรับพักผ่อนได้ ซึ่งการที่คนเราไม่มีเวลาไว้ดูแลตัวเองนั้น จะส่งผลต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
เริ่มต้นที่โรคแรก ที่แรกได้ว่ายอดฮิตอย่าง “ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับมนุษย์เงินเดือนอย่างแพร่หลาย สำหรับออฟฟิศซินโดรมนั้นเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไปโดยไม่ขยับร่างกาย จนทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง รวมไปถึงอาการชาบริเวณที่แขนหรือมือ จากการที่เส้นประสาทถูกกดทับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติควรพบแพทย์เมื่อมีอาการ เพื่อจะได้หาหนทางรักษา ซึ่งก็จะมีหลากหลายวิธี ได้แก่ ฝึกยืดกล้ามเนื้อ / กายภาพบำบัด / นวดแผนไทย / ฝังเข็ม / รับประทานยา และหากใครไม่อยากที่จะเป็น หรือมีอาการปวดทรมานเหล่านี้ สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกัน ก็คือ ออกกำลังกาย เน้นการยืดกล้ามเนื้อ / ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน นั่งให้ดูวิธี และเปลี่ยนอริยาบทบ่อย ๆ
สำหรับโรคต่อมา "โรคกระเพาะ" เกิดจากเวลาที่เราทำงานที่บ้าน มักไม่มีเวลาเข้าออกงาน การใช้เวลาต่าง ๆ หากไม่จัดการให้ดี เราก็อาจจะมีปัญหาตามมา การกินอาหารไม่ตรงเวลาเป็นหนึ่งในนั้น บางทีอาจจะตื่นไม่ทันมื้อเช้า ทำงานเพลินจนลืมมื้อเที่ยง กว่าจะกินมื้อเย็นก็ปาไปดึกดื่น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะ โดยอาการของโรคคือการปวดท้องแบบเป็น ๆ หาย ๆ มักจะสัมพันธ์กับเวลาของมื้ออาหาร ทั้งก่อนและหลังอาหาร โดยการรักษาก็คือการกินยา และต้องปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตนเอง
อีกโรคที่ตามมาก็คือ “โรคอ้วน” เวลาได้ทำงานอยู่บ้านของตัวเอง ถ้าบ้านไหนเป็นสายตุน บอกเลยว่าอาจจะมีการกินเพลินเกิดขึ้น หากไม่จัดเวลาดี ๆ วางแผนการกินอย่างถูกต้อง ก็อาจจะเจอเข้ากับโรคนี้ได้อย่างแน่นอน หากไม่อยากเข้าใกล้โรคนี้ ต้องกินอย่างถูกวิธี วางแผนมื้ออาหาร ไม่สปอยตัวเองจนเกินไป
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งโรค ที่หลาย ๆ คนบอกได้เลยว่าเสี่ยง คือ “โรคเครียด” ไหนจะต้องอยู่แต่บ้าน เมื่อเจอเรื่องเครียด ๆ ก็อาจจะไม่ได้ออกไปหาทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชื่นชอบ แยกงานกับเวลาส่วนตัวออกจากการไม่ได้ โรคนี้ถามหาอย่างแน่นอน ภายใต้สภาวะกดดันมากมาย ซึ่งโรคนี้ก็จะนำพาโรคร้ายอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ไมเกรน ซึมเศร้า ดังนั้นหากใครรู้ตัวว่าเครียด หรือเจอสภาวะกดดันมาเกินที่จะรับมือ ให้ปล่อยสิ่งที่หนักลง อาจจะหาคนคุยด้วย หรือไปหากิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เครียดทำ หรือหากเกินจะรับมือแล้วอาจจะต้องปรับสมดุลร่างกาย ปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อให้ชีวิตยังเดินต่ออย่างปกติสุข
อาจจะเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลาย ๆ คน LINE TODAY ขอส่งกำลังใจ และขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูล
ความเห็น 5
I อ้น
สบายเกินจนเป็นโรค😏
#ดัตช์
15 ม.ค. 2564 เวลา 09.51 น.
Paula Wing's 💕🧚🏻⭐️❤️💕🧚🏻
โรคจิต
13 ม.ค. 2564 เวลา 18.17 น.
Pattie
ถูกทุกข้อ
12 ม.ค. 2564 เวลา 12.50 น.
☁️⛅Earng ☁️
โรคอ้วน😂
12 ม.ค. 2564 เวลา 12.48 น.
Jasda
ที่แน่ๆ น้ำหนักขึ้น ชัวร์
12 ม.ค. 2564 เวลา 06.52 น.
ดูทั้งหมด