อาชีพปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ในพื้นที่อำเภอธาตุพนม นับว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เกษตรกรหลายๆคนหันมาให้ความสนใจและทำเป็นอาชีพเสริมนอกเหนือจากการทำนาที่เป็นอาชีพหลัก ซึ่งปัจจุบันอาชีพเพาะปลูกไม้ดอกไม้ประดับ สามารถทำเม็ดเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกอย่างต่อเนื่องทุกๆปี โดยเฉพาะในช่วงของงานเทศกาล วันลอยกระทง วันเข้าพรรษา และวันสงการณ์ จะเป็นช่วงเวลาที่ประชนทั้งในและจังหวัดใกล้เคียงมีความต้องการหาชื้อไม้ดอกเพื่อนำไปกราบไหว้บูชาองค์พระธาตุพนม ณ วัดพระธาตุพนม วรวิหาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้พื้นที่บ้านดอนกลางทุ่ง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม ได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมกับให้ความรู้กับเกษตรกรที่สนใจ พร้อมกับสนับสนุนจนกลายเป็นพื้นที่ผลิตไม้ดอกบูชาพระที่สำคัญแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน
คุณเดือน สุริวงศ์ และคุณสมพร แสนกลาง เป็นเกษตรกรผู้ปลูกไม้ดอกจำหน่ายในพื้นที่บ้านดอนกลางทุ่ง ควบคู่กับอาชีพทำนา สลับหมุ่นเวียนกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จนถึงปัจจุบันก็ยังคงทำสืบเนื่องทุกปี โดยเนื้อที่ 3 ไร่ ได้จัดแบ่งให้เป็นพื้นที่ปลูกไม้ดอกทั้งหมด 3 ชนิด
คุณเดือนและคุณสมพร เล่าให้ฟังว่า ในช่วงแรกๆ วัตถุประสงค์ต้องการปลูกเพื่อตัดดอกจำหน่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนนำไปขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้องค์พระธาตุ ซึ่งไม้ดอกที่เลือกมาปลูกส่วนใหญ่จะเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย สามารถนำมากิ่ง หรือเมล็ดมาขยายพันธุ์ในรุ่นถัดไปได้
ไม้ดอกที่ยังคงเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการต่อเนื่องในช่วงวันงานเทศกาล กลายเป็นแรงผลักดันให้คนหันมาสนใจในอาชีพเพาะปลูกไม้ดอกกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ มีสมาชิกผู้ปลูกมากกว่า 50 ราย ในพื้นที่ตำบลธาตุพนม
“ในพื้นที่ส่วนใหญ่จะนิยมปลูกไม้ดอกบูชาพระอยู่ 3 ชนิด คือ ดาวเรือง เบญจมาศ และดอกบัว โดยแต่ละชนิด แบ่งช่วงเวลาการปลูกต่างกันจะปลูกไม่พร้อมกัน ดาวเรืองและเบญจมาศปลูกสลับกันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและฤดูกาลเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรค ส่วนบัวจะวิธีการปลูกเพียงครั้งเดียวเก็บดอกจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากบัวเป็นไม้ดอกที่ขยายพันธุ์ด้วยไหลปลูกเพียงครั้งเดียวสามารถให้ผลผลิตต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องลงทุนปลูกใหม่”
สำหรับการขั้นตอนและวิธีการปลูกนั้น คุณเดือนและคุณสมพร บอกว่า เบญมาศ ดาวเรือง เป็นไม้ดอกที่มีวิธีการปลูกและการเตรียมแปลงที่คล้ายกัน ตั้งแต่การเตรียมแปลงจะทำร่องปลูกขนาดความกว้าง 80 เซนติเมตร ความยาวตามความพอใจขอผู้ปลูกที่สามารถควบคุมได้ ตีดินในแปลงให้ละเอียด ตากดินทั้งไว้ประมาณ 7 วัน จากนั้นนำต้นพันธุ์ลงปลูก โดยเบญจมาศจะใช้ระยะปลูกระหว่างต้นและแถว 20 เซนติเมตร ส่วนดาวเรืองขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่และขนาดความใหญ่ของพุ่ม
หลังจากปลูกต้นกล้าลงดินไปได้ประมาณ 5 วัน จะเริ่มให้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีเพื่อบำรุงต้นให้พร้อม โดยเฉพาะเบญจมาศจะต้องทำการขึงเชือกประคองลำต้น พร้อมกับกระตุ้นเร่งการเจริญเติบโตของต้นให้พร้อมที่จะแทงช่อดอก ด้วยวิธีการให้แสงสว่างจากหลอดไฟต่อเนื่องวันละ 6-7 ชั่วโมง ควบคู่กับฉีดพ้นสารเคมี ทุกๆ 7 วัน เพื่อป้องกันแมลงควบคู่กัน
“เบญจมาศเป็นไม้ดอกที่ต้องการการดูแลที่มากกว่าดาวเรือง ซึ่งในช่วงเวลา 3 เดือนจะต้องให้ความเอาใจใส่ โดยเฉพาะการให้น้ำ จะต้องให้สม่ำเสมอ วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) เก็บวัชพืชออกจากแปลง ให้ปุ๋ย ตรงเวลาที่กำหนด เพียงเท่านี้ไม้ดอกจะออกมามีคุณภาพ ซึ่งแต่ละรอบจะปลูกเบญจมาศอย่างน้อย 8 แปลง ประมาณ 3,000-5,000 ต้น ดาวเรืองจะปลูกประมาณ 5-6 แปลง ส่วนบัวจะใช้พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ทำเป็นนาบัวเพียงรอบเดียว”
ส่วนการส่งจำหน่ายนั้น คุณเดือนและคุณสมพร แต่ละวันจะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามารับชื้อที่สวน ซึ่งจะได้ไม้ดอกมากกว่า 2 ชนิดออกไปในแต่ละรอบ ทำให้เป็แรงจูงใจให้พ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากมาแหล่งเดียวได้ไม้ดอกถึง 2 ชนิด ทำให้ไม่เสียเวลาประหยัดค่าขนส่งในแต่ละรอบ โดยราคาชื้อ-ขาย ขึ้นลงตามฤดูกาลและเทศกาล แต่โดยเฉลี่ย ขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 150 บาท สำหรับเบญจมาศ
“การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ จะเลือกพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งเลือกวิธีการปลูกที่ใช้ทุนน้อย ทำตามกำลังที่สามารถทำได้กันโดยใช้แรงงานภายในครอบครัวโดยใช้เวลาว่างจากอาชีพหลัก”
เกษตรกรท่านใดสนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเดือนและคุณสมพร บ้านดอนกลางทุ่ง หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โทรศัพท์ (086)857-0830
ความเห็น 0