เลือกซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ แบบไหน สเปคไหนถึงเหมาะกับเรา?

รูปภาพประกอบจากเว็บไซต์ www.pixabay.com

"ซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดี ?" นี่เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตตลอดกาล ที่ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี ก็มีมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ และหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ คงเป็นหนึ่งในคนที่สงสัยในคำถามเดียวกันอยู่ใช่ไหมครับ?

แน่นอนล่ะครับว่า สำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้จักวิธีการดูสเปคของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แล้วนั้น การที่จะหาซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่สักเครื่องย่อมต้องมีคำถามเกิดขึ้นในหัวมากมาย เช่น งบไม่เกิน xx,xxx ซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดี?, ซื้อโน๊ตบุ๊ค สเปคไหนดี?, โน๊ตบุ๊ครุ่นไหน เหมาะให้เด็กๆ ใช้ทำการบ้าน?, ซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นไหน สำหรับเล่นเกมส์โดยเฉพาะ?, ระหว่างโน๊ตบุ๊ค A กับ B อันไหนดีกว่ากัน? ฯลฯ 

ซื้อโน๊ตบุ๊ค ประเภทไหนดี ?

รู้หรือไม่ว่า โน๊ตบุ๊คที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดนั้น มีการแบ่งประเภทตามการใช้งานด้วยนะ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องแบ่งแยกด้วย? คำตอบคือ ปัจจุบันโน๊ตบุ๊คมีการใช้งานหลากหลายมากขึ้น อาทิ พกออกไปใช้พรีเซนต์งาน ขายของ หรือ ใช้ตัดต่องานวีดีโอ เวลาอยู่นอกสถานที่ ฯลฯ ซึ่งบางครั้งการใช้งานโน๊ตบุ๊คธรรมดา อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มนั้น จึงทำให้หลายๆ แบรนด์ผลิตสินค้าออกมาเอาใจผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม เช่น โน๊ตบุ๊คที่บางแค่ 0.97 ซ.ม. น้ำหนักเบาแค่ 1 ก.ก. หรือโน๊ตบุ๊คที่สามารถเปลี่ยนการใช้งานแบบเป็นแท็บเล็ต เพียงแค่ถอดคีย์บอร์ดออกมาเท่านั้น โดยโน๊ตบุ๊คเหล่านี้ มีชื่อเรียกบ่งบอกประเภทด้วยนะ แต่เขาจะเรียกว่าอะไรนั้น ลองไปดูกันเลย

รูปภาพประกอบจากเว็บไซต์ www.pixabay.com

Notebook

โน๊ตบุ๊ค (Notebook, Laptop) คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ที่เห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 12-15 นิ้ว มีสเปคไม่ได้โดดเด่นหวือหวาอะไร เหมาะสำหรับใช้งานธรรมดาๆ จำพวกท่องเน็ต ดูหนัง ฟังเพลง แชทข้อความ พิมพ์งานเอกสาร เป็นต้น โดยราคาเริ่มต้นส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท และราคาจะเพิ่มสูงขึ้นตามสเปคที่แรงขึ้น

Ultrabook

อัลตร้าบุ๊ค (Ultrabook) คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป แต่ตัวเครื่องบางกว่ามาก และน้ำหนักเบากว่ามาก (เช่นเดียวกัน) และส่วนอื่นๆ มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 12-15 นิ้ว ราคาโดยประมาณ ส่วนมากจะเริ่มต้น 20,000 บาทขึ้นไป แต่รู้ไหมว่ามันมีมาตรฐานแบ่งแยกอัลตร้าบุ๊ค ออกจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปด้วยนะ ซึ่งมาตรฐานที่ว่านี้มีด้วยกัน 4 ข้อหลักๆ ได้แก่

• ตัวเครื่องต้องมีขนาดบางและน้ำหนักเบา เพื่อให้พกพาได้สะดวก โดยกำหนดไว้ว่า ถ้าขนาดหน้าจอไม่เกิน 13 นิ้ว ตัวเครื่องต้องหนาไม่เกิน 2 ซม. และหน้าจอขนาด 14 นิ้วขึ้นไป ตัวเครื่องต้องหนาไม่เกิน 2.3 ซม.
• แบตเตอรี่ใช้งานทนทาน เพื่อเหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน แบตเตอรี่ของอัลตร้าบุ๊ค ต้องใช้งานต่อเนื่องได้มากกว่า 6 ชม.
• ประสิทธิภาพการใช้งานต้องดีเยี่ยม อีกหนึ่งข้อกำหนดของอัลตร้าบุ๊ค นั่นก็คือต้องใช้ซีพียูประมวลผลที่ใช้ สถาปัตยกรรม Haswell (microarchitecture) ขึ้นไป และหน่วยความจำต้องมีอัตราการรับส่งข้อมูลอย่างต่ำ 80 MB / วินาที
• ข้อกำหนดอื่นๆ เช่น ระบบแชร์หน้าจอ (Intel Wireless Display),หน้าจอระบบสัมผัส (Touchscreen), ระบบสั่งงานด้วยเสียงพูด (Voice Command) ฯลฯ เป็นต้น

ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้อ่านไปข้างต้นนั้น จะช่วยให้เราสามารถแยกแยะอัลตร้าบุ๊ค (Ultrabook) กับโน๊ตบุ๊ค (Notebook) ทั่วไปได้ แต่เอาเข้าจริงๆ ผู้เขียนก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันมีข้อกำหนดกับเขาด้วย ซึ่งข้อกำหนดพวกนี้ ทาง Intel เป็นผู้ตั้งมาตรฐานแล้วส่งให้แบรนด์ต่างๆ เพื่อเป็นข้อกำหนดให้อัลตร้าบุ๊คมีลักษณะคล้ายๆ กันนั่นเอง โดยกลุ่มคนที่ใช้อัลตร้าบุ๊ค ส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนทำงานนอกสถานที่หรือนักเรียนนักศึกษาที่ต้องพกพาอยู่บ่อยๆ

รูปภาพประกอบจากเว็บไซต์ www.mqltv.com

Gaming Notebook

หากกล่าวถึงคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ที่โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน และสเปคที่แรงสุดๆ คงจะหนีไม่พ้น โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง (Gaming Notebook) แน่นอน สืบเนื่องจากเกมส์ในยุคสมัยใหม่ ต้องการสเปคที่แรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งผู้เล่นยังต้องการความลื่นไหลภายในเกมส์อีกด้วย ส่วนบางเกมส์เราอาจจะเห็นว่ามันมีความต้องการสเปคเครื่องสูงขึ้น จนทำให้อัลตร้าบุ๊คอาจไม่สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้ จึงเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมานามว่า โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง ดังที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ใช้ส่วนมากมักจะเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมส์ หรือที่เรียกว่าเกมเมอร์ (Gamer)

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง (Gaming Notebook) ชูจุดเด่นเรื่องสเปคที่ทรงพลัง การประมวลผลดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหลายเท่าตัว จึงมักจะเห็นซีพียูตัวแรง (CPU) อย่าง Core i5 / i7 มาพร้อมกับกราฟฟิกประมวลผลตัวท๊อป (GPU) อย่างพวกรุ่น GTX 1050 / 1060 / 1070 / 1080 อยู่เสมอ และนอกจากนี้ดีไซน์ตัวเครื่องยังออกไปทางโทนสีดำสลับกับแสงจากไฟ LED บนคีย์บอร์ดอีกด้วย ส่วนมากหน้าจอจะอยู่ที่ 15-17 นิ้ว ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 บาท และจะสูงขึ้นไปตามสเปคที่แรงขึ้น

Hybrid Notebook (2-in1)

โน๊ตบุ๊คไฮบริด (Hybrid Notebook) หรือเรียกว่า โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่โดดเด่นเรื่องการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ตัวเครื่องบางเฉียบ น้ำหนักเบา และดีไซน์อันสวยสดงดงามตามความต้องการของคนยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับอะไรรูปแบบเดิมๆ มีหน้าจอขนาด 12-14 นิ้ว ราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาท และสูงขึ้นตามสเปคที่แรงขึ้น

สิ่งที่แบ่งโน๊ตบุ๊คไฮบริด ออกจากโน๊ตบุ๊คธรรมดา สามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ หน้าจอจะมีระบบสัมผัส (Touchscreen) เปลี่ยนการใช้งานเป็นโหมดแท็บเล็ตได้ โดยการถอดคีย์บอร์ดออก รองรับการวาดเขียนปากกาสไตลัส (Stylus) และในบางรุ่นอาจจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย โดยกลุ่มที่เลือกใช้งานมักจะเป็นคนที่ต้องเดินทำงาน หรือไม่ได้ทำงานอยู่กับที่ เช่น ผู้บริหารที่ต้องเดินทางบนรถบ่อยๆ เป็นต้น

หมายเหตุ : ราคาเริ่มต้นของโน๊ตบุ๊คแต่ละประเภทมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาจจะถูกหรือแพงกว่านี้ก็ได้ โดยราคาที่เขียนไว้จึงเป็น "ราคาส่วนมาก" เท่านั้น หากต้องการข้อมูลที่แน่นอน ควรเช็คราคากับผู้จำหน่ายโดยตรง

ซื้อโน๊ตบุ๊ค สเปคไหนดี ?

หลังจากทราบกันแล้วถึงประเภทของโน๊ตบุ๊ค ต่อมาเราก็พาถ่ายทอดวิชา "ดูสเปคโน๊ตบุ๊คเบื้องต้น" ให้ทุกคนกันนะครับ ซึ่งหัวข้อนี้เราจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลัก เพื่อให้คนที่ไม่เก่งคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ จึงอยากจะเปรียบเทียบให้ทุกคนเห็นภาพตรงกันก่อนว่า อุปกรณ์ส่วนไหน ส่งผลต่อการใช้งานอย่างไร เริ่มกันที่ตัวแรกเลย

• CPU = ตัวประมวลผลหลัก มันสมองของคอมพิวเตอร์ จะทำงานเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับเจ้านี่เป็นหลัก
• VGA = ตัวประมวลผลกราฟฟิก ช่วยสร้างภาพในจินตนาการ ให้เป็นภาพเคลื่อนไหวสมจริงผ่านหน้าจอ
• Display = หน้าจอแสดงภาพ มีขนาดให้เลือก 12-17 นิ้ว และความละเอียด Full HD - 4K
• RAM = ผู้ช่วยของ CPU ทำหน้าที่จดจำข้อมูลชั่วคราว เพื่อให้ CPU สามารถดึงไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
• Storage = คลังเก็บข้อมูล ใช้บันทึกข้อมูลต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ มีสองแบบคือ SSD และ HDD

โดยอุปกรณ์แต่ละส่วนก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย แถมยังมีให้เลือกหลายแบรนด์อีกด้วย ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีข้อเด่นข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป แต่หากจะให้กล่าวถึงแบบละเอียดคงจะยาวจนเกินไป เราจึงสรุปออกมาให้แบบสั้นๆ ว่าถ้าจะเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คซักเครื่อง ให้ดูสเปค 3 รายการ ได้แก่ CPU VGA และ Display เป็นอันดับแรก เพราะว่ามันจะอยู่กับเครื่องของเราไปอีกนาน ไม่สามารถอัพเกรดได้ ส่วน RAM กับ Storage นั้นสามารถซื้อมาเพิ่มเติมได้ภายหลัง ส่วนใครที่อยากจะศึกษาว่า สินค้าแต่ละแบรนด์แตกต่างกันอย่างไร ก็ตามไปอ่านกันต่อได้ที่ทิปส์ เลือกสเปคคอม ฉบับมือใหม่ อ่านง่าย ไม่งง ได้เลย

บทสรุป

ก็อ่านกันมาพอสมควร ตอนนี้หลายคนรู้แล้วใช่ไหมว่า เวลาจะซื้อโน๊ตบุ๊ค ต้องดูที่อะไรบ้าง อย่างไรก็ตามเรื่องสเปคเนี่ย เป็นอะไรที่พูดยากมาก เพราะว่าบางครั้ง เราอาจจะเลือกมาพอกับที่เราใช้งานตามปกติ อยู่มาวันหนึ่งเกิดต้องใช้โปรแกรมที่ใช้สเปคเยอะๆ แล้วโน๊ตบุ๊คดันสเปคไม่ถึงซะอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว ฉะนั้นการซื้อสเปคดีๆ ไว้ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลย ตามคติที่ผู้เขียนถือมาตลอด มีเผื่อไว้ดีกว่าจะใช้แล้วขาดแคลน นะครับ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่เรารวบรวมนำมาให้ทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์สำหรับทุกคน โดยเฉพาะใครที่กำลังจะหาโน๊ตบุ๊คคู่ใจเครื่องใหม่ ไว้เป็นเพื่อนคู่กายกันนะครับ สำหรับบทความนี้ ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ