“ในค่ำคืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาวอยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป”
ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง แสงสุดท้าย เป็นสเตตัสที่ผู้เขียนตั้งขึ้นทันทีหลังจากได้ชม 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว และมันเป็นเพลงที่ผู้เขียนเคยฟังวนระหว่างการวิ่งระยะฟูลมาราธอนที่ลากูน่า ภูเก็ต เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่เข้าเส้นชัยพร้อมน้ำตาและความเจ็บปวดด้วยเวลาวิ่งมากกว่า 7 ชั่วโมง…
จาก 400 กิโลเมตร ก้าวคนละก้าว ครั้งแรก สู่ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่มากๆ สำหรับนักวิ่งที่ไม่ใช่นักวิ่งอาชีพ
และจากเลขตั้งต้น 2,191 ที่ถูกเพิ่มมาเป็น 2,215 กิโลเมตร หากจะเทียบง่ายๆ ในแง่ของการวิ่ง ก็คือการที่ตูนต้องลงวิ่งระยะฟูลมาราธอน 42.195 กิโลเมตร 52 ครั้ง ในระยะเวลาเพียง 55 วัน ถือเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากสำหรับนักวิ่ง ด้วยระยะทางและสำคัญที่สุดคือเวลาการฟื้นฟูร่างกายที่มีอยู่น้อยนิด
52 ครั้งนั้นเป็นเลขในทางทฤษฎี ตูนจะต้องออกวิ่ง(แทบ)ทุกวัน วันละ 1 ฟูลมาราธอน แต่ในทางปฏิบัติจริงในช่วง 55 วัน ตูนต้องวิ่งในระยะที่เรียกว่าอัลตร้ามาราธอน หรือเกินมาราธอนในช่วงหลังของระยะทาง
ดังนั้น เชื่อ บ้า กล้า ก้าว น่าจะเป็นคำสร้อยต่อท้ายระยะทางของชื่อหนังที่ผู้เขียนคิดว่าที่เหมาะสมแล้ว สำหรับการเล่าเรื่องราวแบบรวบรัดตั้งแต่คิดจะเริ่มวิ่งจนก้าวข้ามผ่านเส้นชัยของ "ตูน บอดี้สแลม"
ว่ากันว่าเรื่องราวที่น่าจดจำหรือความสุขของการเดินทาง ล้วนเกิดขึ้นระหว่างทาง หาใช่จุดหมายปลายทาง
เพราะสิ่งที่เราเห็นและได้รับรู้ในช่วงของการวิ่งครั้งนี้ของตูน คือการได้รู้ผ่านการรายงานสดบนโซเชียลมีเดีย และเราจะเห็นบนสื่อแบบยิ่งใหญ่อีกครั้งก็คือตอนที่ตูนและทีมวิ่งจากเข้าเส้นชัยไปแล้ว
…แต่เบื้องหลังในระหว่างการวิ่ง คือสิ่งที่เราไม่รู้ นอกจากจะเป็นทีมงานที่ทำงานอย่างใกล้ชิด
ความเหนื่อยล้า ความดื้อ ความเจ็บปวด เข็มฉีดยา น้ำเกลือ เทปรัดกล้ามเนื้อ ทีมแพทย์ ทีมนักวิ่ง ทีมการ์ด ฯลฯ
ทุกสิ่งล้วนประกอบเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทางที่น้อยคนจะได้รู้ รวมไปถึงความคิดของคนที่รู้จักและใกล้ชิดที่มีต่อตูนกับการวิ่งครั้งนี้ ทุกอย่างจะถูกร้อยเรียงให้เราได้รับรู้ผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ โดย ไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับ และ เอ็ม-ยศวัศ สิทธิวงค์ ตากล้อง ผู้เก็บเรื่องราวมาเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงเส้นชัยที่หลักกิโลเมตรที่ 2,215
อีกสิ่งที่ผู้กำกับหยิบมาประกอบในสารคดี นั่นคือ เพลง โดยปกติจะมีเพลงประกอบภาพยนตร์ (หรือเรียกว่า Score Film) แต่พอเป็นเรื่องนี้ เพลงของวง บอดี้สแลม ถูกเลือกมาแบบไม่ต้องลังเล แม้ในเรื่องจะหยิบมาไม่กี่บทเพลง แต่จังหวะการใส่เพื่อเข้ามาประกอบในเรื่องมันถูกใช้แบบถูกเวลาและเข้ากับสถานการณ์ที่พบเจอในการวิ่ง
ผู้เขียนค่อนข้างเชื่อว่า หากได้ชม 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว แล้ว คุณจะกลับมาตั้งใจฟังความหมายของเพลงที่ได้ยิน และเพลงนั้นจะมีความหมายที่แตกต่างจากที่คุณเคยฟังก่อนหน้านี้ชนิดพลิกอีกด้านไปเลย
หากให้นึกถึงประโยคที่ผู้เขียนชอบที่สุดในเรื่อง ซึ่งจริงๆ แล้วได้ยินในช่วงที่ติดตามการวิ่ง ตูนย้ำเสมอว่าเขาไม่ใช่ฮีโร อย่างที่ใครหลายคนพยายามประกาศหรือยกย่องเขา แต่ฮีโรตัวจริงคือคนที่อยู่ที่โรงพยาบาล คนที่ทำการรักษาให้ประชาชนมากกว่า
Unsung Hero ดูน่าจะเป็นคำที่เหมาะสมกับตูนมากที่สุดสำหรับการขับเคลื่อนของเขาในครั้งนี้
…ถึงเวลาที่ผู้เขียนต้องหยิบรองเท้าวิ่งที่ค้างอยู่ในตู้มาเกือบครึ่งปี ออกมาสัมผัสพื้นถนนอีกครั้ง พร้อมเปิดเพลง "แสงสุดท้าย" และ "เตรียมตัวตาย" ด้วยแรงกระตุ้นจาก “ตูน” คนธรรมดาที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน
-----------------------------------------------------------------------------
#2215เชื่อบ้ากล้าก้าว ชมฟรีพร้อมบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 6-16 กันยายน 2561
ร่วมบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผ่านช่องทางเหล่านี้ :
1) บัญชีรับบริจาค ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาศิริราช เลขที่บัญชี 016-3-04556-7 ประเภทบัญชีกระแสรายวัน
ชื่อบัญชี เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช
2) SMS บริจาคครั้งละ 10 บาท โดยพิมพ์ T แล้วกดส่งมาที่ 4545099 (เริ่มบริจาคทาง SMS ได้ตั้งแต่ 1 ก.ย. 61)
3) สแกน QR Code ผ่าน Mobile Banking เพื่อการบริจาค
4) SCB EASY APP สามารถบริจาคผ่านปุ่ม "บริจาค" ใน SCB EASY APP และเลือก โครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อโรงพยาบาลศิริราช (เริ่มบริจาคได้ตั้งแต่ 11 ส.ค. 61)
5) กล่องรับบริจาค ตรงเคาน์เตอร์หน้าโรงภาพยนตร์
6) บริจาคผ่านช่องทาง True Money Wallet
