เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อม คณะลงพื้นที่สำรวจคลองหลังวัดลาดปลาเค้า ซึ่งมีสภาพเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน เพราะคลองนี้เชื่อมต่อระหว่างเขตลาดพร้าวกับเขตบางเขน แต่อยู่ในความดูแลของเขตลาดพร้าว มีวัดและชุมชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่เขตไม่มีงบประมาณดูแล จากการสำรวจคลองดังกล่าว พบเป็นคลองที่เชื่อมต่อกับคลองหลุมไผ่และคลองบางบัวซึ่งอยู่ในเขตบางเขน มีระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร (กม.) ดังนั้น การไล่น้ำเน่าเสียที่อยู่ในคลองหลังวัดลาดปลาเค้าให้ไปสู่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9ได้นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องสูบน้ำจำนวนมาก ขณะที่ประตูระบายน้ำบริเวณคลองหลุมไผ่ยังไม่เปิดใช้งาน มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 ตัว แต่เปิดใช้เพียงตัวเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้น้ำเสียที่คลองหลังวัดลาดปลาเค้าไม่สามารถไหลออกไปได้
"ทำให้ได้รู้พร้อมกันว่าทำไมอุโมงค์ยักษ์ที่บึงพระราม 9 จึงถูกเป็นจำเลยสังคม ถูกด่าประจำว่าใช้งานไม่ได้ เขาจะทำงานได้อย่างไร เพราะน้ำมาไม่ถึง แต่ถ้าเขาทำงานได้จะทำให้น้ำไหลออกไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่ตรงพระโขนงมีเครื่องสูบน้ำกว่า 50 ตัว แต่น้ำไหลมาไม่ถึง ถ้าท่านมาดู ก็จะเห็นเลยว่าแก่นแท้ของปัญหากรุงเทพฯคืออะไร" นายสุชัชชวีร์ กล่าว
นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า ตนจึงแนะนำทีมผู้สมัคร ส.ก.เขตลาดพร้าว และส.ก.เขตบางเขน ว่าถ้าได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่จะต้องเพิ่มเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าราคาไม่แพง ใช้ระบบอัตโนมัติ ให้ประชาชนในเขต พร้อมกับขอให้สำนักระบายน้ำได้เปิดเครื่องสูบน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองหลุมไผ่ให้ครบ 4 เครื่อง แต่ไม่ต้องเปิดทั้งวันจะทำให้น้ำเสียที่คลองหลังวัดลาดปลาเค้า ถูกระบายออกไปได้ซึ่งจะลดความเดือดร้อนของประชาชนในเขตลาดพร้าวและเขตบางเขนได้ ส่วนเขื่อนริมคลองหลุมไผ่เริ่มมีสภาพทรุดตัวแล้ว ทั้งที่เป็นเขื่อน 2 ชั้น และยังไม่ได้เปิดใช้งาน จึงเป็นห่วงว่าจากการทรุดตัวของเขื่อนจะทำให้ดินรอบเขื่อนยุบตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้ถนนริมคลองมีสภาพเสียหายต่อไปทั้งนี้ ตนแนะนำว่าใช้ปั๊มไฟฟ้าแทน เพราะทันสมัย ราคาถูก และปั๊มที่จะใช้ที่คลองหลังวัดลาดปลาเค้าไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไร คลองนี้จะเน่าไปเรื่อยๆ.
