เดินทางเข้าสู่ช่วงปลายปี นอกจากที่เรากำลังจะโบกมืออำลาปี 2564 และอ้าแขนต้อนรับปีใหม่แล้ว สิ่งหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็คือการยื่นภาษีเงินได้ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคน วันนี้ LINE TODAY เลยขออาสาพาทุกคนมาทบทวนเช็กลิสต์ว่านอกจากเอกสารต่าง ๆ นานาที่ต้องเตรียมแล้ว มีรายการลดหย่อนภาษีอะไรบ้างที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินในจุดนี้ของพวกเราได้บ้าง ไปดูแล้วเตรียมตัวให้ดีก่อนหมดปีนะ!
การลดหย่อนภาษี ทำไมถึงต้องวางแผน?
เหตุผลประการหลักคือเช่นเดียวกับการจับจ่ายใช้สอยเงินสำหรับของทั่ว ๆ ไป ก็คงไม่มีใครอยากจ่ายภาษีเต็มอัตราเช่นกัน การวางแผนลดหย่อนภาษีที่รัดกุมช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และบางครั้งก็ทำให้ได้รับเงินภาษีส่วนเกินคืนมาด้วย ซึ่งวิธีการลดหย่อนทั้งหลายสร้างประโยชน์ให้กับผู้เสียภาษีทุกคนโดยเท่าเทียมกัน โดยรายการที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ก็ ได้แก่ การซื้อกองทุน SSF หรือ RMF, การซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ, กองทุนประกันสังคม, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ระบุเอาไว้ในเงื่อนไขของรัฐ เพราะฉะนั้นหากมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในมือ อย่าปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างเปล่าประโยชน์ มาเช็กรายละเอียดตามด้านล่าง รวบรวมเอกสาร แล้วเตรียมยื่นขอลดหย่อนภาษีกัน
ประเภทค่าลดหย่อนภาษี
1 | ค่าลดหย่อนภาษีประเภทค่าใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว จำนวน 60,000 บาท - สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ และไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานการเงินซัพพอร์ตค่าลดหย่อนในส่วนนี้
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส จำนวน 60,000 บาท - สำหรับคู่สมรสที่ทำการจดทะเบียนสมรสถูกต้องถามกฎหมาย และเป็นกรณีที่คู่สมรสไม่ได้มีรายได้
- ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร ที่จ่ายให้กับสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 60,000 บาทต่อปี - โดยสามีสามารถลดหย่อนภาษีในกรณีที่ภรรยาไม่มีเงินได้ ใช้เอกสารรับรองเป็นใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาล
- ค่าลดหย่อนภาษีบุตร คนละ 30,000 บาท - โดยจะต้องเป็นบุตรโดยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรม และบุตรมีอายุไม่เกิน 20 ปี หรืออายุไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาอยู่
- ค่าลดหย่อนสำหรับเลี้ยงดูบิดามารดาของตนเองและคู่สมรส จำนวนคนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 4 คน สามารถลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท - โดยพ่อแม่จะต้องมาอายุมากกว่า 60 ปี เป็นพ่อแม่โดยกำเนิด และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีกรณีอุปการะผู้พิการหรือบุคคลทุพลภาพ จำนวนคนละ 60,000 บาท - โดยผู้พิการจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และมีบัตรประจำตัวผู้พิการ รวมถึงจะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ
2 | ค่าลดหย่อนภาษีประเภทประกัน เงินออม และการลงทุน ได้แก่
- เงินประกันสังคม - สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 5,100 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ - ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพ - ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิต ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา - ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ - สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
- RMF - สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- SSF - สามารถนำมาลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.) และ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน - สามารถลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
3 | ค่าลดหย่อนภาษีประเภทเงินบริจาค ได้แก่
- เงินบริจาคทั่วไป - ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ และบริจาคเพื่อสถานพยาบาลของรัฐ - สามารถนำมาลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง - นำมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
4 | ค่าลดหย่อนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่
- ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย - สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
อ้างอิง