โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ขยายเวลา "ลดหย่อนภาษี" 2 เท่า หนุนบริจาคด้านสาธารณสุข

WeR NEWS

เผยแพร่ 25 ม.ค. 2566 เวลา 03.59 น.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ว่า ครม.ได้อนุมัติร่างกฎหมายขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข โดยออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้

สาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่หน่วยรับบริจาคด้านสาธารณสุข รวม 13 แห่ง (จากหน่วยรับบริจาคเดิม 10 แห่ง) เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร มีรายละเอียด ดังนี้

1.หน่วยรับบริจาคทั้ง 13 แห่ง ประกอบด้วย หน่วยรับบริจาคเดิม 10 แห่ง ได้แก่

1)สภากาชาดไทย

2)มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ฯ

3)ศิริราชมูลนิธิ

4)มูลนิธิจุฬาภรณ์

5)มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ

6)มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนฯ

7) มูลนิธิโรคมะเร็งโรงพยาบาลศิริราช

8)มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี

9)มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า

10)มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ

เพิ่มเติมหน่วยรับบริจาคใหม่ 3 แห่ง ได้แก่

1)มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

2)มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา

3)มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

2.การยกเว้นภาษีเงินได้ แบ่งเป็น

1)บุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค

2)บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่า ของรายจ่ายที่บริจาคไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน

3.บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาคทั้ง 13 แห่ง

มาตรการทางภาษีนี้ จะทำให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีลดลงประมาณปีละ 370 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเปิดโอกาสให้ประประชาชนและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริการด้านสาธารณสุขของประเทศ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0