สาววัย 24 ปี รับบทเป็น “หมอกระเป๋า” เดินสายฉีดโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ ทั่วสมุทรสงคราม อ้างตัวเป็นแพทย์ แท้จริงแค่เคยทำงานในคลินิก
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่ สบส.ได้รับเบาะแสว่ามี “หมอกระเป๋า” เดินสายให้บริการฉีดสารเสริมความงาม เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่ของ จ.สมุทรสงคราม อีกทั้ง หมอกระเป๋ารายดังกล่าวมีการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับบริการ โดยไม่ยำเกรงกฎหมาย ตนจึงสั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 5 ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สมุทรสงคราม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สืบหาข้อเท็จจริง และติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจากการติดตามเบาะแสของหมอกระเป๋ารายนี้ พบว่าในวันที่ 23 พ.ย. ได้มีการนัดหมายฉีดสารเสริมความงามให้กับประชาชนที่ร้านทำเล็บแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.สมุทรสงคราม เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันว่าหมอกระเป๋ารายดังกล่าวเข้ามาให้บริการตามที่นัดหมายแล้ว จึงสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงตัวเข้าจับกุมในขณะให้บริการ
นพ.สุระกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าหมอกระเป๋ารายนี้เป็นหญิงชาวไทย อายุ 24 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม อาศัยเพียงประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ในคลินิกแห่งหนึ่งมาแอบอ้างเป็นแพทย์เดินสายให้บริการฉีดสารเสริมความงาม
พนักงานเจ้าหน้าที่ของกองกฎหมาย และ สสจ.สมุทรสงคราม ร่วมกันตั้งข้อหากับหมอกระเป๋ารายนี้ในเบื้องต้น 3 กระทง ได้แก่ 1.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 2.จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 และ 3.ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า การฉีดสารเสริมความงามนั้น เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ และต้องรับบริการภายในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการให้บริการเดินสายให้บริการนอกสถานที่ ซึ่งการฉีดสารเสริมความงามโดยบุคคลที่มิใช่แพทย์นั้น ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะอาจจะก่อให้เกิดความพิการ หรือเสียชีวิตกับผู้รับบริการ จากการที่สารเสริมความงามรั่วไหลเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดจนตาบอด หรือติดเชื้อ
จึงขอแนะนำให้ประชาชนเลือกรับบริการเสริมความงามกับสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น โดยก่อนรับบริการทุกครั้งควรตรวจสอบชื่อคลินิกได้ที่เว็บไซต์กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (www.mrd-hss.moph.go.th) และตรวจสอบชื่อแพทย์ได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา (www.tmc.or.th) เพื่อความมั่นใจ แต่หากตรวจสอบแล้วไม่พบรายชื่อ ขอให้หลีกเลี่ยงที่จะรับบริการ และแจ้งเบาะแสมาที่กรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ความเห็น 2
KIT
ราคามันต่างกันจริงๆนะ เรียกว้าเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลย แถมเวลาเข้าไปรับบริการตามคลินิกที่ถูกต้อง ถ้าขอดูใบประกอบโรคศิลป์ หมอก็ไม่พอใจ....สังคมไทยมันเละเทะและเอื้อมิจฉาชีพมากๆ
24 พ.ย. 2565 เวลา 09.58 น.
P a n d o r a
ลูกค้าที่ใช้บริการ อยากสวยจนลืมความปลอดภัย
24 พ.ย. 2565 เวลา 09.37 น.
ดูทั้งหมด