โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

เปิดนโยบายว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งกำแพงภาษีจีนสูงลิ่ว ส่งผลถึงการค้า-เศรษฐกิจไทย

เดลินิวส์

อัพเดต 06 พ.ย. เวลา 17.48 น. • เผยแพร่ 06 พ.ย. เวลา 10.12 น. • เดลินิวส์
เปิดนโยบายว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งกำแพงภาษีจีนสูงลิ่ว ส่งผลถึงการค้า-เศรษฐกิจไทย
ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ ไม่เพียงยึดนโยบาย American First แต่ยังประกาศอย่างชัดเจนว่า จะตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 60%

แม้จะยังไม่มีการสรุปผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ครั้งล่าสุดอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีแนวโน้มสูงว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นครั้งที่ 2 จึงมีหลายฝ่ายให้ความสนใจว่า การขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสหรัฐครั้งใหม่ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อประเทศไทย

ขณะที่ กมลา แฮร์ริส ประกาศนโยบายที่เน้นการสานต่อจากนโยบายของ โจ ไบเดน ส่วนทรัมป์ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นผู้นำที่มีแนวคิดสุดโต่ง ได้ประกาศนโยบายที่คาดว่าจะสั่นสะเทือนวงการเศรษฐกิจและการค้าโลกอย่างมาก โดยเฉพาะนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนถึง 60% และอีก 10% สำหรับคู่ค้าประเทศอื่น และเป็นไปได้ว่าจะก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกหดตัว เกิดสงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะที่สหรัฐเป็นคู่ค้าและตลาดส่งออกที่สำคัญเคียงคู่กันมากับประเทศจีน

นโยบายที่กีดกันจีนอย่างชัดเจน ย่อมทำให้จีนต้องมองหาตลาดแห่งใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าไทยคือหนึ่งในตลาดเป้าหมายหลัก จึงต้องระวังผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าจีนที่มีราคาถูก ขณะเดียวกัน แม้ว่าไทยจะไม่ต้องรับศึกจากกำแพงภาษีนำเข้าที่สูงลิ่วเหมือนจีน แต่ก็อาจจะต้องรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าอื่น ๆ ของสหรัฐ เช่น ระเบียบการควบคุมมาตรฐานสินค้าที่มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงการเพ่งเล็งสินค้าของผู้ประกอบการจีนที่มีฐานผลิตในไทย ด้วยความเชื่อว่าจีนต้องการส่งออกสินค้าผ่านไทยเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

ผู้เชี่ยวชาญหลายองค์กรยังมองว่า หากทรัมป์ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 จะทำให้ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจของไทยหรือทั้งฝั่งเอเชียมีความผันผวน รวมถึงส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ

มีความเป็นไปได้ว่า นโยบาย American First (อเมริกันมาก่อน) ของทรัมป์ อาจทำให้การลงทุนจากต่างชาติในไทยชะลอตัวลง บริษัทสัญชาติอเมริกันอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตหรือย้ายเงินลงทุนกลับประเทศ ซึ่งคาดว่าอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากคืออุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ อาจจะขาดช่วงหรือหยุดชะงัก

นอกจากนี้ นโยบายตั้งกำแพงภาษีจีนที่สูงถึง 60% ยังจะกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ส่งผลไปถึงเงินลงทุนที่ไหลเข้าฝั่งเอเชียต้องสะดุด ค่าเงินของประเทศแถบนี้จะอ่อนตัวลง ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียจะมีมูลค่าน้อยลงและเกิดภาวะผันผวน แต่ขณะเดียวกัน ค่าเงินที่อ่อนลงอาจกลายเป็นโอกาสดีในการส่งออก และเป็นโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

หลายหน่วยงานและสถาบันทางเศรษฐกิจ-การเงินแนะนำในภาพรวมว่า ไทยจำเป็นต้องปรับตัวใหม่ รักษาสมดุลระหว่างจีน-สหรัฐ ให้ได้ นอกจากนี้ ยังต้องหาวิธีกระจายความเสี่ยงทางการค้าโดยการหาคู่ค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติม และเตรียมรับมือการเกิดภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเพราะนโยบายอันแข็งกร้าวของทรัมป์

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 36

  • Kw
    สงครามการค้ายังไม่มีคนตายเยอะเท่าสงครามอาวุธนะ ได้อย่างเสียอย่าง บ้านเราอุดมสมบูรณ์น่าจะต้องทำยังไงก็ได้ให้เลิกพึ่งพาต่างชาติมากเกินไป
    06 พ.ย. เวลา 17.25 น.
  • Sujin Sanankong
    ขนาดประเทศที่เจริญแล้วเขายังไม่เอาเด็กมาเป็นผู้นำเลย
    06 พ.ย. เวลา 20.09 น.
  • Prapot Maneerat
    จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะ..สงครามจะสงบ หรือ สงครามจะเริ่มเป็นสงครามโลกดีล่ะ. แต่ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ..คงมีแต่สงครามการค้า..
    06 พ.ย. เวลา 11.50 น.
  • Khunkea999
    ไทยกุอ้ารอเลย สินค้าทะลักทั้งคนทั้งของ กำแพงภาษีไม่มีฟรีวีซ่า 555+สบาย
    06 พ.ย. เวลา 23.45 น.
  • 😆หมู่เอกในตำนาน😆
    รอดู World War 3 ครับ
    06 พ.ย. เวลา 11.53 น.
ดูทั้งหมด