My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง
ระบำแคนแคนนายหรั่ง
: ความบันเทิงของหนุ่มๆ ในช่วงสงคราม (2)
ความบันเทิงสมัยใหม่
ในช่วงต้นทศวรรษ 2470 ในห้วงเวลาของการสร้างความทันสมัยแบบตะวันตกในไทย สถานกินดื่มสาธารณะหลายแห่งกลายเป็นความบันเทิงยามค่ำคืนที่ดึงดูดให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในพระนครมาเที่ยวด้วยการจัดเวทีเต้นรำ และการแสดงระบำยั่วยวนชวนสวาทเชิญชวนลูกค้า
จากความทรงจำของลาวัณย์ โชตามระ เล่าว่า โรงคาบาเรต์แห่งแรกของไทยชื่อโรสฮอลล์ อยู่ที่ถนนสุรวงศ์ ตั้งขึ้นราวทศวรรษ 2470 นอกจากนี้ ยังมีคณะระบำนุ่งน้อยห่มน้อยเลียนแบบตะวันตกขึ้นหลายแห่งในพระนครอีกด้วย เช่น คณะระบำแห่งสยามโฮเต็ล ที่ย่านวังบูรพา รวมทั้งคณะระบำตามตึกสูงบนถนนเยาวราช (Scot Barme, 2002, 85; วีระยุทธ ปีสาลี, 2557, 98)
จะเห็นได้ว่า ในช่วงเวลานั้น ความนิยมชมชอบของหนุ่มๆ ชาวกรุงเริ่มแปรเปลี่ยนไปจากการชื่นชมละครแบบจารีตดั้งเดิมไปสู่การชื่นชอบการกินดื่มและเต้นรำใหม่ตามแบบตะวันตกที่มีความตื่นเต้นเย้ายวนเสน่ห์ที่เปิดเผยเนื้อตัวกันมากขึ้น ดังเห็นได้จากภาพการ์ตูนล้อเลียนความนิยมเก่า-ใหม่ บนหน้าหนังสือพิมพ์รายวันในช่วงต้นทศวรรษ 2460
ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่กระแสของความนิยมใหม่กำลังก่อตัวขึ้นในสายตาของชายหนุ่มในช่วงทศวรรษ 2470 แล้ว ในบรรดากิจกรรมบนตึกสูงสมัยนั้น กิจกรรมที่ดูจะเป็นจุดขายดึงดูดความสนใจลูกค้าหนุ่มๆ ได้มากที่สุดหนีไม่พ้นระบำโป๊ที่มีนางระบำนุ่งน้อยห่มน้อยและมีแค่เพียงสิ่งของเล็กๆ ปิดส่วนสำคัญของนางระบำไว้เท่านั้น ระบำนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในสังคมไทยราวทศวรรษ 2470-2480 และระบำโป๊ที่มีชื่อเสียงแห่งยุคคือ ระบำโป๊คณะนายหรั่ง เรืองนาม หรือบ้างก็เรียกว่า ระบำมหาเสน่ห์นั่นเอง (พิศาลศรี, 116-117)
ระบำมหาเสน่ห์ของนายหรั่ง
ในราวปลายทศวรรษ 2470 อาจินต์ ปัญจพรรค์ (2470-25461) นักเขียนชื่อดัง เล่าถึงระบำโป๊นายหรั่งว่า สมัยเขาเป็นเด็กนั้น เขามีโอกาสเห็นระบำนายหรั่งที่มาแสดงงานพระปฐมเจดีย์ว่า “ข้าพเจ้าเกิดทันได้ดูหน้าโรงเคลื่อนที่ ที่แกเอาไปแสดงตามงานวัด กั้นโรงด้วยผ้า หน้าโรงยกพื้นทำเวที มีแตรวง ซึ่งนายหรั่งเป็นคอนดักเดอร์เอง” (อาจินต์, 2519, 115)
เช่นเดียวกับวราห์ โรจนวิภาต ชาวฝั่งธนบุรี เล่าเสริมว่า สมัยวัยเด็กเขาเคยติดตามพ่อไปดูระบำนายหรั่งครั้งแสดงยังงานวัดประยุรวงศาวาส เขามีความเห็นว่า “จากสายตาเด็กอย่างเราที่เข้าไปดูขณะนั้นก็ไม่เห็นว่าจะโป๊มากมายอะไร”
วราห์ หวนความทรงจำต่ออีกว่า “ตัวแสดงมีหลายคน แต่งตัวหลายแบบ ที่เข้าไปดูวันนั้นเป็นช่วงสุดท้ายของรอบการแสดง…ตอนนั้นผู้แสดงแต่ละคนแต่งกายกิโมโน บางคนก็สวมเสื้อคลุมอย่างที่จะเข้าห้องอาบน้ำหรือเสื้อคลุมอย่างชุดเตรียมเข้านอนนั่นแหละ เดินออกมาหลืบข้างเวทีแล้วมายืนกลางเวทีเปิดเสื้อคลุมซ้ายทีขวาที เอามือข้างที่ไม่ได้เปิดปิดไว้ สุดท้ายก็เปิดทั้งสอง ก็ไม่ได้เห็นอะไร เพราะตัวแสดงเอาช่อดอกไม้ (ดอกเฟื่องฟ้า) มัดเป็นช่อผูกบั้นเอวปิดบังของสงวนเอาไว้ จากนั้นก็เดินเข้าโรงไป” (วราห์ โรจนวิภาต culture.bsru.ac.th/wp-content)
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า การแสดงเปิดวับๆ แวมๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่สมัยนั้นคงจะนั่งอ้าปากหวอตาค้างหรือนั่งเกร็งกันเลยทีเดียว
ความแพร่หลายของระบำโป๊ ในช่วง 2476 ทำให้มีการตั้งคณะระบำโป๊ขึ้นมาแข่งขันกันขึ้นและมีการแสดงที่เร้าใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก เรียกกันว่า ระบำจ้ำบ๊ะ โดยมุ่งตลาดผู้ชมระดับชาวบ้าน มีการเปิดการแสดงครั้งแรกในงานวัดชนะสงคราม เก็บค่าชมคนละ 1 บาทต่อคน แต่สุดท้าย ตำรวจทนไม่ไหวต้องบุกจับยุติการแสดงด้วยผิดกฎหมายบ้านเมือง (วีระยุทธ ปีสาลี, 2557, 102)
สำหรับลูกค้าหญิงคนหนึ่ง จุรี โอศิริ นักร้องวงสุนทราภรณ์เคยเข้าชมระบำนายหรั่ง เธอได้บรรยายถึงลักษณะของการแสดงคณะระบําโป๊คณะนายหรั่งว่า “ตาหรั่งเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครรู้แน่ชัด รู้กันแต่ว่า ตาหรั่งเป็นเจ้าของคณะระบําโป๊ หน้าโรงจะมีป้ายใหญ่เห็นเด่นชัดว่า ระบําคณะนายหรั่ง เรืองนาม…คืนหนึ่งจะเล่นสามรอบ รอบทุ่ม รอบสามทุ่ม และรอบมิดไนต์ รอบพิเศษสองยามนั้นห้ามผู้หญิงสาวและเด็กดู” (จุรี, 109-110)
ระบำโป๊ของนายหรั่งเป็นเช่นไรนั้น จุรีเล่าต่ออีกว่า รอบการแสดงระบำของนายหรั่งมี 4 รอบ รอบทุ่ม สามทุ่ม รอบเที่ยงคืน และรอบพิเศษสองยาม โดยทั่วไปการแสดงระบำจะแสดงเป็นรีวิว มีแทรกมุขตลก มีการเล่นกลบ้าง แต่สำหรับ “รอบพิเศษสองยาม ห้ามผู้หญิงสาวและเด็กดู ระบำของนายหรั่งเล่นแบบรีวิว มีตลกแทรก มีเล่นกลบ้าง ชุดสุดท้ายซึ่งเป็นชุดสำคัญ นางระบำทั้งหมู่จะออกมาเต้นส่ายคล้ายระบำฮาวาย ดนตรีแตรวงจะบรรเลงจังหวะตั้งแต่ช้าๆ ก่อนเร่งเร้าเร็วขึ้น ตาหรั่งก็จะเต้นขยับรับจังหวะกับนางระบำ ถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เขี่ยกระโปรงสั้นของนางระบำให้เห็นแบบวับๆ แวมๆ เขี่ยตรงนั้น เขี่ยตรงนี้ ทำตลกโลน เขี่ยวนไปทุกจุด คนดูจะฮากัน เขี่ยไปเขี่ยมาผ้าค่อยๆ หลุดไป จนเหลือแต่กางเกงใน” (จุรี, 110)
ไม่แต่เพียงเท่านั้น ในรอบพิเศษสองยามนั้น จุรีเล่าถึงไฮไลต์ของการแสดงชุดดึกว่า นางระบำ “ลืมนุ่งกางเกงในเสียเฉยๆ” ผู้ชมแถวหน้าถึงกับนั่งน้ำลายไหลยืด คนดูเสริมแน่น นายหรั่งยิ่งคึกนำเสนอสนองตัณหาของผู้ชมหนักยิ่งขึ้น (จุรี, 110) นายหรั่งเคยให้สัมภาษณ์ถึงลักษณะทั่วไปของผู้ชมไว้ว่า ผู้ชมระบำของเขามิได้มีแต่ผู้ชายเท่านั้น แต่มีผู้ชมหญิงเข้าชมด้วยเป็นปกติ เขาเล่าว่า เวลานางระบำโป๊นั้น ผู้ชมสตรีจะหลบๆ ตา (อาจินต์, 2519, 128)
สําหรับการแสดงระบำโป๊นั้น ในช่วงแรกนางระบำจะนุ่งสั้น วับๆ แวมๆ แล้วเต้นเข้ากับจังหวะเสียงกลองด้วยท่าทางลีลายั่วยวนปลุกใจเสือป่า เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชม เมื่อปลุกเร้าความสนใจของผู้ชมพอสมควร จากนั้นนายหรั่งจะจูงนางระบำเข้าโรงไป โฆษกเวทีจะประกาศเชิญชวนให้บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ผู้หิวกระหายใคร่รู้ยอมจ่าย ค่าชมคนละ 1-2 บาท เมื่อการแสดงบนเวทีเริ่มขึ้น นางนุ่งสั้นเปิดเผยสัดส่วนของเรือนกาย มีเครื่องประดับแวววาว แต่ไม่สวมชุดชั้นใน ออกมาเต้นตามจังหวะให้เห็นวับๆ แวมๆ ให้ชมอีก
ยิ่งดึกเท่าไร นางระบำก็จะยิ่งเปลื้องผ้าออกทีละชิ้น ในที่สุดก็ไม่หลงเหลือเสื้อผ้าอีกเลย เปลือยทรวงอกที่มีเพียงอะไรเล็กๆ ปิดที่หัวนมทั้ง 2 ข้าง และใบตองปิดไว้ตรงอวัยวะเพศเหมือนจับปิ้ง ผู้ชมแถวหน้าสุดเห็นอย่างชัด บางครั้งก็มีผู้หญิงสวมเสื้อคลุมเตรียมจะเข้าห้องน้ำเดินออกมายืนกลางเวทีแล้วเปิดเสื้อคลุมซ้ายทีขวาที จนท้ายที่สุดเปิดเสื้อคลุมทั้งสองให้ปรากฏแก่ผู้ชม (พีรพล แสงสว่าง และอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ, 2559, 101) สำหรับเสื้อผ้าของนักแสดงนั้น นายหรั่งเคยให้สัมภาษณ์ถึงเครื่องแต่งตัวต่างๆ ของสมาชิกในคณะนั้น เขาเป็นคนคิดออกแบบเอาเอง ด้วยการออกแบบผสมผเสกันไปมา (อาจินต์, 2519, 129)
มีผู้เล่าอีกว่า บ่อยครั้งที่นายหรั่งเข้าร่วมแสดงกับนางระบำด้วย เช่น เมื่อนางระบำนอนราบกลางเวทีแล้วยกแข้งยกขาสลับกัน นายหรั่งจะเข้าไปนั่งทำท่าก้มๆ เงยๆ แล้วทำท่าดมกลิ่นแล้วจึงโบกมือไปมา เพื่อบอกให้ผู้ชมทราบว่า เป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์
การแสดงหนึ่งที่เรียกเสียงเฮลั่นจากผู้ชมคือ นางระบำหญิงแต่ละคนเลิกกระโปรงของตนแล้วเอามาชนกับของนางระบำอีกคนหนึ่ง เรียกกันสนุกปากกันว่า “ทำยุทธหัตถี” (พีรพล และอาชญาสิทธิ์, 102)
https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ระบำแคนแคนนายหรั่ง : ความบันเทิงของหนุ่มๆ ในช่วงสงคราม (2)
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichonweekly.com