โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

Welcome to Hotel PARADISE

นิยาย Dek-D

อัพเดต 26 พ.ค. 2567 เวลา 15.46 น. • เผยแพร่ 26 พ.ค. 2567 เวลา 15.46 น. • 0000013
Welcome to Hotel PARADISE
ในวันที่โลกล่มสลาย สถานที่อยู่อาศัยล้วนไม่ปลอดภัย คุณยังสามารถพักผ่อน ย่อนใจ และรู้สึกปลอดภัยเมื่อยู่ใน PARADISE ได้อยู่นะ

ข้อมูลเบื้องต้น

"ยินดีตอนรับสู่ Hotel PARADISE ครับ"

ในวันที่โลกล่มสลาย สถานที่พักอาศัยล้วนแต่ไม่ปลอดภัย

ทั้งซอมบี้ สัตว์กลายพันธุ์ และมนุษย์ที่นิสัยเลวทรามล้วนแต่เป็นภัยคุกคามชีวิต

คุณยังสามารถพักผ่อน ย่อนใจ สบายใจ และรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใน PARADISE ได้อยู่นะ

"ไม่ทราบว่าต้องการห้องพักแบบไหน และพักกี่วันครับ?"

คำเตือน

เนื้อหามีการบรรยายฉาก เลือดสาด / การฆ่า / การตาย / การทารุณ

เนื้อหามีการ ใช้ความรุนแรง / การบังคับขู่เข็น / คำหยาบคาย

ปอลิง. นายเอกไม่ได้ทะลุมิติ ไม่ได้ย้อนเวลา ไม่ได้ฉลาดมากมาย แต่เป็นลูกรักไรท์แค่นั้นเอง

**** ตารางอัพไม่เป็นเวลาครับ แต่จะพยายามอัพให้บ่อยที่สุดครับ ****

** มีการติดเหรียญล่วงหน้า ราคา 2 เหรียญตั้งแต่ตอนที่ 15 (ปลดฟรีตามวันเวลาที่ระบุในชื่อตอน)

*การซื้อล่วงหน้าเป็นการซื้อถาวร เมื่อนิยายจบจะติดเหรียญถาวร+อัพราคา คนที่ซื้อล่วงหน้าไปไม่ต้องซื้อซ้ำ

นิยายไรท์เป็นนิยายที่สร้างขึ้นจากจินตนาการ

ไม่ได้ต้องการพาดพิงถึงสถานที่ บุคคล หรืออะไรก็ตาม

กรุณาปล่อยวางและอ่านเพื่อความบันเทิง

หากเจอคำผิดหรือคำตกหล่น สามารถแจ้งไรท์ได้ครับ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและสนับสนุน

รักษาสุขภาพกายและใจด้วย เลิฟฟฟฟฟ ม๊วฟฟฟฟฟ

Hotel PARADISE 1 (1/2)

ในวันที่โลกล่มสลาย….

ผู้คนมากมายต่างดิ้นรนเพื่อให้รอดจากความตาย สถานที่ที่เป็นเหมือนบ้านหรือที่พักที่ปลอดภัยกลับหาได้ยากยิ่งกว่าสิ่งใด อาหารและน้ำดื่มยังพอหาได้ แต่สถานที่ที่จะให้เราได้นอนอย่างสบายใจ ไร้สัตว์กลายพันธุ์และซากศพวิ่งได้ ที่หมายจะรุมกัดกินเนื้อของคุณซึ่งมีทุกหนทุกแห่งกลับหาได้ยากยิ่งกว่า

เพียงแต่ที่นี่มีให้คุณ

Hotel Paradise สถานที่ในฝันของผู้คนในวันสิ้นโลก เป็นดังสรวงสวรรค์ดั่งชื่อของมัน น้ำ อาหาร ไฟ และข้าวของต่างๆสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ ราวกับภายในสถานที่แห่งนี้ถูกหยุดไว้ ให้อยู่ในช่วงก่อนที่โลกจะแปรเปลี่ยนไป

นอกจากนั้น H.P. ที่ผู้คนต่างเรียกเป็นชื่อย่อสั้นๆ ก็เป็นสถานที่ที่ทำให้คนที่มาพักต่างก็อุ่นใจ เนื่องจากว่าเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่ไร้ซากศพวิ่งได้ที่หมายจะกัดกินคุณ ไร้สัตว์กลายพันธ์ที่แกร่งยิ่งกว่าซอมบี้ทั้งหลาย และเหล่าต้นไม้ใบหญ้าร่วมไปถึงดอกไม้ต่างก็เป็นเช่นปกติ ไม่ใช่กลายพันธุ์เป็นพืชที่เอะอะก็จับพวกผู้รอดมาโยนเข้าปากไม่เว้นวัน

สรวงสวรรค์ที่ใครๆต่างก็เฝ้าฝันถึง

และสถานที่ดังกล่าว มันเป็นของผมเอง

ใช่!

ย้อนไปเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อนหน้านี้……

ปึก!

“ไอ้ลูกเทวดา~ ไอ้ลูกเจ้าคนนายคน เสด็จตื่นมาแดกข้าวจ้า!!”

เสียงเตะที่นอนที่ชั้นล่างทำเอา อิม สะดุ้งตื่นเฮือกใหญ่ ร่างเล็กของชายหนุ่มอายุราวๆ 17-18 ปีลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะมองลงจากเตียงตัวเองมาที่เตียงชั้นล่าง ซึ่งเป็นที่นอนของพี่สาวฝาแฝดของเขาเองนามว่า ริม

จะบอกว่าเป็นแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันพอควรก็ว่าได้ แต่นิสัยต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพราะพี่สาวอย่างริมมีท่าทางห้าวหาญ แถมยังเก่งชกต่อยมีเรื่องกับผู้ชายในโรงเรียนไปทั่ว กลับกันอิมนั่นเป็นน้องชายที่แสนเฉื่อยชา ขี้เกียจ และไม่ค่อยชอบออกไปเข้าสังคมเท่าไร

ทั้งสองคนเป็นเด็กที่ป้าแนขอรับเลี้ยงมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนนั้นทั้งคู่เป็นเด็กแฝดอายุเพียงแค่ 4-5 ขวบไร้ครอบครัวอยากเอาไปเลี้ยง เนื่องจากพี่สาวอย่างริมไม่ยอมปล่อยมือจากคนเป็นน้อง ทั้งยังเอ่ยว่าถ้าจะเลี้ยงต้องเลี้ยงทั้งสองคน ป้าแนที่ไม่มีสามีเป็นคนใจดีบวกขยัน เจ้าตัวไม่มีลูกและรู้สึกถูกใจพวกเขาสองคนจึงรับมาเลี้ยงดูทั้งคู่

น่าเสียดายที่ป้าแนดูแลพวกเขาได้เพียงแค่ 11-12 ปี ท่านก็จากไปด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่เพิ่งตรวจพบ เจ้าตัวไม่อยากให้เอาเงินที่มีอยู่มารักษาตัวเองที่รู้ว่ายังไงก็คงไม่หาย สุดท้ายปีต่อมาหลังตรวจพบก็จากไป เหลือทิ้งไว้เพียงแค่เด็กฝาแฝดสองคนที่ต้องดูแลตัวเองในวัย 17 ย่าง 18 ปี

“ริม วันนี้กินอะไร?”

“ข้าวผัดกิมจิ ไข่ลวกคนละฟอง วันนี้ฉันต้องเข้ากะนายกลับมาก็อย่าลืมทำงานบ้านด้วยละ”

“อือ”

อิมปีนลงจากเตียงเดินออกจากห้องนอนที่มีแค่ห้องเดียว ไปจัดการล้างหน้าล้างตาและทำธุระของตัวเอง ก่อนจะกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียน เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทาออกมาจากห้องเพื่อไปที่โต๊ะกินข้าวซึ่งตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น โดยข้างๆกันมีครัวเล็กแบบเปิดผ่านการใช้งานอย่างหนักทว่าก็ดูสะอาดสะอ้านอยู่

“รีบกินแล้วก็รีบไปโรงเรียน เดี๋ยวฉันไปก่อน วันนี้มีเวรเช้า นายก็อย่าชักช้าละ!” ริมที่อยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้วเอ่ยบอกน้องชายจอมขี้เกียจของตัวเอง นอกจากนั้นก็ไม่ลืมยื่นกล่องข้าวกลางวันไปให้อิม ที่กำลังตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างเชื่องช้าเพื่อเตือนให้อีกฝ่ายเอาไปด้วย

“อือ ขอบใจมาก เดี๋ยวจะรีบนะ”

“อืม งั้นไปละ เจอกันที่โรงเรียน”

อิมได้ยินเสียงปิดประตูห้องแล้วก็ลืมตาที่ไม่ค่อยจะเปิดดีเท่าไรขึ้น สายตาคู่อ่อนกวาดมองรอบตัว เห็นห้องเช่าขนาดเล็กที่สองพี่น้องต้องย้ายเข้ามาอยู่หลังเสียป้าแนไป ก็อดรู้สึกเศร้าใจนิดๆไม่ได้

เมื่อก่อนพวกเขาก็ได้อยู่ในบ้านที่มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องนั่งเล่นอยู่หรอก แต่เนื่องจากบ้านของคุณป้าโดนพี่ชายที่ไม่เคยสนใจป้ากลับมาทวงคืน และป้าแนไม่ได้เขียนบอกว่ามอบบ้านให้ใคร สุดท้ายมันจึงตกเป็นของพี่ชายคนดังกล่าว

ทั้งสองฝาแฝดจึงต้องระเหนออกมาหาห้องเช่าเล็กๆอยู่เพราะโดนลุงคนนั้นไล่ออกมา ต้องอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันแม้จะเป็นเตียงสองชั้น แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวน้อย โชคดีที่ทั้งสองคนรู้ไส้รู้พุงกันอยู่แล้วจึงไม่ได้อะไรมาก เพราะรู้ว่าอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด

อีกอย่างใช่ว่าจะเลือกได้ซักหน่อยนิ?

เงินที่ป้าแนมีเหลือให้เป็นเงินประกันที่พอเอามาคำนวณดู ก็เพียงพอแค่ไว้เป็นค่าเทอมเพื่อให้ทั้งสองคนเรียนจนจบมหาลัยเท่านั้น ค่าอย่างอื่นก็ต้องหาเพิ่มทำให้สองแฝดต้องหางานทำเพื่อเอารายได้มาใช้

ริมเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะทำกะเช้าในวันหยุดเสาร์-จันทร์ ก่อนจะทำกะกลางคืนในวันอังคาร-พฤหัส ส่วนวันศุกร์เจ้าตัวได้หยุดไม่ต้องไปทำ แต่ก็จะไม่ได้เงิน เพราะร้านสะดวกซื้อจ่ายเป็นรายวัน

อิมทำงานที่ไม่ค่อยออกไปข้างนอกอย่างทำรายงานให้เพื่อน หรือรับตรวจเอกสารที่ได้งานมาเรื่อยๆนั่งนอนทำอยู่บ้านเอา

เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอออกไปพบคนเท่าไร เขาชื่นชอบจะนอนอยู่บนที่นอน ไถ่มือถือหรือโน้ตบุ๊คเช็คหรือดูอะไรไปเรื่อยๆมากกว่า และเพราะความขี้เกียจออกไปและอยากทำงานบนที่นอน อิมจึงเลือกงานทำรายงานจากเพื่อน รุ่นน้อง หรือรุ่นพี่มาตั้งแต่อายุน้อยๆแล้ว

ริมเคยบอกว่าคนที่ทำงานนี้ได้มีแค่อิม เพราะเขาเป็นพวกขี้เกียจจะออกไปข้างนอก แถมยังมีความฉลาดเรียนเก่งกว่าเจ้าตัว ริมก็ไม่ชอบงานที่ต้องใช้สมองเท่าไรเพราะเป็นพวกพลังล้นเหลือ กระตือรือร้นแบบแบตไม่มีวันหมดยังไงยังงั้น ทำให้งานแบบอิมไม่เหมาะกับเจ้าตัวเท่าไร จึงออกไปทำงานข้างนอกบ้านแทน

แกร็กๆ

อิมกินข้าวเสร็จก็ล้างจานชามวางไว้ มือเรียวกว่าผู้หญิงและนุ่มนิ่มกว่า เพราะไม่ได้ใช้งานออกแรงมากหยิบกล่องข้าวมาใส่กระเป๋า จากนั้นก็หยิบกุญแจห้องที่ตัวเขาเป็นคนถือเสมอ เนื่องจากเป็นคนติดบ้านที่สุดมาด้วย เท้าเล็กสวมรองเท้าผ้าใบก่อนจะปิดประตูล็อคให้เรียบร้อย ลงจากหอพักเดินไปโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลแทน

ระยะทางจากหอที่ทั้งสองอาศัยอยู่ ห่างจากโรงเรียนแค่ 400 เมตร ทำให้เดินไปแปบเดียวก็ถึงไม่ต้องรีบมากมาย ส่วนวันไหนที่มีเวรก็แค่ออกเช้าหน่อย แน่นอนว่าคนที่ลากอิมออกมาจากที่นอนก็เป็นริมนั่นแหละ

กริ๊ง~

เสียงกริ้งพักเที่ยงดังแล้วหลังจากที่ถึงเวลาพักกลางวัน ช่วงเช้าอิมเดินจากห้องมาที่โรงเรียนทันตามสเต็ปคนขี้เกียจ ที่มักออกช้าและเดินเฉือยเหลือเกินจนเพื่อนๆรู้ทัน ริมเห็นว่าอิมมาทันพอดีก็มักจะอดดุไปทีไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเรียกว่าไม่ทันแล้ว

แต่มีเหรอที่อิมจะสนใจ เจ้าตัวก็ยังเฉื่อยชาพยักหน้าบอกว่าไม่ทำแล้วรอบที่ล้าน จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเองและเปิดโน้ตบุ๊ค นั่งทำงานที่ถูกส่งมาอย่างเฉื่อยๆเหมือนเคย

“อิม ไปกินข้าวกัน!”

เสียงของ คิม หรือ ยงวอนคิม เพื่อนสนิทที่อยู่คนละห้องที่อิมสนิทด้วยสุดเอ่ยขึ้น เขาเก็บของเข้ากระเป๋าก่อนจะตอบเสียงเบาตามสไตล์ ขาเรียวลุกจากเก้าอี้พาร่างผอมเพรียวจนเกือบบางแทบปลิวลมเดินตีคู่ไปกับเพื่อน และไม่ลืมหยิบกล่องข้าวไปกินที่โรงอาหารด้วย

“พี่สาวนายละ?”

“ไปกินกับเพื่อนมั้ง” อิมยักไหล่พร้อมตอบกลับไปอย่างช้าๆ

เขาพอรู้ว่าเพื่อนคิมชอบพี่สาวฝาแฝดตัวเองอยู่ คิมเป็นชายร่างสูงกว่าเขาไม่น้อย ดูราวๆน่าจะ 178-179 ซม. ใบหน้าดูดีคมเข้ม ผิวสีแทนนิดๆเหมือนผู้ชายที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ซึ่งอิมรู้ว่าเจ้าคิมเนี่ยไม่ใช่สเปคของพี่สาวฝาแฝดตัวเองเลย

ไม่สิ

เรียกว่าผู้ชายทั้งโลก ไม่ใช่สเปคของริมมากกว่า เพราะว่าริมชอบผู้หญิงยังไงละ

และใช่อีกแล้ว

อิมก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงหรือเพศตรงข้าม แต่ชอบเพศเดียวกันอย่างผู้ชายนั่นเอง

ฝาแฝดทั้งสองรู้ความชอบตัวเอง และเพียงแค่มองตากันก็รับรู้ทันที ว่าพวกเขาเป็นเกย์ที่ชอบเพศเดียวกันเหมือนอีกคน

ดั่งคำว่า ‘ผีย่อมเห็นผี’ แต่นี่พี่น้องฝาแฝดที่มองตาก็รู้ความชอบ หรือนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดีแล้วมากกว่าแทนไม่ใช่ผีแต่อย่างใด

“ริมยังไม่มีแฟนใช่ไหม ปีหน้าจะจบม.6 แล้ว กูจะขอเป็นแฟนกับริม มึงเอาใจช่วยกูด้วยนะ” คิมเอ่ยออกมาอย่างตั้งมั่น

อิมเห็นแบบนั้นก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไงดี จะให้กำลังใจก็ดูจะไม่ดีเท่าไร เพราะเขารู้รสนิยมของพี่สาวฝาแฝดตัวเองดี แต่จะให้บอกตัดใจเพราะริมไม่ชอบผู้ชาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสามารถเอาไปบอกใครได้ เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัว ต้องให้เจ้าตัวพูดเองถึงจะดีกว่า

“คิม แต่มึงไม่ใช่สเปคของริมนะ”

“มึงบอกกูหลายรอบแล้วนะประโยคนี้ ถ้าไม่บอกชอบไปก่อนจะรู้ได้ไงว่าริมไม่ชอบกู เอาเป็นว่ากูขอลองก่อนถ้าริมปฏิเสธชัดเจน กูจะให้มึงมาย้อมใจด้วยไอศกรีมแท่งหนึ่งแล้วกัน” คิมได้ยินประโยคเดิมๆที่เพื่อนบอกมาหลายปี ก็ได้แต่เอื้อมมือไปตบไหล่บางของอิม

สีหน้าอิมได้แต่ปลงเพราะบอกไปร้อยรอบ คิมก็พูดว่าขอลองก่อนๆตลอด จน 3 ปีแล้วไม่เห็นยอมสารภาพออกไปซักที แต่ในเมื่อเขาเตือนไปแล้วแต่เจ้าตัวยังอยากจะทำ ก็ตามใจเถอะ!

เลิกเรียนริมก็ไปทำงานต่อเลยไม่ได้กลับห้อง ส่วนอิมเดินกลับห้องพักอย่างช้าๆ เมื่อถึงก็ทำอาหารเย็นไว้รอริมกลับมากินตอนเลิกงาน ซึ่งก็คงจะหลังเที่ยงคืนนู่น

เมื่อกินข้าวคนเดียวเสร็จ อิมก็ไปนั่งทำงานต่ออีกราวๆ 1-2 ชั่วโมง ทำงานเสร็จก็อาบน้ำและนอนหาอะไรดูไปเรื่อยๆจนในเวลาราวๆ 23.00 น. เสียงข้อความจากแชทของฝาแฝดตัวเองก็ดัง

ติ๊งๆ

{อิม ที่บ้านหมอกลงมั้ย ตอนนี้ที่ทำงานหมอกลงเยอะมาก หมอกมันลงจนไม่เห็นอะไรเลย พี่ว่ามันแปลกๆนายอย่าออกจากบ้านนะ}

หือ?

อิมอ่านข้อความแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ เขาลุกจากเตียงปีนลงไปยืนที่ข้างหน้าต่างเพื่อเปิดม่านดู ปรากฏว่าภาพที่ควรเป็นภาพถนนและซอยเล็กๆ พอจะให้เห็นประตูเข้าบ้านฝั่งตรงข้าม ตอนนี้กลับมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะมีอะไรที่มีลักษณะควันขาวๆปิดบังทุกอย่างไว้

แม้จะแปลกใจแต่อิมก็ไม่ได้เปิดหน้าต่างออกไปดู เขายังมองนอกหน้าต่างอย่างสงสัย เพียงไม่นานความง่วงก็ตีเข้าที่ตัวเอง เปลือกตาค่อยๆปิดลงสติสุดท้ายของอิม ทำให้เขายกมือถือขึ้นมามองหน้าจอเพื่อดูเวลา

23.23 น.

แปลกมากที่เขาง่วงตอนนี้

ปกติเขานอนหลังเที่ยงคืนครึ่งหรือก็คือตี 1 ทุกวัน แต่วันนี้ยังไม่ถึงเที่ยงคืนความง่วงก็เข้ามาควบคุมเขาแล้ว อิมอ้าปากหาวก่อนเปลือกตาสีนวลจะปิดลง

ร่างเล็กหล่นตุบลงพื้น ปล่อยโลกภายนอกให้โดนหมอกประหลาดครอบคลุมทุกพื้นที่ สิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์ที่สนใจหมอก และอยู่ภายนอกหรือที่สัมผัสกับหมอกก็ค่อยๆแปลกไป ส่วนคนที่ไม่ออกไปโดนหมอกเพราะกังวล กลัว หรือไม่สามารถออกไปดูได้เนื่องจากติดอะไรหลายๆอย่าง ก็สลบกลางอากาศไปไม่ต่างกับร่างเล็กของอิมเช่นกัน

ปี้ดดดดดดดดดด~

โครม!

ตู้ม!!

ทั่วโลกเกิดเรื่องแปลกประหลาด ในเวลา 23.23 มีปรากฏการณ์หมอกหนาลง ผู้คนที่ออกมาสัมผัสหมอกต่างแปลกไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ร่างกายชักเกร็งก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น เนื้อตัวบิดไปมาเพียงไม่ถึง 10 วินาที จากนั้นมันก็กระตุกๆก่อนดวงตาจะกลายเป็นสีขาวขุ่น อ้าปากกว้างแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามในคอราวกับสัตว์ประหลาด

ร่างของสัตว์และมนุษย์ที่โดนหมอกนี้เข้าไปเป็นแบบนี้กันทุกคน….

จากนั้นพวกมันก็ลุกขึ้นมาเดินแตร่ไปหาร่างมนุษย์ หรืออะไรก็ตามที่สลบอยู่ไม่ไกลและไม่มีอาการแบบเดียวกัน จากนั้นพวกมันก็กัดกระชากส่งเสียงคำรามสุขใจยามที่ได้กินเนื้อสดๆ เลือดไหลกระฉูดจากการกัดกิน ดูเอร็ดอร่อยซะเหลือเกิน ส่วนคนที่โดนกัดกิน ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าโดนรุมกินโต๊ะอยู่

เวลา 23.30 น.

ทั่วโลกเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากผู้ที่อยู่ในรถต่างก็สลบไปไม่รู้ตัว คนที่อยู่ในอาคารและบ้านก็เป็นเช่นกัน ตัวหมอกที่ปรากฏช่างแปลกประหลาดยิ่งกว่าอะไร มันไม่ได้เข้าไปอาคารแม้จะเปิดหน้าต่าง หรือเปิดประตูบ้านอยู่

มันอยู่เพียงข้างนอกอาคาร นอกตัวรถ รอเพียงให้มนุษย์หรือสัตว์ออกมาเจอมันเอง ก่อนมันจะทำให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไล่กัดกินเนื้อมนุษย์ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนอนใกล้ๆตัวของพวกมันทั้งหลาย จากนั้นร่างที่โดนกัดกินก็ค่อยๆลุกขึ้นมา ทำท่าทางราวกับสัตว์ประหลาดที่พุ่งหาเนื้อสดไม่ต่างจากตัวอื่นๆ

จากนั้นทั่วโลกก็เริ่มรับรู้ ว่าวันสิ้นโลกได้เกิดขึ้นแล้ว……..

// ยินดีตอนรับสู่วันสิ้นโลกครับ

Hotel PARADISE 1 (2/2)

ครืดดด~ ครืดดด~

เสียงสั่นของมือถือทำให้อิมค่อยๆรู้สึกตัว ร่างเล็กของเด็กหนุ่มพลิกตัวจากที่นอนคว่ำหน้าเป็นนอนหงาย ดวงตาปรือๆของอิมมองกวาดรอบตัวพบว่าตัวเขายังอยู่ในห้องตัวเอง เพียงแต่แปลกใจที่เขานอนอยู่บนพื้นข้างหน้าต่างได้ยังไงมากกว่าแทน

เมื่อลองทบทวนความทรงจำแล้วนึกขึ้นได้ว่า

เมื่อคืนมีข้อความจากริมเรื่องหมอกแปลกๆที่ลงหนาด้านนอก พอเขามาลองยืนดูผ่านหน้าต่างก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายส่งมาบอกจริงๆ จากนั้นไม่กี่วินาทีอิมก็ง่วง ดวงตาค่อยๆปิดลง และหมดสติไปกลางอากาศเลย

“อึก ทำไมหลับกลางอากาศ? หรือเรานอนไม่พอจนตัวเองชัตดาวน์?”

อิมพึมพำกับตัวเองก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเอง ให้ลุกขึ้นมานั่งใช้หลังพิงกำแพงห้องที่อยู่ใต้หน้าต่าง เพราะยังไม่อยากลุกจากพื้นเนืองจากยังรู้สึกมึนหัวและไม่ค่อยมีแรงเท่าไรอยู่

ติ๊งๆๆ!

เสียงข้อความเข้าของมือถือเรียกสติของอิมให้ค่อยๆกลับมา มือเรียวเอือมไปหยิบมาก่อนจะเห็นว่า มันเป็นข้อความจากริมและคิมที่ส่งเข้ามาหลายข้อความ

นิ้วเรียวกดเข้าไปอ่านข้อความของฝาแฝดตัวเองก่อน จากนั้นดวงตาของอิมก็งุนงง และสับสนยิ่งกว่าเดิมกับข้อความของริมที่ส่งมาบอกว่า

{อิม ฉันสลบไปแบบไม่รู้ตัวเลย!}

{อิม ฉันว่าโลกมันบ้าไปแล้ว พอฉันตื่นมาข้างนอกก็มีแต่พวกแปลกๆ มันท่าทางเหมือนไม่มีสติเดินมาชนประตูร้านไม่ยอมหยุด มันหน้าตาเละเทะ เนื้อตัวบางส่วนก็แหวงมีเลือดไหลออกมา เหมือนซอมบี้ในหนังเลย!}

{อิม แย่แล้ว! ตอนนี้ริมอยู่ที่หลังร้าน ที่ร้านโดนพวกมันรุมล้อมเต็มไปหมด ฉันกำลังหาทางออกไปอิมอย่าออกจากห้องนะ ห้ามส่งเสียงอยู่เงียบๆไว้แล้วริมจะหาทางกลับไปช่วย!}

{ระวังตัวด้วย รอริมก่อนนะ!}

{ไอ้อิม อยู่ๆกูก็สลบไปตอนซดมาม่า มึงมันแปลกมาก!}

{เหี้*เอ้ย! ไอ้อิมมึงห้ามออกจากห้องนะ โลกมันบ้าไปแล้ว มีคนลุกมากัดเนื้อกันด้วย}

{อิมมึงอย่าออกมาจากห้องนะ มึงดูแลตัวเองดีๆอย่าตายนะ!}

{อิมถ้ามึงยังอยู่ก็ตอบกลับด้วย!}

อิมอ่านข้อความของทั้งสองคนที่ส่งเข้ามาก็ได้แต่สบสน

สรุปแล้วมันเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมทั้งสองคนส่งข้อความแปลกๆชวนสับสนมากๆมาแบบนี้ แล้วทุกคนก็สลบเหมือนกันหมดเลย แถมตื่นมาก็เจอเรื่องแปลกเหมือนพล็อตหนังวันสิ้นโลกที่เขาเคยดูซะงั้น?

“อ้ากกกกก!!”

เสียงร้องของคนดังขึ้นอยู่ไม่ไกล อิมได้ยินก็สะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมองหาเสียง เมื่อรับรู้ว่ามาจากข้างนอกอิมก็ค่อยๆลุกจากพื้น เยี่ยมหน้าขึ้นมามองที่ขอบหน้าต่าง ก่อนดวงตากลมโตกว่าริมจะต้องเบิกกว้าง เมื่อมองออกไปนอกห้องบนถนนที่เคยเป็นซอยเล็กๆข้างหอพักของตนแล้วพบว่า

มีร่างมนุษย์คนหนึ่งกำลังโดนมนุษย์ท่าทางแปลกๆหลายคน รุมกระชากเนื้อหนังออกมากินอย่างตะกละตะกลาม เลือดสีแดงไหล่บนพื้นและกระเซ็นไปโดนทั้งพวกที่รุมกินเนื้อของชายคนนั้นอยู่ และเลอะอยู่บนกำแพงบ้านของฝั่งตรงข้าม

ฟึบ!

อิมรีบทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้มือปิดปากตัวเองไว้ ดวงตาเบิกกว้างเพราะอาการตกใจ หัวใจที่อยู่ในอกเต้นรัวๆเหมือนกับร่างกายไปวิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก

ตึกๆๆๆๆ

“เกิดเรื่องบ้าอะไรกัน?” อิมสบถเบาๆ ก่อนจะรีบพลิกมือถือของตัวเองมาลดเสียงและปิดเสียงทั้งหมดไว้ก่อน

นิ้วเรียวเลือกเข้าไปดูข่าวในเน็ตหรือเพจต่างๆ แต่เมื่อเข้าไปก็พบว่าทุกคนต่างก็โพส และลงคลิปวิดิโอคนโดนรุมกินโต๊ะกันมากมาย อิมสไลด์หน้าจอขึ้นเรื่อยๆทุกแอคเคาน์ต่างก็โพสแบบเดียวกันหมด

ทุกเพจ ทุกแอพ ทุกที่บนโลก!

“เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!” อิมยกมือขยุ้มหัวอย่างคนสิ้นสติ ดวงตาไหววูบมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น ภาพที่เห็นเมื่อครูยังติดตาทำให้หัวใจของอิมเต้นรัวๆยิ่งกว่าอะไร สองหูนอกจากเสียงข้างนอกบนถนนที่พอจะได้ยินอยู่แล้ว ก็มีเสียงหัวใจตัวเองนี่ละที่เต้นดังกระแทกหูไม่หยุด

กรี๊ดดดด!!

ปัง!

ปังๆ!

“ใครก็ได้ เปิดประตูที ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”

เสียงกรี๊ดร้องและเสียงทุบประตูรัวๆดังขึ้น อิมสะดุ้งเฮือกใหญ่เพราะเสียงมันมาจากฝั่งขวามือดูห่างออกไปไม่น้อย ทว่าผนังที่หอพักนี้ไม่ได้หนาจนเก็บเสียงทำให้อิมได้ยิน และรับรู้ว่าหญิงสาวที่กรีดร้องและทุบประตู กำลังไล่ทุบประตูของชั้น 3 ที่เป็นหอพักของเขา

ที่แย่ยิ่งกว่าคือห้องของพวกเขาอยู่ริมสุดของทางเดินชั้น 3 ที่ผู้หญิงคนนี้กำลังไล่ทุบอยู่!

ปังๆ!

“ใครก็ได้ เปิดที ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!”

“แฮร่!”

เสียงทุบประตูแล้วประตูเล่าจนเมื่อมาถึงห้องของอิม ไหล่เล็กสะดุ้งเฮือกก่อนจะต้องเหงื่อแตกผลัก เมื่ออีกฝ่ายที่ตุบประตูเขาไม่ยอมหยุดซักที

เพราะห้องของพวกเราอยู่ริมสุดของทางเดิน เมื่ออีกฝ่ายทุบมาเรื่อยๆแต่เสียงที่ดังก็เรียกพวกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเหมือนกัน ทางเดินที่เคยมีเพียงตัวเองจึงเริ่มมีพวกมันเดินตามเข้ามา ปิดล้อมทางเดินทางเดียวให้กลายเป็นทางตัน

ปังๆๆ!!

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้เปิดที!”

อิมใช้มือกุมหัวอย่างคิดไม่ตก เขาควรเปิดให้มั้ย? ไม่สิ หากเป็นทางด้านจิตสำนึกเขาก็ควรเปิดให้ เพียงแต่ความกังวลและความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้ขาของเขาไม่ยอมก้าวเดิน แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดหูทั้งสองและทั้งหัวอย่างหวาดกลัว

“กรี๊ดดดดดด!”

“แฮร่!!”

กึกๆๆ

เพียงไม่กี่วินาทีเสียงกรี๊ดที่ดังจนทำให้ไหล่ของอิมสะดุ้งก็ดังขึ้น ใบหน้าเรียวเล็กของอิมก้มซุกกับเข่าตัวเอง ปากเล็กอมชมพูดซีดเผือดพึมพำขอโทษไปมาอย่างคนสติแตก

“ขอโทษ ขอโทษ ผมขอโทษ ฮึก ผะ ผมกลัว อย่าโกรธผมเลย ผมขอโทษ ขอโทษ….”

อิมนั่งฟังเสียงกุกกักหน้าประตูอย่างผวา ภาพชายที่โดนรุมกินเนื้อจนเลือดกระฉูดที่ซอยเล็ก ทับซ้อนกับร่างของหญิงสาวที่เขาได้ยินเสียง เหงื่อไหลย้อยล้อมกรอบหน้าของอิมมากขึ้น ปากสีขาวซีดเพราะความกลัวและความตกใจ เสียงอู้อี้ที่ดังอยู่กับเข่ามีเพียงคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมาราวกับเครื่องค้าง

ตึง!

“เฮือก!”

ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นจากเข่าที่ซุกอยู่ ไหล่เล็กสะท้านเฮือกเมื่อเสียงตึงที่ดังขึ้น มันเหมือนกับการกระชากวิญญาณของเขา ให้หลุดออกจากร่างยังไงยังงั้น

ตึง!

“มะ ไม่นะ”

อิมรับรู้อีกครั้งว่าเสียงตึงที่ว่ามาจากหน้าประตูของตัวเองจริงๆ เสียงเหมือนอะไรกระแทกกับประตูอย่างแรง เสียงกระแทกที่ดังขึ้นไม่หยุดเพียงแค่ครั้งสองครั้ง มันดังขึ้นต่อเนื่องจนร่างบางสะท้านและสั่นไหวหนักกว่าเดิม

ตึง!

ตึง!

ตึง!!!

“ฮือๆ ไม่ ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่ อย่านะ ผมขอโทษ ผมขอโทษ ได้โปรด ฮึก”

ยิ่งเสียงที่กระแทกประตูดังไม่หยุด อิมก็น้ำตาไหลและพึมพำออกมาไม่หยุด ร่างเล็กไม่รู้จะทำยังไงเขาได้แต่คลานไปปิดประตู พร้อมล็อคห้องนอนตัวเองอย่างลนลาน จากนั้นก็กลับมาซุกเข่าตัวเองฟังเสียงกระแทกประตูที่มันค่อยๆถี่ขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยความสิ้นหวัง

“ฮึก ริมช่วยด้วย ริม ฮือๆ ริมช่วยอิมด้วย ฮื้อออออ”

อิมที่หวาดกลัวเต็มขั้วหัวใจร้องไห้สะอื้น มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงดังจนหลุดไปข้างนอก แม้จะอยากหยุดร้องไห้แต่ความกลัวที่เข้ามาเกาะหัวใจมันมากกว่า ยิ่งเสียงประตูที่ถูกกระแทกดังถี่ขึ้นเรื่อยๆหัวใจของอิมก็ยิ่งเหมือนถูกเข็มเล่มใหญ่ตอกเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆอย่างช่วยไม่ได้

ครืดด~

“ฮึก ระ ริม ริมช่วยด้วย ริมช่วยอิมด้วย พะ พวกมัน ฮึก พวกมันทุบประตูห้องเราแล้ว”

มือถือสั่นเครือทำให้อิมยกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของริมก็รีบกดรับและกรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว และแม้จะตื่นตกใจและดีใจแค่ไหนอิมก็พยายามพูดเสียงเบาที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่อาการหวาดกลัวและน้ำตาก็ไม่อาจหยุดได้อยู่ดี

{อิม! อย่าร้อง อยู่เงียบๆไว้ ฉันจะหาทางกลับไปช่วยนายเอง รอก่อน รอริมก่อน}

ตึงๆๆ!!

โครม!

แฮร่!!

เสียงกระแทกประตูดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ อิมที่เริ่มสติกลับมารับรู้ว่าอีกไม่นานประตูมันต้องพังแน่ๆ และเมื่อความคิดนี้สิ้นลงเสียงโครมของประตูและเสียงเท้าของสัตว์ประหลาด เสียงคำรามในรำคอของพวกมันก็ดังเข้ามาในห้องของเขา

“ฮึก ริม อิมขอโทษนะ ริมต้องมีชีวิตอยู่นะ มีชีวิตอยู่แทนอิมนะ ฮึกๆ”

{ไม่อิม! นายตั้งสติแล้วฟังฉัน อิม!}

“อิมขอโทษนะริม”

ตึง!

ตึง!

{บ้าเอ่ย! ทำไมมันรู้ว่านายอยู่ในห้อง อิม นายตั้งสติแล้วฟังฉัน นายค้นพลังของตัวเองเดี๋ยวนี้ พลังที่นางได้มาหลังจากที่ตื่น เร็วสิ!}

“ฮึก พลัง?” อิมที่ได้ยินพี่สาวฝาแฝดพูดแบบนั้นก็แปลกใจไม่ได้

หลังตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย นอกจากมึนงงและรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนป่วยไม่ได้กินข้าวทั้งวัน พละกำลังก็ดูน้อยจนเหมือนคนไม่ได้ออกกำลังกายทั้งชีวิต

เรียกว่าเหมือนคนป่วยที่ต้องนอนบนเตียง จนกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะแค่เขาคลานไปปิดประตู ก็รู้สึกเหนื่อยหอบแล้ว

{ใช่ ฟื้นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานริมก็เผลอใช้พลังน้ำแข็งแช่ของรอบตัว ตอนที่ริมโดนพวกบ้าๆนั่นรุมอะไรบางอย่างก็แช่พวกมันจนแน่นิ่ง ริมเลยรอดออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่โดนปิดล้อมได้ อิมลองดูว่าตัวเองมีพลังอะไร เร็วเข้า!}

ตึง!

ตึง!

“แฮร่!”

อิมได้ยินก็รีบตั้งสติและปาดน้ำตาตัวเองทันที ประโยคของริมเหมือนบอกว่าทุกคนที่สลบไปแล้วตื่นมาจะมีพลังเหมือนในนิยายยังไงยังงั้น ถ้าริมมีแสดงว่าเขาก็ต้องมี

แต่มันคืออะไรกันละ!?

ตึงๆๆ!

แฮร่!!

เสียงกระแทกประตูและสียงขู่คำรามในลำคอทำให้อิมสะดุ้งเฮือก ประตูห้องถูกกระแทกจนสั่นไหวสร้างความตื่นกลัวให้อิมมากกว่าเก่า ยิ่งมันกระแทกไม่หยุดหัวใจของอิมก็ยิ่งเต้นแรงและน้ำตาก็ไหลเป็นสาย

อะไรก็ได้ พลังอะไรก็ได้

ได้โปรด!!

ฟึบ!

[ยินดีตอนรับเจ้าของ Hotel]

[ต้องการเข้าใช้งานโฮเทลหรือไม่ หากต้องการกรุณาตอบตกลง]

[*คำเตือน หากเจ้าของเข้าสู่โฮเทลจะไม่สามารถออกไปได้ จนกว่าจะอัพเลเวลโฮเทลไปจนถึงเลเวล 10]

[ตกลง / ไม่ตกลง]

อะไรนะ?

อิมที่ขอร้องและภาวนาให้พลังของตัวเองแสดงออกมา กลับต้องรีบเช็ดน้ำตาออกและมองหน้าจอข้อความที่ปรากฏตรงหน้าแทน เมื่ออ่านข้อความจบเขาก็ได้แต่แปลกใจ เพียงแต่เขาไม่มีเวลาคิดอะไรมากมาย นิ้วเรียวกดจิ้มที่คำว่าตกลงทันที เพราะคิดว่าเป็นทางรอดเดียวของตัวเองในตอนนี้

ตอนนี้อะไรที่ทำให้เขารอดเพื่อรอเจอพี่สาวฝาแฝดอย่างริม เขาก็ยอมทำหมด ต่อให้ตัวอักษรในกล่องขอความมีดอกจันและสีแดงติดเตือนว่าไม่สามารถออกไปไหนได้จนกว่าเลเวล 10 อะไรพวกนั้นก็ตาม

ตึงๆๆ!

โครม!

{อิม! อิม เป็นไงบ้าง อิม!}

ตุบ!

แฮร่!!

เสียงประตูที่ถูกกระแทกจนพังดังขึ้นพร้อมกับร่างของอิมที่หายไปจากห้องนั้นเพียงพริบตา มือถือหลุดร่วงลงพื้นทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหลายเข้ามารุมล้อม แต่เมื่อมันไม่ได้กลิ่นหอมของเนื้อสดที่อยู่ภายในห้องนี้แล้ว มันก็ได้แต่งุนงงและเดินแตร่อยู่ในห้องแบบนั้นไปแทน

{อิม?! อิม?!}

// หายตัว!

Hotel PARADISE 2 (1/2)

[ยินดีตอนรับเข้าสู่พื้นที่โฮเทล]

[ฉลองการเข้าสู่โฮเทลครั้งแรกและการสำรวจโอเทลเสร็จสิ้น]

[รับเลย ห้องพักขนาดเล็กจำนวณ 2 ห้อง และคอยน์จำนวณ 20000 คอยน์]

[กดตกลงหากต้องการรับรางวัลทันที]

[ตกลง / ไม่ตกลง]

อิมมองข้อความตรงหน้าอย่างแปลกใจ ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า หลังจากที่เขากดตรงคำว่าตกลง ที่ปรากฏอยู่ในกล่องข้อความสีเหลืองสะอาดตา และมีตัวอักษรสีดำเขียนบอกอะไรไว้

อยู่ๆ ร่างของอิมก็เหมือนกับโดนกระชาก และโผล่มาอยู่บนพื้นพรมสีแดงเลือดหมู เบื้องหลังของอิมเหมือนโต๊ะเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ พออิมรับรู้ว่าตัวเองพ้นออกมาจากห้อง ที่กำลังอันตรายจากการบุกของสัตว์ประหลาดพวกนั้น อิมก็ค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะกวาดมองรอบตัวอย่างสำรวจ

“ฮึก?”

มือเรียวปาดน้ำตาออกจากหางตา ร่างเล็กลุกขึ้นมาก็พบว่ารอบตัวเขา เหมือนเป็นหน้าเคาน์เตอร์ของสถานที่แห่งหนึ่ง จุดที่เขายืนด้านหลังนอกจากเคาน์เตอร์ ก็เป็นกำแพงเปลือยเปล่ามีเพียงตัวอักษรสีดำตัวใหญ่ ตวัดคำว่า Hotel ไว้เปล่าๆ เท่านั้น

เบื้องหน้ากำแพงมีเคาน์เตอร์และและสิ่งของต่างๆ เหมือนที่เคาน์เตอร์โรงแรมควรมี ตั้งแต่กระดิ่งกลมที่ว่างไว้มุมขอบ กล่องเล็กๆ ใส่โน้ตเปล่า และแท่งเรียวยาวสำหรับใส่ปากกา ที่มีเชือกร้อยไว้ติดกับแท่งเสียบปากกา อีกฝั่งมีเพียงป้ายเล็กที่อิมเอื้อมไปหยิบมาอ่าน ก็พบว่ามันเขียนข้อความว่า

Welcome to Hotel ……

อิมเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ มองช่องว่างฝั่งซ้ายที่เปิดโล่ง เผื่อไว้สำหรับให้คนหลังเคาน์เตอร์เดินออก อีกฝั่งปิดไว้ด้วยเคาน์เตอร์ที่ด้านล่างมีลิ้นชักอยู่ราวๆ 5 ชั้น มือเรียวไล่เปิดดูพบว่ามันเปิดไม่ออก ร่างเล็กจึงลุกขึ้นเดินออกจากพื้นที่เคาน์เตอร์ ไปพื้นที่ข้างหน้าที่เหมือนจะเป็น พื้นที่ล๊อบบี้ของโรงแรมอะไรพวกนั้นแทน

พื้นที่หน้าเคาน์เตอร์มีขนาดเท่ากับห้องเรียนขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ตรงกลางมีโซฟาสีดำสำหรับนั่งรอสองฝั่ง เว้นตรงกลางไว้เป็นทางเดินฝั่งละ 2 ตัว ซึ่งมันหันหลังชนกัน เบื้องหน้าของโซฟามีโต๊ะกระจกสีใสขนาดยาวเท่าโซฟาตั้งอยู่ ดูเรียบง่ายแต่ก็สะอาดตา

นอกจากโซฟายาว 4 ตัวแล้ว มุมห้องฝั่งขวาก็มีโต๊ะวางของ ที่ริมสุดมีตู้กดน้ำสองแบบทั้งร้อนและเย็นตั้งอยู่ บนโต๊ะข้างกันก็มีถาดวางพวกซองเครื่องดื่มอย่างกาแฟ ชา หรือนมไว้มากมายด้วย ติดกันมีขนมซองเล็กๆ ที่เหมือนเป็นของว่างพักเบรก ให้ลูกค้าโรงแรมได้กินรออะไรพวกนั้น วางเรียงกันให้เลือกหลายรส

อึก~

อิมที่เห็นของกินก็พลันรู้สึกหิวขึ้นมา เพราะหลังจากกินข้าวตอนเย็นไปเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าสลบไปจนถึงตอนไหน แต่เขาจำได้ว่าตอนมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามันเป็นสีฟ้ามีแดดส่องลงมา แสดงว่ามันต้องเช้าแล้วแน่ๆ

“กินได้ไหมนะ?”

อิมเอ่ยถามกับตัวเองเพราะไม่รู้จะถามใคร ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ ไม่เห็นมีใครออกมา มือเรียวจึงเอื้อมไปลองหยิบขนมซองเล็กออกมาจากถาดสีเงินหนึ่งชิ้น

เงียบกริบ

ไร้เสียงหรืออะไรออกมาแสดงความเป็นเจ้าของ หรือเก็บเงินหรืออะไรทั้งสิ้น อิมเห็นแบบนั้นก็ลองแกะขนมที่ว่ากินอย่างช้าๆ เสียงถุงขนมถูกฉีกดังขึ้นก่อนปากเรียวจะค่อยๆ กัดขนมชิ้นเล็กเท่าฝ่ามือเด็กอย่างช้าๆ

ง่ำ!

“…..”

เงียบกริบ~

เมื่อรับรู้ว่าไม่มีใครออกมาแสดงเป็นเจ้าของ ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น และไม่มีข้อความเด้งขึ้นมากลางอากาศเพื่อห้าม อิมที่หิวก็รีบสวาปามขนมที่ว่าไปต่ออีกสองซอง

ง้ำๆๆ

กินไปได้ราวๆ 5 ซองเขาก็เลือกพอ ดวงตากลมมองขนมในถาดที่ตอนแรกมีทั้งหมด 20 ซอง แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 15 ซองก็รู้สึกเสียใจ เพราะถ้าหากว่าของกินมีแค่นี้ แล้วเขาต้องติดอยู่ที่นี้นานๆ ขนมที่เหลือแค่นี้คงไม่พอยาไส้แน่ๆ

อิมหยิบแก้วกระดาษที่อยู่เหนือตู้กดน้ำ มากดน้ำเย็นผสมน้ำอุ่นดื่ม เมื่อรู้ว่าตู้กดใช้ได้ และไม่มีใครหรืออะไรออกมาห้ามเหมือนกัน มือเล็กก็ยกดื่มไปอีกสองสามรอบ ก่อนจะทิ้งแก้วกระดาษทรงกรวยลงขยะที่อยู่ข้างตู้ พร้อมหันไปสำรวจอย่างอื่นต่อแทน

“หือ ประตู?”

อิมกวาดตามองรอบตัว นอกจากห้องนี้และหลังเคาน์เตอร์ ข้างๆ ทางออกตรงเคาน์เตอร์มีกรอบเล็กๆ ปรากฏอยู่ แต่เพราะไอ้กรอบที่เหมือนประตูที่ว่ามันเป็นสีเดียวกับกำแพง จึงทำให้อิมไม่ทันมองในตอนแรก

กึก

เมื่อสาวเท้ามาหยุดอยู่หน้ากรอบ ที่มีขนาดเท่ากับประตูทั่วไป ก็เห็นข้อความขึ้นมากลางอากาศว่า

[เปิดห้องเก็บของหรือไม่]

“อ่อ ห้องเก็บของนี้เอง เอ่อ…เปิดไงละทีนี้ เปิด?” อิมเห็นข้อความเด้งขึ้นก็รู้ว่ามันคือห้องเก็บของ แต่จะให้เปิดยังไงละ? ในเมื่อประตูไม่มีที่จับ เมื่อลองใช้เสียงบอกว่าเปิด ก็พบว่ามันเปิดตามที่อิมบอกเลย

ครืดด~

ประตูบานเลือนดังแผ่วเบา ก่อนอากาศที่อยู่ในห้องจะกระแทกหน้าเขาเต็มๆ เพราะอากาศเย็นๆ มันทำให้อิมหนาวเล็กน้อย เมื่อมองเข้าไปในห้องพบว่าภายในห้องเป็นห้องเก็บของจริงๆ ภายในมีชั้นวางของมากมายแบ่งออกเป็นฝั่งหนึ่ง และตู้แช่อะไรบางอย่างอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีมากมายเลย!

“อาหาร!”

อิมปรี่เข้าไปในห้องไฟที่อยู่เหนือหัวก็เปิดอัตโนมัติทันที สายตาคู่กลมโตกวาดมองชั้นวางของฝั่งอาหารอย่างเป็นประกาย โดยเฉพาะอาหารกระป๋อง ขนมปัง และซองมาม่ามากมาย พอกวาดมองชั้นอื่นๆ และตู้ที่ตั้งอยู่ริมผนังห้อง ก็พบว่าไม่ใช่แค่อาหารแห้ง แต่มีอาหารกล่องที่เหมาะจะเอาไปเวฟอยู่ด้วย

เมื่อสำรวจจนพอใจและมีความดีใจ เขาก็เดินไปฝั่งชั้นเก็บของที่ไม่ใช่อาหาร และเมื่อเข้าไปดูก็พบว่ามันเป็นพวกเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งหมอน ผ้าปู เก้าอี้ โต๊ะเล็ก หรือของที่ใช้ในห้องนอน โรงแรม และของใช้ประจำตัวยิบย่อยมากมาย

“เยอะมาก!”

อินทดสอบหยิบออกมา ก็พบว่าไม่มีข้อความห้าม หรือใครออกมาบอกไม่ให้จับออกจากชั้นแต่อย่างใด สรุปแล้วเหมือนกันว่าของพวกนี้ เป็นของที่จะหยิบจะจับ จะเอาไปใช้ยังไงก็ได้อะไรแบบนั้นเลย พอนึกย้อนไปดูตอนที่เขากดตกลงก่อนหน้าก็เริ่มเดาได้ว่า

เขาน่าจะเป็นเจ้าของของพวกนี้นั่นเอง!

ครืดดด~

ร่างเล็กออกจากห้องเก็บของเพื่อมาสำรวจต่อ เมื่อมองไปตามกำแพงที่อยู่รอบๆ ก็พบว่ามีประตูที่เห็นชัดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ข้างๆ ประตูมีกระถางต้นไม้สำหรับตกแต่งตั้งอยู่ หน้าประตูมีป้ายเล็กๆ แขวนไว้ อินก้าวเท้าเข้าไปอ่านก็พบว่ามันคือ

ห้องน้ำ!!

แกร็ก~

ประตูที่มีถูกเปิดออก ก่อนจะพบว่าภายในมีทางตรงเข้าไปอีกไม่กี่ก้าว จากนั้นก็มีทางแยกออกไปสองฝั่งซ้ายขวา โดยมุมกำแพงเหนือหัวมีสัญลักษณ์แบ่งฝั่งว่า ชาย/หญิง เอาไว้

“แบ่งฝั่งด้วยเฮะ?”

อิมลังเลใจเล็กน้อย ก่อนจะลงเดินไปดูฝั่งหญิงก่อน ในเมื่อที่นี่เป็นของเขาและไม่น่ามีใคร เขาจึงขอไปสำรวจห้องฝั่งหญิงดูก่อน

เมื่อเดินตรงมาอีกนิดก็มีทางเข้าไปในห้องน้ำ เข้าไปแล้วสิ่งแรกที่เจอหรือบานกระจกขนาดใหญ่มี อ่างล้างมือเป็นปูนเปลือยสีเทาเข้มยาวไปทั้งหมด 4 ที่ พอเดินผ่านกระจกเข้าไป เบื้องหลังมีห้องน้ำสำหรับผู้หญิงทั้งหมด 4 ห้อง

ส่วนอีกฝั่งด้านซ้ายมีประตูห้องน้ำ ที่อิมเปิดเข้าไปสำรวจพบว่า เป็นห้องอาบน้ำมีฝักบัวอยู่ด้านบนให้อาบอีกสองห้อง ส่วนฝั่งขวามีมุมให้วางของอยู่มุมหนึ่ง

สำรวจน้ำว่าไหลไหม ก็พบว่าไหลดีทุกห้อง ทั้งชักโครก ฝักบัว และก๊อกน้ำล้างมือ เมื่อสำรวจจนแน่ใจก็ไปที่ฝั่งผู้ชาย ซึ่งมีทุกอย่างไม่ต่างกัน

แต่มุมฝั่งที่วางของที่ควรมีแบบฝั่งผู้หญิง ฝั่งผู้ชายเปลี่ยนเป็นโถปัสสาวะแบบยืนของผู้ชายจำนวณ 3 ชุดแทน น้ำและทุกอย่างมีครบเหมือนฝั่งผู้หญิง ขนาดกระดาษชำระก็มีใส่ไว้เตรียมพร้อมให้ใช้เรียบร้อย

แกร็ก

อิมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้ายิ้มดีใจ เพราะไม่คิดเลยว่าสถานที่ที่เขามาอยู่ จะมีครบทุกอย่างไว้พร้อมเสร็จสรรพขนาดนี้ แบบนี้อย่างน้อยเขาก็น่าจะอยู่ได้ไม่อดตาย และไม่เน่าตายแล้ว

ติ๊ง!

[ยินดีตอนรับเข้าสู่พื้นที่โฮเทล]

[ฉลองการเข้าสู่โฮเทลครั้งแรกและการสำรวจโอเทลเสร็จสิ้น]

[รับเลย ห้องพักขนาดเล็กจำนวณ 2 ห้อง และคอยน์จำนวณ 20000 คอยน์]

[กดตกลงหากต้องการรับรางวัลทันที]

[ตกลง / ไม่ตกลง]

ข้อความรูปแบบเดียวกันเด้งขึ้นมา หลังก้นของอิมสัมผัสโซฟาได้เพียงแค่เสี้ยววิ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนจะลูบอกตัวเองเพื่อปลอบใจเล็กน้อย ดวงตากลมโตกวาดอ่านข้อความที่อยู่กลางอากาศ ก่อนจะกดตกลงอย่างรวดเร็ว

ติ๊ง!

[ยินดีด้วย เจ้าของโรงแรมเข้าสู่เลเวล 1 กรุณาตั้งชื่อโรงแรมและตกแต่งห้องพัก สำหรับรอให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ เพื่อเก็บคะแนนนำไปอัพเลเวลต่อไป]

“หื้อ?”

เข้าสู่เลเวล 1? ตั้งชื่อ? แล้วยังต้องเปิดห้องเพื่อให้คนเข้ามาพัก และเก็บคะแนนไปอัพเลเวลด้วยงั้นเหรอ?

อิมสับสนเล็กน้อยแต่เขาก็พยายามทำความเข้าใจ เท่าที่จำได้คือเขาต้องอัพให้ถึงเลเวล 10 ใช่ไหม ถึงจะออกจากพื้นที่โฮเทลได้ เขาพอจะจำได้ลางๆ ตอนที่ต้องรีบกดตกลง เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนหน้า

แล้วโรงแรมนี้มันให้คนเข้าพักได้ด้วยเหรอ?!?

[กรุณาตั้งชื่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของโฮเทล]

“อ่า ชื่อเหรอ?” อิมเห็นข้อความที่โผล่มา ก็ได้แต่ยกมือมาเกาหัว จากนั้นก็เอ่ยชื่อที่คิดว่าน่าจะเข้ากับความแปลก ความพิเศษ และความมหัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้ว่า

“พาราไดส์แล้วกัน Hotel PARADISE สรวงสวรรค์ในวันสิ้นโลกที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้”

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น