เข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน หรือประเพณีถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม หลายๆคนคงเคยเห็นผลไม้คู่เดือนรอมฎอนอย่างอินทผลัม อาจจะเคยได้ยิน เคยรู้จักหรือเคยกินอยู่ประจำ แล้วรู้หรือไม่ว่าทำไมช่วงเดือนรอมฎอน ชาวไทยมุสลิมถึงนิยมกินอินทผลัมกัน วันนี้ทางทำกินหาคำตอบมาให้แล้ว และนอกจากนี้ยังมีข้อมูลเรื่องประโยชน์และคุณค่าทางอาหารของอินทผลัมมากฝาก บอกเลยว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
อินทผลัม สำหรับชาวมุสลิม มีความเชื่อเรื่องการเป็นผลไม้แห่งการประทานพรจากพระเจ้าที่กินแล้วเพิ่มพูนผลบุญได้ นอกจากนี้ในช่วงถือศีลอดที่อดอาหารมาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนตกดินซึ่งจะไม่สามารถกินหรือดื่มสิ่งใด ๆ ได้เลย เมื่อกินอินทผลัมเข้าไปทำให้มีกำลังไปปฏิบัติศาสนกิจในเดือนแห่งเกียรติยศนี้ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นทั้งผลไม้แห่งการประทานพร และยังช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายที่อดมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ทางคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายว่า อินทผลัมเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีน้ำตาลสูง ใน 100 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 282 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
คาร์โบไฮเดรต 75.03 กรัม (เป็นน้ำตาล 63.35 กรัม )
โปรตีน 2.45 กรัม
ไขมัน 0.39 กรัม
นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ สูง โดยเฉพาะโปแทสเซียม (696 มก./100 กรัม ) จึงช่วยให้ร่างกายสดชื่นและฟื้นฟูกำลังได้อย่างรวดเร็ว
อินทผลัม 1 ผล จะหนักประมาณ 7.5 กรัม และเนื้ออินทผลัม 100 กรัม ให้พลังงาน 314 แคลอรี่ ให้แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 10 ชนิด เช่น ซีลีเนียม ทองแดง โพแทสเซียม แมกนีเซียม เป็นต้น ในปริมาณมากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน รวมถึงให้สารอาหารสำคัญชนิดอื่น ๆ อย่างวิตามินบี วิตามินซี ธาตุเหล็ก และเส้นใยอาหารด้วย
ผลของอินทผลัมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ช่วยปกป้องตับ ไต หัวใจ และป้องกันการตายของเซลล์หัวใจ
มีคุณค่าทางอาหารสูง การรับประทานอินทผลัม วันละ 5 - 10 ผล แทนการรับประทานน้ำอัดลมหรือขนมขบเคี้ยวที่มีแต่แป้ง และน้ำตาล จึงจะมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากกว่า
สารอาหารในอินทผลัม
- แร่ธาตุ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามิน
- มีใยอาหาร
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น
- ป้องกันอัลไซเมอร์
- ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
แต่สำหรับใครมีปัญหาสุขภาพ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะคนที่ มีความบกพร่องในการขจัดโปแทสเซียมออกจากร่างกาย เช่น ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เบาหวานและภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อป้องกันภาวะการมีโปแทสเซียมมากเกิน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ความเห็น 0