ทำแท้งไม่ได้แต่ไม่อยากเลี้ยง ต้องทำอย่างไร? ‘กล่องทิ้งเด็ก’ (baby box) คือคำตอบของฝ่ายต่อต้านการทำแท้ง เพื่อให้เด็กที่ถูกทิ้งในกล่องถูกรับไปเป็นบุตรบุญธรรมต่อไป ในวันที่ศาลสูงสุดสหรัฐฯ (Supreme Court) ยกเลิกสิทธิทำแท้งเสรีที่ผู้หญิงในสหรัฐฯ มีมากว่า 50 ปี
สำหรับกล่องทิ้งเด็ก จะมีหน้าตาคล้ายๆ กล่องคืนหนังสือตามห้องสมุด แต่ด้านในจะมีกล่องที่ควบคุมอุณหภูมิไว้รองรับเด็ก และเมื่อมีการเปิดกล่อง สัญญาณเตือนจะดังขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่มารับตัว โดยส่วนใหญ่จะติดตั้งไว้ที่โรงพยาบาลหรือสถานีดับเพลิง และมีเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถทิ้งเด็กได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
การผลักดันเรื่อง ‘กล่องทิ้งเด็ก’ ที่ว่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีชื่อว่า ‘Safe Haven Baby Boxes’ ซึ่งรณรงค์ต่อต้านการทำแท้งมาอย่างยาวนาน องค์กรดังกล่าวยังมองว่ากล่องทิ้งเด็กจะเป็นวิธีช่วยให้เด็กรอดจากการโดนทำร้ายหรือเสียชีวิตได้
หลังจากที่ศาลสูงสุดพลิกคำตัดสินเรื่องการทำแท้งเสรีในคดี ‘Roe v. Wade’ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2565 ก็มีการคาดการณ์ว่า การผลักดันเรื่องกล่องทิ้งเด็กจะขยายตัวมากขึ้นไปอีก โมนิกา เคลซี ผู้ก่อตั้ง Safe Haven Baby Boxes เผยว่า ทางองค์กรจะพยายามล็อบบี้รัฐต่างๆ ให้มีการติดตั้งกล่องทิ้งเด็กทั่วประเทศ คาดว่าจะครบ 50 รัฐภายใน 5 ปีนี้
และหลังจากที่มีการล็อบบี้เกิดขึ้น ก็พบว่า มีรัฐอย่างอินเดียนา ไอโอวา และเวอร์จิเนีย ที่ให้ความสนใจและกำลังผลักดันอนุญาตให้การทิ้งเด็กทำได้ง่ายและครอบคลุมมากขึ้น เช่นอาจจะอนุญาตให้ทิ้งเด็กที่โตกว่าเดิมได้ หรือเปิดช่องให้ผู้ปกครองทิ้งเด็กโดยปิดบังตัวตนมากกว่าเดิมอีกได้
ทั้งนี้ กฎหมายใน 50 รัฐของสหรัฐฯ อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถทิ้งเด็กได้โดยไม่ต้องเผชิญโทษทางอาญาอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา ก็มีมากกว่า 12 รัฐที่ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ติดตั้งกล่องทิ้งเด็กโดยเฉพาะ และยังมีการคาดการณ์อีกว่า รัฐที่อนุญาตจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกหลังการพลิกคำตัดสินของศาลสูงสุด
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ The New York Times อ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคน ชี้ว่า กล่องทิ้งเด็กไม่น่าจะใช่ทางออกที่ถูกต้องนัก เพราะมองว่า การมีอยู่ของกล่องทิ้งเด็กควรจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบที่เป็นอยู่มีปัญหาอย่างไรมากกว่า
ตัวอย่างเช่น กว่าจะมาถึงขั้นตอนของการทิ้งเด็กได้ แม่อาจจะต้องผ่านการตั้งท้องที่ไม่พึงประสงค์อย่างหลบๆ ซ่อนๆ และอาจจะไม่ได้การดูแลครรภ์ตามที่ควร ขณะที่การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมผ่านช่องทางนี้ก็อาจจะสร้างปัญหาได้ เช่น เด็กอาจจะไม่มีข้อมูลว่าตัวเองมีความเป็นมาอย่างไร เป็นต้น
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2022/08/06/us/roe-safe-haven-laws-newborns.html