รายละเอียดในเอกสารของศาลสิงคโปร์ ระบุว่า ลูกชายของนาย แอนดรูว์ จอห์น ฮานัม ได้ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่น iPhone 7 ในโรงเรียน และถูกยึดโทรศัพท์เป็นเวลา 3 เดือน โดยนายฮานัมได้ให้ทนายความยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโรงเรียน โดยให้เหตุผลว่านี่ถือเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน
ขณะที่ทางโรงเรียนแองโกลไชนีสบาร์กโร้ด ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายล้วนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ออกจดหมายเวียนถึงผู้ปกครอง ย้ำถึงเหตุผลในการออกคำสั่งห้ามว่า โทรศัพท์มือถือทำให้นักเรียนไม่มีสมาธิกับการเรียน โดยนักเรียนควรเก็บโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ไว้ในตู้เก็บของในช่วงเวลาเรียน หากพบว่าทำผิดกฎระเบียบ จะยึดโทรศัพท์เป็นเวลา 3 เดือน
จากการตรวจสอบโรงเรียน 10 แห่งโดยสำนักข่าว สเตรทส์ไทม์ส ของสิงคโปร์ พบว่าโรงเรียนส่วนใหญ่มีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือในชั้นเรียน และเป็นเรื่องปกติที่โรงเรียนจะยึดโทรศัพท์เป็นระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์จนถึงตลอดภาคการศึกษา หรือประมาณห้าเดือน
ด้านโฆษกกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ระบุว่า ทางกระทรวงได้ให้แนวทางกับโรงเรียนในการจัดการเรื่องระเบียบวินัยไว้อยู่แล้ว ซึ่งในบางกรณี พ่อแม่เองต้องไปโรงเรียนเพื่อรับโทรศัพท์มือถือแทนลูกด้วย
สำหรับการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในหลายประเทศ เช่น เมื่อปี 2006 กลุ่มผู้ปกครองในนิวยอร์กได้ยื่นฟ้องหน่วยงานด้านการศึกษาเกี่ยวกับการห้ามพกโทรศัพท์มือถือของเด็กนักเรียนและเรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งกฏระเบียบการห้ามพกมือถือถูกยกเลิกในปี 2015 ขณะเดียวกันก็มีความเป็นห่วงว่าการที่ผู้ปกครองฟ้องร้องเรื่องนี้ จะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับเด็กว่า ไม่ว่าปัญหาอะไรก็สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินหรือการฟ้องร้องทางกฎหมาย