โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ยานยนต์

โหดไฮบริด McLaren W1 ไฮเปอร์คาร์พลังงานผสม 1,275 แรงม้า

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ตราสัญลักษณ์ 'W1' อันทรงเกียรติ ถูกสงวนไว้สำหรับรถ McLaren ที่ล้ำอนาคตและน่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาของบริษัทผู้ผลิตรถสมรรถนะสูงจากอังกฤษ มีเพียงสองรุ่นเท่านั้นที่ได้รับการกำหนดตราสัญลักษณ์นี้ ได้แก่ McLaren F1 อันโด่งดังและ P1 ที่ก้าวล้ำไปในโลกแห่งอนาคต

McLaren เปิดตัวไฮเปอร์คาร์รุ่นที่สาม ด้วยรหัส W1 ที่เหนือกว่า P1 รุ่นก่อนในด้านการออกแบบ เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถในการดึงแรง G ที่รุนแรงจนแทบจะทำให้ส่วนภายในของคนขับยับยู่ยี่
เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ W1 เจาะลึกถึงพลัง ตัวเลขอัตรเร่ง ประสิทธิภาพการควบคุม ทำให้กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมในโลกของไฮเปอร์คาร์ แต่ W1 เป็นเครื่องจักรที่มีการออกแบบทางวิศวกรรมซับซ้อนมาก ซึ่งไม่อาจมองข้ามคุณสมบัติที่น่าสนใจและแปลกประหลาดบางอย่างของรถรุ่นนี้ไปได้ง่าย

เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ถูกใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ใช้สำหรับชิ้นส่วนตกแต่งที่มีน้ำหนักเบา แต่เมื่อไม่นานมานี้ การพิมพ์ 3 มิติขั้นสูงที่เรียกว่าการผลิตแบบเติมแต่งกำลังถูกนำมาใช้กับชิ้นส่วนที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยมากขึ้น W1 มีส่วนประกอบช่วงล่างที่พิมพ์ด้วยระบบ 3 มิติ ในกรณีของ McLaren ก็คือส่วนวิงหลังและเสาที่ยังคงเป็นอะลูมิเนียม

ประตูแบบ Dihedral doors เป็นอุปกรณ์โชว์หล่อในรถ McLaren ทุกคัน ตั้งแต่ F1 เมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ประตูแบบเดิมถูกแทนที่ด้วยประตูแบบปีกนกนางนวล Gullwing ใน McLaren W1 ไม่ได้เรียกว่าประตูแบบปีกนกนางนวล แต่เรียกว่า dihedral ซึ่งหมายถึงมุมปีกเครื่องบิน การย้ายบานพับไปที่หลังคา ช่วยให้มีพื้นที่ว่างบริเวณขอบด้านหน้าของประตู เพื่อให้กระแสลมไหลเวียนได้ดีขึ้นตามแนวด้านข้างของ W1 วิศวกร McLaren ยังอ้างว่าทำให้ W1 ดูเหมือนรถ Formula 1 MCL38

W1 ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V8 เพลาข้อเหวี่ยงแบน อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ ความจุ 4.0 ลิตร รหัส MHP-8 พร้อม E-module ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเรเดียลฟลักซ์และ MCU (หน่วยควบคุมมอเตอร์) เพื่อการตอบสนองของคันเร่งและประสิทธิภาพ โดย ด้วยกำลังรวม 1,275PS แรงบิด 1,340Nm ระบบส่งกำลังเทแรงบิดได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมาจากระบบส่งกำลังของ McLaren Automotive

เครื่องยนต์ V8 เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในของ McLaren Automotive ให้กำลังเพียวๆไม่รวมมอเตอร์ 928 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร E -modules เพิ่มกำลังอีก 347 แรงม้า แรงบิดมาเพิ่มอีก 440 นิวตันเมตร เร่ง 0–200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.8 วินาที เร่ง 0–300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 12.7 วินาที เรียกว่าทะลุมิติกันเลย

ระบบเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเกียร์ 7 สปีดใน P1 ความแตกต่างอีกอย่างก็คือ W1 วางเครื่องยนต์ V8 และเมื่อขับถอยหลัง ระบบ E-reverse ใน Artura รวมถึง SF90 AWD ของ Ferrari สั่งให้ล้อหน้าทำงาน แต่ในไฮเปอร์คาร์อังกฤษรุ่นนี้ ระบบขับเคลื่อนสองล้อของ McLaren จะส่งแรงบิดย้อนกลับไปที่เพลาหลังทันที

โหมดไฟฟ้า: การทำงานเหมือนรถ EV
โหมด Comfort: โหมดเริ่มต้น
โหมดสปอร์ต: พลังไฮบริดเต็มรูปแบบพร้อมการตอบสนองคันเร่งที่เร้าใจ
โหมดการแข่งขัน: พลังงานสูงสุดสำหรับการวิ่งระยะสั้น
โหมดแกรนด์ปรีซ์: ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอตลอดเซสชันการขับในสนาม

ความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวแบบบริสุทธิ์ ส่งผ่านไปยังนิ้วของคนขับผ่านแร็คไฮดรอลิกผ่อนแรงหมุน ไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้า McLaren ยังคงใช้ระบบช่วยไฮดรอลิกในระบบบังคับเลี้ยวเพื่อมอบการเชื่อมต่อสื่อสารแบบที่ไม่สามารถหาได้จากแบรนด์อื่น

W1 มีวิงหลังแบบ ‘Long Tail’ สามารถยืดออกให้ยาวขึ้นถึง 300 มิลลิเมตร เมื่อเปิดใช้งานโหมด Race แต่การยึดเบาะเข้ากับตัวถังโมโนค็อก ทำให้ W1 สั้นลง 71 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นที่มีเบาะนั่งเลื่อนแบบเดิม และเหมือนกับไฮเปอร์คาร์ LaFerrari และ Bugatti Tourbillon เจ้า W1 มีกล่องแป้นเหยียบที่ย้ายได้เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบาย และ McLaren ยังกล่าวชมรถตัวเอง อีกว่า การออกแบบที่วางเท้าให้ยกสูงขึ้นทำให้ผู้ขับรู้สึกราวกับอยู่ในรถต้นแบบ Le Mans

ในขณะที่ Aston Martin และ Mercedes AMG รวมถึง. Ferrari F80 นั้นมีปุ่มกระจายอยู่ทั่วพวงมาลัยของไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ แต่แนวคิดของ W1 กลับจำกัดตัวเองให้พวงมาลัยมีเพียงสวิตช์สไตล์ F1 เพียง 2 ตัวเท่านั้น ตัวหนึ่งสำหรับฟังก์ชัน E-Boost และอีกตัวสำหรับเปิดใช้งานระบบลดแรงต้านอากาศ (DRS)

ความหลงใหลของ McLaren ทำให้ W1 ต้องรีดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น ซึ่งขยายไปถึงที่บังแดด โดยมีความบางเพียง 0.1 นิ้ว (2.74 มิลลิเมตร) เท่ากับความหนาของบัตรเครดิตสามใบ บังแดดที่บางเฉียบทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อไล่เบา

การลดขนาดบังแดดไม่ได้ทำให้มวลรวมของไฮเปอร์คาร์เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่นั่นก็ยังมีส่วนทำให้ McLaren W1 มีน้ำหนักตัวรถ 1,399 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) สามารถยัดสัมภาระน้ำหนัก 100 กก. เพื่อให้รถมีน้ำหนักบรรทุกจริงเต็มที่ น่าประทับใจที่ W1นั้นเบามาก เพราะหนักกว่า Lotus Emira 400 แรงม้า เพียงไม่กิโลกรัม!

พื้นที่เก็บสัมภาระสำหรับไฮเปอร์คาร์อย่าง W1 แค่แมวดิ้นตายยังลำบาก แต่เศรษฐีในยุโรปหรือตะวันออกกลาง มักจะขับใช้งานรถประเภทนี้ในช่วงสั้นๆ มากกว่าจะขับเดินทางข้ามประเทศหรือขับทางไกลยาวๆ แค่ปีละครั้งในวันสำคัญที่รวมบรรดาไฮเปอร์คาร์สำหรับการโชว์ แต่เจ้าของรถจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ชิ้นสำคัญนั่นคือ หมวกกันน็อค W1 ไม่มีช่องเก็บของด้านหน้าหรือด้านหลัง แต่ McLaren บอกว่ามีพื้นที่สำหรับหมวกกันน็อคสองใบ หรือกระเป๋าเดินทางสองใบบนแท่นหลังเบาะซึ่งต้องพับพนักพิงศีรษะลงมาซะก่อน

หลายปีที่ผ่านมา Lotus ถูกทางการบังคับทางกฎหมายให้ติดตั้งกระจกมองหลังใน Exige นับแต่นั้นเป็นต้นมา กระจกมองหลังแบบดิจิทัลก็เข้ามาช่วยแก้ปัญหา กระจกมองหลังแบบดิจิทัลที่ใช้กล้องและจอมอนิเตอร์กลางเพื่อแสดงภาพ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของ SUV ที่ชอบยัดสัมภาระราวกับจะย้ายบ้านเพื่อออกทริปตั้งแคมป์ W1 ก็ใช้เทคโนโลยีกล้องแทนกระจกมองหลังแบบเดียวกันนี้เพื่อช่วยให้ผู้ขับมองเห็นด้านหลังผ่านจอมอนิเตอร์ บั้นท้ายที่อวบบวมของ W1 รวมวิงหลังไว้และกล้องแสดงภาพในมุมมองดิจิทัล แต่ก็แค่ทำให้เจ้าของรถมีความมั่นใจมากขึ้นนิดเดียว

เครื่องยนต์ MPH-8 ขนาด 3,988 ซีซี เหมือนกันกับเครื่องยนต์ M840T V8 ขนาด 3,994 ซีซี ใน 750S แต่เครื่อง MPH-8 ขนาด 3,988 ซีซี เป็นเครื่องยนต์ใหม่หมดจด ออกแบบให้กระบอกสูบแคบลงเล็กน้อย เพิ่มช่วงชักยาวขึ้น เครื่องยนต์มีรอบเครื่องที่จำกัดที่ 9,200 รอบต่อนาที เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ของ 750S รุ่นเก่าที่รอบเครื่องสูงสุดยันอยู่ที่ 8,500 รอบต่อนาที ทำให้ MPH-8 เป็นขุมกำลังสำหรับวิ่งบนท้องถนนที่หมุนได้คล่องตัวที่สุดของ McLaren เครื่องยนต์ V8 รุ่นใหม่ตัวนี้ยกเลิกโช้คอัพเพลาข้อเหวี่ยงที่ติดตั้งภายนอกแบบเดิม เพื่อใช้โช้คอัพหนืดติดตั้งภายใน พร้อมระบบระบายความร้อนแบบแอคทีฟ เพื่อช่วยจัดการการเดินทางไปยัง Redline

พื้นผิวทุกส่วนของ McLaren ตั้งแต่หลังคาจรดใต้ท้องรถได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เหมาะกับหลักอากาศพลศาสตร์ แม้แต่ตำแหน่งของเครื่องยนต์ก็ยังต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยวิศวกรของ Woking ได้ปรับให้เครื่องยนต์เอียง 3 องศาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศโดยรวม

W1 มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมคาร์บอนไฟเบอร์ McLaren Carbon Lightweight Architecture (MCLA) น้ำหนัก 1,399 กิโลกรัม กำลังสูงสุด 1,275 แรงม้า มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ 911 แรงม้าต่อตัน ทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 2.7 วินาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 200 กม./ชม. (120 ไมล์/ชม.) จากหยุดนิ่งใน 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ 350 กม./ชม. (220 ไมล์/ชม.) ราคา 2.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยยังไม่รวมภาษีนำเข้า 300%++ จะอยู่ที่ 70,988,000 บาท ของหายากอย่าง W1 เกิดจากตัวเลขการผลิต แค่ 399 คันเท่านั้น พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในปี 2025.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โหดไฮบริด McLaren W1 ไฮเปอร์คาร์พลังงานผสม 1,275 แรงม้า

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น