โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สรุปดราม่า หลัง ‘ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา’ เปิดหน้าลูก

TODAY

อัพเดต 21 ก.พ. 2566 เวลา 11.04 น. • เผยแพร่ 21 ก.พ. 2566 เวลา 08.18 น. • workpointTODAY
สรุปดราม่า  หลัง ‘ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา’ เปิดหน้าลูก 

กลายเป็นเรื่องร้อนแรงที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดียวันนี้ หลังจากที่ ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา และสามี กวินท์ ดูวาล เปิดหน้าลูกชาย ไซอัลบลู สกาย ดูวาล อายุ 1 ขวบ ครั้งแรก

  • ตัดสินใจไม่เปิดเผยหน้าลูก

ซึ่งก่อนหน้านี้ ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา และสามียืนยันว่าจะไม่โพสต์รูปลูกในโซเชียลจนกว่าลูกจะอนุญาต และคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนคลอด

ย้อนกลับไป ช่วงบ่ายวันที่ 16 ม.ค. 2565 ปุ้มปุ้ย คลอดลูกชายไซอัลบลู สกาย ดูวาล ณ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท

ในขณะนั้น ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา ได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่ไม่เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวและใบหน้าของลูกว่า เป็นเรื่องที่คิดหนัก และทำการบ้านหนักมาก เนื่องจากให้ความสำคัญกับสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กจะได้รับจากผู้เลี้ยงดู 70% คิดว่า จะไม่มีใครได้เห็นจนกว่าลูกจะเริ่มมีพัฒนาการด้านตัวตน สามารถบอกความรู้สึกได้ จำเป็นต้องขออนุญาตลูกก่อน

  • ดราม่าเกิดหลังไม่เปิดหน้าลูก

จนกลายเป็นดราม่าหนักไปรอบหนึ่ง ขณะเดียวกันมีคนคอมเมนต์ ต่อว่า ปุ้มปุ้ย ด้วยถ้อยคำรุนแรง เช่น ทำไมเหรอ หน้าลูกไม่เหมือนพ่อเหรอ หรือลูกปากแหว่ง พอดีไม่เคยติดตาม เลื่อนมาเจอเลยมาอ่านเมนต์ขี้เกียจดู, ไม่มีใครเขาเอาไปเปรียบเทียบหรอกค่ะ ว่าเด็กคนนั้น น่ารักกว่าเด็กคนนี้ , อย่าโชว์เถอะน่าลูกรำคาญเยอะ ลูกเทวดามาเกิด เป็นต้น

ต่อมา ‘ทนายนิด้า’ โพสต์ข้อความว่า สังคมไทยคนขี้เสื-กเยอะ ถึงขนาดว่าต้องมาพิมพ์ด่าปุ้ย พรรณทิพา ในเรื่องการเลี้ยงลูกของเขาเลยหรอ ทั้งที่ก็เป็นสิทธิ์โดยแท้ของเขา และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด

  • ทำความเข้าใจสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของลูก

ขณะที่อีกด้าน มีการพูดถึงเรื่อง ‘สิทธิในเนื้อตัวร่างกายของลูก’ หรือที่เรียกว่า ‘Sharenting’

ในขณะนั้นขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ‘นักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง’ ได้หยิบยกประเด็นนี้มาวิเคราะห์ ในมุมของนักสังคมสงเคราะห์ มองว่าอยากรณรงค์ให้ทุกคนเข้าใจเรื่อง “สิทธิในเนื้อตัวร่างกายของลูก” แม้เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทยที่อาจเคยชินกับการมองเด็กเป็น ‘สมบัติ’ ของพ่อแม่ หรืออำนาจของพ่อแม่ที่ ‘เหนือ’ กว่าเด็ก และยังไม่เข้าใจเรื่องสิทธิเด็กมากเท่าที่ควร

การงดถ่ายรูปลูกลงสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแบ่งปันตลอดเวลาหรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Sharenting (Sharing + parenting) คือการเคารพในหลักการ “สิทธิที่จะถูกลืม” (right to be forgotten) ซึ่งเป็นการตระหนักว่า เมื่อใดก็ตามที่เราโพสต์รูปลูก ไม่ว่าขณะใดก็ตามในโลกออนไลน์ รูปของลูก ใบหน้าของเขา อากัปกิริยาที่ถูกถ่ายไป จะถูกบันทึกในโลกออนไลน์ตลอดกาล ซึ่งจะถูกแบ่งปันไปอย่างมหาศาลจนไม่มีใครสามารถควบคุมได้ และไม่สามารถรู้วัตถุประสงค์ว่าใครจะเอารูปลูกเราไปทำอะไร แบบไหนได้

ส่วนข้อมูลจาก ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ‘เลี้ยงลูกตามใจหมอ’ระบุว่า ทุกคนต่างเข้าใจหัวอกของคนที่มีลูก เมื่อเห็นเด็กน่ารัก ก็อยากจะแชร์ให้คนใกล้ชิดเห็น

แต่บางคนโพสต์รูปเด็กทุกฝีก้าว บางคนโพสต์เปิดสาธารณะตลอด และบางคนแชร์ทุกเรื่องที่อาจจะอันตราย ยิ่งแชร์ ยิ่งอาจมีโทษจะนำอันตรายมาสู่ลูกได้ โดยเฉพาะรูปโป๊เปลือยที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายเขาเมื่อยามที่เขาโตขึ้น

และได้เสนอว่า การโพสต์รูปลูกแต่พองาม เปิด Private เฉพาะคนในครอบครัวและคนสนิทจริงๆ

  • อดใจไม่ไหว ยอม 'เปิดหน้าลูก' จนดราม่าอีกรอบ

กระทั่งล่าสุด ผ่านมา 1 ปี 1 เดือน ปุ้มปุ้ย โพสต์เปิดเผยหน้าลูกชาย น้องไซอัลบลู พร้อมเขียนแคปชั่นสั้นๆ ว่า "เกินใจจะอดทน" มีคนเข้ามากดไลก์ และคอมเมนต์ชมลูกชายของปุ้มปุ้ย จำนวนมาก ว่าน้องน่ารัก

แต่ก็มีบางคนที่คอมเมนต์ ระบุว่า ลูกคุณปุ้มปุ้ยกับคุณกวิน เก่งมากครับ อายุ 1 ขวบ 1 เดือน สามารถบอกคุณแม่ได้แล้วว่าอนุญาตให้ลงรูปได้ น่าอิจฉาครับ เด็กอัจฉริยะ เด็กทั่วๆ ไปขวบนึงนี่ยังบอกว่าปวดเยี่ยวยังไม่เป็นเลย นี่น้องสามารถอนุญาตแม่ให้เปิดหน้าลูกได้แล้ว สุดยอดครับ เก่งมากๆ ภูมิใจแทนคุณพ่อคุณแม่น้องเลย”

ซึ่งเป็นการคอมเมนต์เชิงต่อว่า เพราะก่อนหน้านี้ ปุ้มปุ้ย ออกมาบอกถึงเหตุผล ที่ไม่เปิดหน้าลูกจะไม่โพสต์หน้าลูกว่าจนกว่าลูกจะอนุญาต และคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนคลอด

ด้าน ปุ้มปุ้ย ได้ตอบคอมเมนต์นั้นกลับไปว่า “ขอบคุณค่ะ ที่พยายามจะแซะแบบไม่ตรง นอกจากเรื่องนี้แล้ว มองเห็นความสุขของคนอื่นบ้างมั้ยคะ”

  • น้องสาวให้กำลังใจปุ้มปุ้ยผยออกจากSafe Zone ไม่ใช่เรื่องง่าย

น้องสาวปุ้มปุ้ย โพสต์ส่งกำลังใจให้พี่สาว พร้อมกับเผยถึงเหตุผลที่ไม่เคยเปิดหน้าน้องไซอัลบลู

โดยระบุว่า ทุกอย่างมีเหตุและผลและช่วงเวลาบริบทนั้นๆ การออกจาก Safe Zone ตัวเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราเป็นน้าเรายังนอยด์ บางครั้งที่คนมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับหลาน เราก็มีหลุดเมนต์ตอบกลับไปเยอะเช่นกัน เรื่องน้องไม่ปกติ น้องพิการ บลาๆ

วันนี้เราเป็นน้าก็เหมือนปลดล็อกไปอีกจุดเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้มันกระทบจิตใจมากๆ นะ น้าขอให้หนูเติบโตแข็งแรง ทั้งกายและใจ ให้หนูมีความสุขสดใส ได้ใช้ชีวิตตามที่หนูเลือกเดิน น้าจะอยู่ตรงนี้เสมอนะครับ จากน้าบ้วย ถึงหลานไซอัลบลู

พร้อมกับลงท้ายให้กำลังใจปุ้มปุ้ยว่า"แกเป็นแม่ที่เก่งที่สุดเลยนะBig Hug"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 1

  • j.
    เหมือนกลื่นน้ำลายตัวเอง
    22 ก.พ. 2566 เวลา 08.55 น.
ดูทั้งหมด