โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น แถลงผลกำไรสุทธิในปีงบประมาณล่าสุด พบว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อยู่ที่ 4.9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.18 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีตัวเลขต่างจากยอดขายประจำปีที่เคยแจ้งไว้ล่าสุด พร้อมประกาศลงทุนในระบบ EV และไฮโดรเจนเพิ่มเติม
กำไร Toyota ในปีงบประมาณการเงินล่าสุดที่ผ่านมาในช่วงเม.ย. 2023 - มี.ค. 2024 ของบริษัทผลิตรถญี่ปุ่นรายใหญ่นี้ พบว่าได้ผลลัพธ์กำไรสุทธิ 4.9 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.18 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงปีงบประมาณก่อนหน้านี้ โดยมี 2 ปัจจัยหลักที่เอื้อให้เกิดกำไรมากมาย คือการที่เงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีก 685,000 ล้านเยน และอีกปัจจัยคือ ยอดขายรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฮบริด
ยอดขายรถยนต์ Toyota และ Lexus รวมกันทั่วโลกในช่วงปีดังกล่าว ก็นับว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน อยู่ที่กว่า 10.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อนหน้า โดยพื้นที่ขายดีได้แก่ อเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่น ขณะที่ยอดขายในพื้นที่ต่าง ๆ ของเอเชีย เช่น จีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ยังใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า รวมกันแล้วอยู่ที่ 3.3 ล้านคัน
ยอดขายรถจำนวน 10.3 ล้านคันดังกล่าว หากแบ่งเป็นรถไฮบริด 3,594,000 คัน เป็นรถปลั๊กอินไฮบริด 141,000 คัน รถยนต์ไฟฟ้าล้วน 117,000 คัน และรถฟิวเซลล์ 4,000 คัน นอกนั้นเป็นรถยนต์สันดาปล้วน 6,445,000 คัน
อ่านเพิ่มเติม : ยอดขาย Toyota ทั่วโลกในปี 2023 ทำได้ 11.2 ล้านคัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ขาย EV ได้ไม่ถึง 1%
นอกจากนี้ โตโยต้าคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิสำหรับปีงบประมาณการเงิน 2567 อาจลดลงจากปัจจุบันลงไป 27.8% เพราะพวกเขาจะนำกำไรปีนี้ไปลงทุนให้กับระบบ EV, ซอร์ฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์ และไฮโดรเจนฟิวเซลล์ เห็นได้ชัดเจนจากการประกาศแผนทุ่มเม็ดเงินลงทุน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเริ่มผลิตรถ EV ที่โรงงานในสหรัฐในปี 2026
Toyota ยังคงยึดมั่นกับนโยบายพลังงานที่หลากหลายแบบ Multi-pathway เพื่อตอบสนองลูกค้าได้ในทุกลักษณะการใช้งานให้มากที่สุด และไม่ได้จำกัดแค่ EV เท่านั้น ซึ่งประธานโตโยต้าเคยกล่าวว่า BEV จะมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกไม่เกิน 30% ของทั้งหมดในปี 2030 เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : 12 อันดับรถรักโลกปี 2024 Toyota Prius ชนะพวก EV ก่อมลพิษน้อยกว่าในภาพรวม มาดูวิธีคิดคะแนนกัน