26 พ.ค.63- พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีแตกแบงก์พันพรรคเพื่อไทย ระบุว่า บทเรียนที่ไม่เคยเรียนรู้ วันนี้จึงไม่ใช่แค่ย่ำอยู่กับที่ แต่คือการถอยหลัง
เคยเขียนถึงพรรคเพื่อไทยเมื่อ 1 เม.ย. 62 ขอนำบางส่วนมาลงซ้ำอีกครั้ง
ผ่านมาแล้วกว่าขวบปี ไม่มีสัญญาณบวกใด ๆ นอกจากการเมืองแบบแลกเปลี่ยนเพื่อผลปย.ของตัวเถ้าแก่เหมือนเดิม พร้อมกับเสียงนกแตกรังยามพระอาทิตย์อัสดง!
"เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงเพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งที่ผ่านมา?
แน่นอน เหตุผลสำคัญหนึ่งคือ รธน.60 ที่ลดทอนจำนวนสส.บัญชีรายชื่อ แต่ข้อนี้อธิบายไม่ได้ว่า ทำไมคะแนน 15.7 ล้านเสียงเมื่อปี 54 จึงเหลือ 7 ล้านในวันนี้? การอ้าง "ถูกโกง" ก็อธิบายไม่ได้ทั้งหมด
สาเหตุรากฐานอยู่ที่พท.เองที่ยังเป็น "พรรคเถ้าแก่" ที่ใช้เครือข่ายสส.เป็นโครงสร้างหลัก สองปัจจัยนี้เคยเป็นจุดแข็งในอดีตจนถึงจุดสูงสุดเมื่อเลือกตั้งปี 54 แต่วันนี้คือจุดอ่อน
ภูมิทัศน์การเมืองเปลี่ยน แต่เถ้าแก่ยังทำซ้ำ ๆ แบบเดิม ทษช.ถูกยุบ เสียไป 150 เขตราว 3 ล้านเสียงจากปี 54
สส.ไหลออก แต่บางส่วนยังสอบได้เพราะปชช.ในพื้นที่ยังเลือกแม้ย้ายพรรค เสียงบางส่วนในภาคเหนือและอีสานเปลี่ยนไปเลือกพปชร.เพราะ "บัตรคนจน" ประชานิยมทักษิณเริ่มเสื่อม ประชานิยมกลับกลายเป็นจุดแข็งของพปชร.แทนเพราะเขามีอำนาจรัฐ
หาเสียงสไตล์เดิม ๆ ชูธงเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่วันนี้พรรคอื่น ๆ ก็ทำเหมือนกัน …
แฟนคลับเอาแต่โทษคนอื่น (รธน. คสช. กกต. ทษช. ศรธน. พปชร. ปชป. อนค. นักวิชาการ สื่อ ฯลฯ) ไม่สรุปบทเรียน …
เถ้าแก่ตามโลกไม่ทัน เครือข่ายสส.กับฐานเสียงถูกบ่อนเซาะ แกนนำต้องฟังเถ้าแก่ ไม่มีบทบาทนำจริง ริเริ่มเองไม่ได้ พท.วันนี้มีแต่บุญเก่า ทั้งตัวเถ้าแก่ แนวคิด แกนนำ สส. มีแต่จะหมดไปไม่ได้เพิ่มขึ้น
ถ้าไม่ปรับเปลี่ยน ก็จะได้สส.ลดลงไปอีก! วันนี้เป็นฝ่ายค้านทำประชานิยมไม่ได้ ฐานเสียงประชานิยมจะไหลไปพปชร. ฐานเสียงปชต.จะไหลไปบรรดาพรรคปชต.ใหม่ สส.จะไหลออกอีกเพราะไม่อยากเป็นฝ่ายค้านอีกต่อไปและเห็นชัดว่า "โปรย้ายค่าย-แถมเงินก้นถุง" ของเขาดีจริง!
… หลายคนเห็นแล้วว่า ต้องปฏิรูปพรรค แต่ปัญหาอันดับแรกคือ เถ้าแก่ต้องยอมรับว่า พท.เป็นของประชาชน ไม่ใช่ "ทรัพย์สินประจำตระกูล" แกนนำไม่ใช่ "เด็กในบ้าน" ไม่ใช่เครื่องมือใช้ต่อรองเพื่อปย.ตัว ให้มีประชาธิปไตยในพรรค ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสืบทอดจริงจัง".