วันนี้ (25 ก.พ. 65) เวลา 13:00 น. มีการชุมนุมด้านหน้าสถานทูตสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำประเทศไทย เพื่อต่อต้านกรณีประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดปฏิบัติการบุกโจมตียูเครน จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน และกระทบความเป็นอยู่ของประชาชนชาวยูเครน
ผู้สื่อข่าว The Reporters พูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเป็นชาวยูเครนที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ชายชาวยูเครนคนหนึ่งเปิดเผยว่า ยูเครนเป็นประเทศเอกราชที่ประธานาธิบดีปูตินมิอาจใช้กำลังก้าวล่วงได้เช่นนี้ สถานการณ์การสู้รบในปัจจุบันเองก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงชายแดนรัสเซีย แต่ยังขยายวงกว้างถึงหลายพื้นที่ในประเทศ รวมถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟ ซึ่งกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน
“สิ่งที่ประธานาธิบดีปูตินกระทำลงไปมันบ้าระห่ำมาก มีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน ไม่ใช่เพียงอาคารทางทหารที่เสียหาย แต่ยังกระทบมาถึงบ้านเรือนประชาชน ผมจึงอยากเรียกร้องให้เขายุติสงครามและคืนสันติภาพให้กับยูเครนในทันที” ชายชาวยูเครน กล่าว
หญิงชาวยูเครนอีกคนหนึ่งเปิดเผยว่า ครอบครัวของเขาไม่สามารถอพยพหนีภัยไปแห่งอื่นได้ และไม่อยากหนีไปด้วยเนื่องจากยูเครนเป็นแผ่นดินเกิด ตอนนี้จึงต้องหลบภัยอยู่ในชั้นใต้ดินของบ้าน สะสมเสบียงน้ำและอาหารประทังชีวิต และแม้จะหวาดกลัวต่อสถานการณ์ความไม่สงบนี้ แต่ก็มั่นใจว่ายูเครนจะชนะ เพราะนี่คือมาตุภูมิของชาวยูเครน และรัสเซียบุกโจมตีอย่างไม่ชอบธรรม
“ดิฉันมั่นใจในรัฐบาลของเรา ดิฉันมั่นใจในพี่น้องชาวยูเครน ดิฉันก็ภูมิใจที่เกิดเป็นคนยูเครน พวกเรามาวันนี้ก็เพื่อขอให้รัสเซียหยุดสงครามนี้เสีย เพราะปูตินไม่ใช่ประธานาธิบดีของเรา และดิฉันหวังว่าทั้งโลกจะติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะสันติภาพและความมั่นคงไม่ใช่แค่เรื่องของยูเครน แต่เป็นเรื่องของคนทั้งโลก” หญิงชาวยูเครน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
แม้จะมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น (local staff) ของสถานทูตสหพันธรัฐรัสเซียออกมาเจรจาถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มในวันนี้ พร้อมทั้งเสนอให้ส่งผู้แทนกลุ่มจำนวน 1 คนเข้าเจรจาภายในสถานทูต แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันให้ผู้แทนเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของสถานทูตออกมาเจรจาในพื้นที่ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลา 15:00 น. ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวจากสถานทูต ท่ามกลางการสังเกตการณ์และการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) บางรัก และกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงยืนยันเรียกร้องด้านหน้าสถานทูตสหพันธรัฐรัสเซียต่อไป
เรื่อง/ ภาพ: ณัฐนนท์ เจริญชัย