โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ลูกสาวคนสุดท้องของจักรพรรดิคือนักวิทยาศาสตร์

นิยาย Dek-D

อัพเดต 15 ธ.ค. 2566 เวลา 00.00 น. • เผยแพร่ 15 ธ.ค. 2566 เวลา 00.00 น. • ลูกแมวสามตัว
ลูกสาวคนสุดท้องของจักรพรรดิคือนักวิทยาศาสตร์
จากเดิมที่คิดว่าจะต้องตายแล้ว แต่สวรรค์ก็ได้ให้โอกาสเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นลูกสาวคนสุดท้องของเทพแห่งสงคราม

ข้อมูลเบื้องต้น

หนิงจื่อเสวี่ย องค์หญิงน้อยแห่งต้าเจี่ยนั้นมีความลับที่ทุกคนไม่รู้อยู่นั่นก็คือ ชาติก่อนนั้นนางเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่เพราะการทดลองผิดพลาดเลยทำให้นางได้มาเกิดใหม่เป็นองค์หญิงที่มีพ่เป็นถึงเทพแห่งสงครามและแม่เป็นถึงแม่ทัพหญิงของแคว้น
จื่อเสวี่ย: ว้าวพ่อแม่ในชาตินี้เท่จัง เอ๋?
ฮ่องเต้: ลูกรักเจ้าไปซ่อนอยู่ที่ไหนเอ๋ย
จื่อเสวี่ย: ไหนอ่ะเทพแห่งสงคราม??
ฮองเฮา: ลูกรักลูกต้องจำไว้นะว่าสตรีอย่างเราเรื่องผิวสำคัญที่สุด
จื่อเสวี่ย: ท่านแม่ท่านเป็นอดีตแม่ทัพจริงๆหรือ?
บรรดาพี่ชาย: น้องหญิงมาเล่นกันเถอะ
จื่อเสวี่ย: …..
จื่อเสวี่ยที่ถูกทุกคนในครอบครัวคอยปรนเปรอ เมื่อโตขึ้นนางก็ถูกราชครูตัวน้อยกดเข้ากำแพงแล้วจูบ
ราชครูตัวน้อย: ในที่สุดก็จับได้แล้ว⁠_⁠
จื่อเสวี่ย: !!!!
สวัสดีอีกครั้งกับแฟนๆแมวน้อยทั้งหลาย ครั้งนี้ลูกแมวก็กลับมาพบกับเรื่องราวเด็กน้อย(ที่ไม่น้อย)อีกครั้ง เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องราวแนวสโลไลฟ์ เรื่อยเปื่อยอาจมีเรื่องฮาๆปนมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความน่ารักของน้องเสี่ยวเป่าเป็นหลัก ส่วนพระเอกนั้น…รอไปก่อน ลูกสาวยังไม่โต

ท้ายนี้ผลงานเรื่องนี้ก็เป็นไปตามตามพระราชบัญญัติสิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558
ไม่อนุญาตให้สแกนเนื้อหาไปทำไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ แคปหน้าจอ หรือคัดลอกเนื้อหาไปเผื่อแพร่โดยไม่รับอนุญาติจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาติจากเจ้าของลิขสิทธิ์นะคะ^^

บทนำ

ณ เมืองหลวงอันวุ่นวาย ในยุค 20xx

ที่นี่สถาบันวิจัยอันเรืองชื่อของประเทศ ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีมากมายที่ไม่ได้เปิดเผยสู่ภายนอก

ภายในห้องแล็ปที่ซึ่งเป็นความลับได้มีชายหญิงคู่นึงกำลังพักผ่อนอยู่ หญิงสาวนอนหลับอยู่บนโซฟา ในขณะที่ชายหนุ่มก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะของตน ทั้งสองคนนี้คือหัวหน้าและรองหัวหน้าของสถาบันนี้

ติ๊ด ติ๊ด~~ เสียงนาฬิกาปลุกให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟาตื่นขึ้น ดวงตากลมภายใต้แว่นตาลืมตาตื่น ฝ่ามือบางกวาดหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงนาฬิกาปลุก จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่งแล้วกะพริบตามองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง ใช้เวลาสักพักกว่าหญิงสาวจะหายง่วงแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะของตนเพื่อทำงานต่อ

“วันนี้มีข่าวอะไรบ้างไหม” เสียงหวานเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ส่วนมือก็พิมพ์ข้อมูลการทดลองไป

“ยังไม่มี คิดว่าน่าจะใช้เวลาสักพัก”

“อื้ม”

“จะทำงานต่อเลยไหม” ชายหนุ่มถามหญิงสาวที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่

“อื้ม นายไปเตรียมตัวเลยเดี๋ยวฉันตามไป”

“โอเค” ว่าจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปเตรียมของสำหรับการทดลองต่อ

การทดลองของทั้งคู่นั้นเกี่ยวกับเรื่องพืชและสัตว์ที่สูญหายไปในอดีต สิ่งที่พวกเขาทำคือการหาเชื้อมาเพาะพันธุ์หรือสร้างพวกมันขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังศึกษาสัตว์ชนิดนึงที่หายสาบสูญไปในอดีต

หลังจากชายหนุ่มเตรียมเครื่องมือเสร็จหญิงสาวก็เดินเข้ามาพอดี ทั้งคู่จึงเริ่มการทดลองของพวกเขาต่อ ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังแยกสสารXซึ่งเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยกับมันดี ก็ได้มีการเผลอเติมสสารอย่างอื่นลงไปในหลอดทดลองจนทำให้มันเกิดปฏิกิริยาขึ้น แสงสว่างวาบก่อนจะตามมาด้วยเสียงระเบิดตู๊ม ทุกอย่างในห้องทดลองก็ถูกระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ภาพของชายหนุ่มที่วิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าแตกตื่นก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไปนั้นคือสิ่งสุดท้ายที่หญิงสาวเห็น ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายมาเป็นใบหน้าใหญ่ๆ ของพ่อของเธอที่เสียชีวิตไปในอดีต

“…” นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“องค์หญิงน้อยของพ่อเจ้าช่างน่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน” รอยยิ้มโง่ๆ ของบิดาทำให้องค์หญิงน้อยผู้เกิดใหม่ได้แต่กลอกตามองบน ก่อนจะคิดว่าตอนนี้มันเกิดอันใดขึ้น

หญิงสาวพยายามขยับตัวของนางแต่ก็ทำไม่ได้ราวกับว่านางกำลังโดนอะไรบางอย่างผูกมัดไว้ นางจึงเปลี่ยนเป้าไปขยับมือของตนก็พบว่ามันสามารถขยับได้ นางจึงพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อผลักหน้าพ่อแก่ๆ ของตนเองก็มีอันต้องตกใจกับมือของตน

“อะ!!” ไม่มีทางมือที่แสนเรียวงามของนางกลายเป็นมือน้อยๆ ของเด็กทารกไปเสียแล้ว หญิงสาวตกใจกับสิ่งที่ตนเห็นเป็นอย่างมาก นางจึงเอื้อมมือน้อยของตนมาจับหน้าของตนดูบ้างก็พบว่ามันนุ่มยุ่นเหมือนแก้มของเด็กทารก

“….”

“..!!”

“แอ๊!!” นี่เธอกลายเป็นเด็กทารกไปแล้วว!!

1.องค์หญิงน้อย

สามปีต่อมา

ณ อุทยานหลวงที่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ุ ได้มีร่างเล็กๆ ร่างนึงกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างสระบัว เด็กน้อยผู้มีใบหน้าอ้วน ตาโตราวกับลูกกวาง และปากเล็กๆ สีชมพูอ่อน นางกำลังก้มหน้าลงมองปลาในสระด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย แขนสั้นๆ ที่จ่ำม่ำราวกับรากบัว จุ่มลงไปในน้ำเพื่อกวนน้ำเล่น ในระหว่างนั้นหูของนางก็คอยฟังความเคลื่อนไหวไปด้วย เมื่อนางได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน นางก็วิ่งหนีไปจากตรงนั้นแล้วไปหลบอยู่หลังภูเขาจำลอง

เด็กน้อยแอบโผล่หัวออกมาจากภูเขาจำลองเพื่อดูสถานการณ์ภายนอก เมื่อนางเห็นว่าร่างสูงในอาภรณ์สีทองผ่านไปแล้ว นางก็วิ่งออกจากตรงนั้นแล้วเดินกลับไปยังแปลงดอกไม้ข้างสระเพื่อดูปลาต่อ เด็กน้อยทำแบบนี้ซ้ำๆ โดยมีบางครั้งที่นางจะแอบอยู่บนต้นไม้เพื่อดูสถานการณ์ข้างล่างบ้าง จนกระทั่งอีกฝ่ายไม่สามารถหานางเจอได้แล้ว นางก็เป็นฝ่ายชนะเกมในครั้งนี้

‘อันจื่อเสวี่ย’ หรือชื่อในชาตินี้ก็ ‘หนิงจื่อเสวี่ย’ ชื่อเล่น ‘เสี่ยวเป่า’ องค์หญิงน้อยเพียงหนึ่งเดียวแห่งแคว้นต้าเจี่ย หรือที่รู้จักกันในแคว้นแห่ง (อดีต) ความมั่งคั่ง ที่ทุกที่นั่นเต็มไปด้วยขุมทรัพย์มากมาย? ตัวนางที่ได้มาเกิดเป็นองค์น้อยนั้น นับตั้งแต่วันแรกที่นางเกิดใหม่นี่ก็ผ่านไปสามปีแล้ว สามปีแล้วที่นางต้องทนเล่นเป็นเพื่อนพ่อเฒ่ามาตลอด ฮ่องเต้ผู้ซึ่งเป็นถึงเทพแห่งสงครามในอดีต ปัจจุบันก็ไม่รู้ว่างานฮ่องเต้มันว่างมากหรือ เขาถึงได้มีเวลามาเล่นกับนางทุกวันๆ

เจ้าก้อนแป้งน้อยได้แต่สงสัยว่าเหตุใดพ่อผู้เป็นถึงบิดาของแผ่นดิน ถึงได้ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ ต่อนางเหลือเกิน ในขณะที่ท่านแม่นั้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะท่านคอยสอนนั้นนี่ให้นางเสมอๆ ส่วนพวกพี่ชายทั้งสิบคนก็มีบางคนที่ชอบเอาของเล่นเด็กๆ ไม่ก็ชวนนางเล่นแบบเด็กๆ เหมือนท่านพ่อ อื้อ..สำหรับพี่ชายนางพอจะเข้าใจอยู่ เพียงแต่ท่านพ่อนางนี่สิ เขาควรเป็นแบบอย่างให้แผ่นดินไม่ใช่หรือ?

เด็กน้อยนั่งอยู่ต้นไม้ในมือก็กัดแอปเปิลที่เป็นของว่างไป พลางมองพ่อเฒ่าที่เดินวนไปวนมาเพื่อหานางไป เด็กน้อยอาศัยจังหวะที่บิดาไม่เห็นนางแล้วลงจากต้นไม้ จากนั้นก็วิ่งออกไปจากอุทยานเพราะนางรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่ท่านพ่อของนางต้องไปทำงานได้แล้ว ดังนั้นนางจึงวิ่งไปหาอัครเสนาบดีผู้ซึ่งเป็นผู้ช่วยท่านพ่อของนางด้วยขาสั้นๆ

ระยะทางจากจุดที่นางอยู่ไปจนถึงหน้าอุทยานนั้นไม่ได้ไกลมากนัก แต่ด้วยความที่นางเป็นแค่เด็กสามขวบ จึงใช้เวลาค่อนข้างมากในการวิ่งไปให้จุดหมาย เมื่อนางไปถึงหน้าทางเข้าอุทยาน นางก็ได้พบกับคนที่ตนกำลังตามหา

“ท่านลุงฉิน” เสียงใสเอ่ยเรียกชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“องค์หญิงเหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี่ ท่านไม่ได้ทรงกำลังเล่นกับฝ่าบาทอยู่หรือพะยะค่ะ”

“ไม่เสี่ยวเป่า (ชื่อเล่น) เบื่อแล้ว เสี่ยวเป่าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอ่ยตอบเสียงใสพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

“ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาท..”

“ท่านลุงไปหาท่านพ่อเถอะ เสี่ยวเป่าจะไปแล้ว^^”

“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอลาไปตามฝ่าบาทก่อนนะพะยะค่ะองค์หญิง”

“อื้อตามสบายเลย^^”

หลังจากชายวัยกลางคนจากไปแล้ว เด็กน้อยก็ลดมือน้อยๆ ของตนลง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วเดินจากไปเพียงลำพัง จื่อเสวี่ยถอนหายใจขณะเดินไปทางตำหนักของมารดา ด้วยความที่นางยังเป็นเด็กน้อยอยู่ นางจึงได้พักอาศัยอยู่กับมารดา

เด็กน้อยเดินกลับตำหนักของมารดาด้วยขาสั้นๆ ของตน จนนางลืมไปแล้วว่านางสามารถขอให้เหล่าคนใช้อุ้มนางกลับไปได้ ซึ่งกว่านางจะกลับไปถึงก็ใช้เวลาไปถึงหนึ่งชั่วยาม

“แฮ่ก แฮ่ก การเป็นเด็กนี่เหนื่อยจัง -_-”

พูดคุยท้ายตอน

สวัสดีรี้ดทุกๆคน วันนี้คุณไรท์ก็พาลูกสาวคนใหม่ของบ้านแมวมาฝากกก นั้นก็คือน้องเสี่ยวเป่านั้นเองค่า ทุกคนไรท์ของฝากเอ็นดูก้อนแป้งน้อยของไรท์ด้วยนะคะ ^^

2.พ่อเฒ่าผู้ชอบหนีงาน

เหม่อ~~

จิ๊บ จิ๊บ

เหม่อ~

“…”

จิ๊บ จิ๊บ

“ฝ่าบาท..”

“…”

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ?”

“เจ้าว่าตอนนี้เสี่ยวเป่าของเจิ้นจะทำอันใดอยู่กันนะ นางจะคิดถึงพ่อคนนี้หรือไม่?”

“แน่นอนพะยะค่ะ ทุกคนต่างก็รู้ว่าองค์หญิงรักท่านที่สุด” จางกงกงปาดเหงื่อ ในใจเขาก็ขอโทษองค์หญิงน้อยไปด้วย ที่ตนอ้างเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที่ความจริงแล้วทุกคนต่างก็รู้ดีว่าองค์หญิงทรงรักใคร่ฮองเฮาที่สุด

“นั้นสินะเสี่ยวเป่าย่อมรักเจิ้นมากที่สุด” เมื่อเห็นว่าบุรุษในอาภรณ์สีทองอารมณ์ดีแล้ว จางกงกงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทท่านต้องรีบทรงงานให้เสร็จนะพะยะค่ะ เพื่อจะได้ไปเล่นกับองค์หญิง” แม้ว่าพระองค์จะไม่ต้องการก็ตาม จางกงกงเอ่ยประโยคนี้ในใจไม่ได้พูดออกมา

“ไม่ล่ะ”

“พะยะค่ะ?”

“เจิ้นไปหาเสี่ยวเป่าตอนนี้ส่วนงานไว้ทีหลัง” ว่าจบบุรุษในอาภรณ์สีทองก็ลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกไป

“ฝ่าบาท!!” จางกงกงผู้น่าสงสาร วันนี้เขาก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้นายของตนทำงานได้อีกตามเคย แม้ว่าเขาจะยกองค์หญิงน้อยขึ้นมาเพื่อเกลี้ยกล่อมก็ไม่อาจทำให้นายของตนทำงานได้อยู่ดี

.

.

อีกด้านนึง

“อึก…ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกไม่ดีเลยนะ”

เด็กหญิงตัวน้อยผู้ซึ่งถูกเรียกว่าองค์หญิงนั้น วันนี้นางก็ถือโอกาสที่พ่อของนางไม่อยู่ หนีมาสิงอยู่ที่ห้องสมุดกับพี่รองของนางเพื่ออ่านตำรา

“น้องเล็กเจ้าเบื่อแล้วหรือ?” ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เอ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อย

“ไม่เจ้าค่ะ พี่รองเสี่ยวเป่าอยากอ่านตำราแพทย์บ้าง เสี่ยวเป่าเบื่อนิทานแย้ว” ดวงตากลมจ้องมองผู้เป็นพี่ชายด้วยความออดอ้อน ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เกือบเผลอไปกับความน่ารักของนางแล้วให้สิ่งที่นางร้องขอ

“ไม่ได้เจ้ายังเด็กเกินไปสำหรับตำราแพทย์ ดูนี่สินี่เป็นนิทานที่พี่ได้มาจากต่างแคว้นลองดูว่าเจ้าชอบหรือไม่”

“…” ของเด็กๆ แบบนี้นางจะไปสนใจได้อย่างไร ยกเว้นบันทึกการเดินทางไอ้พวกนิทานหลอกเด็กแบบนี้นางไม่สนในจหรอกนะ

“ขอบคุณเพคะพี่รอง” ถึงในใจนางจะคิดเช่นนั้น แต่ต่อหน้านางก็ยังต้องรักษาน้ำใจของพี่ชายอยู่ดี

เด็กหญิงตัวน้อยแอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเปิดหน้าตำรานิทานที่พี่ชายให้มาเพื่ออ่านเนื้อหาด้านใน ร่างเล็กๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสำหรับเด็ก พลางทำสีหน้าจริงจังเวลาอ่านตำราราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อยนั้น ทำให้องค์ชายรอง ‘หนิงจื่ออัน’ มองดูด้วยความเอ็นดู ชายหนุ่มจึงอดไม่ไหวยื่นมือไปลูบหัวของเด็กหญิง จนนางเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัย

ดวงตากลมกะพริบตามองชายหนุ่มด้วยความงุนงง ใบหน้าที่ถามว่ามาลูบหัวตนทำไมนั้น ทำให้ชายหนุ่มถึงกับตกหลุมพรางไปกับความน่ารักของเด็กน้อย

“พี่รอง?”

“ไม่มีอันใดเจ้าอ่านตำราต่อไปเถอะ^^”

“…” พี่ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากพอๆ กับพ่อเลยสินะ เด็กน้อยคิดในใจก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่านนิทานในมือต่อ

เนื้อหาของนิทานนั้นจะบอกว่าสนุกก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะเนื้อหามันไม่ค่อยเหมือนนิทานสำหรับเด็ก แต่มันเหมือนกับนิยายของผู้ใหญ่มากกว่า จากคำพูดของพี่ชายคนรองที่บอกว่าได้มาจากพ่อค้า ก็ทำให้นางพอเข้าใจว่านิทานเรื่องนี้น่าจะขายดีพอสมควร

“อื้อ…ไม่เลวเลยนิ” เด็กหญิงตัวน้อยพึมพำกับตัวเองเบาๆ จากนั้นนางก็หันไปสนใจเนื้อหาในตำราต่อจึงทำให้นางไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังมุ่งมาทางพวกนาง

“เสี่ยวเป่าพ่อมาเล่นกับเจ้าแล้ว!!^^”

“…”

“เสด็จพ่อท่านเสียงดังเกินไปแล้วนะพะยะค่ะ”

“อันใดกันเจ้ารองเจ้าก็อยู่ด้วยรึ?”

“…” จื่อเสวี่ย

“…” จื่ออัน

พูดคุย

ต่อจากตอนที่แล้ว ที่คุณพ่อเล่นซ่อนหากับน้องเป่า มาตอนนี้พ่อโดดงานมาหาน้อง ส่วนน้องก็กำลังอ่านนิยายเพลินๆก็ถูกพ่อมาขัดจังหวะ

เสี่ยวเป่า: =_=

ปล. หากใครชอบน้องเสี่ยวเป่าก็อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ด้วยนะคะ^^

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0