หนุ่มใช้สิทธิ "เราเที่ยวด้วยกัน"หวิดโดนหมายจับ

ย้อนกลับไปดูโครงการเราเที่ยวด้วยกันในเฟสแรกๆ มีการโกงเกิดขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับบุคคล 136 รายที่ร่วมกันทุจริตเบิกเงินในการเช่าห้องพักและซื้อสินค้าอาหาร โดยไม่เป็นไปตามเกณฑ์จนรัฐสูญเสียงบประมาณในโครงการนี้เกือบ 100 ล้านบาท

ซึ่งการโกงดังกล่าว มีผลกระทบมาถึงผู้ใช้สิทธิโครงการบางคนที่ถูกสุ่มตรวจหรือถูกเรียกให้ไปเป็นพยาน หากโรงแรงที่เราเข้าพักทุจริตเหมือนอย่างหนุ่มคนหนึ่งที่โพสต์ลงใน TikTok ว่าจู่ๆ ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

ttb ส่งจม.เปิดผนึกแจงลูกค้า "แอปฯล่ม" 3 วัน กระทบผู้ใช้ 4.5 ล้านราย

“นาซา” เลื่อนปล่อยจรวดไปดวงจันทร์รอบ 2 หลังพบปัญหาไฮโรเจนเหลวรั่ว

โดยโดนหมายเรียกหลังไปพักโรงแรมที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และมีหมายมาที่บ้าน บอกว่าต้องไปให้ ปากคำในฐานะพยาน แล้วถ้าหมายเรียกสองครั้งยังไม่มาจะออกหมายจับทันที

ซึ่งหนุ่มคนนี้บอกว่าได้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ารถ เพื่อเดินทางมาสภ.ภูเก็ต เมื่อเดินทางมาถึงมีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาแล้วพูดว่า น้องๆพี่ต้องตอบตำรวจอย่างไร ผมก็ถามกลับไปว่าพี่ได้มาพักไหมครับ เขาบอกว่าไม่ได้มาพัก ผมเลยตอบเขาไปว่า ต้องตอบความจริง เพราะผมได้เข้ามาพัก และสมัครโครงการเองทุกอย่าง

เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เข้าใจว่าการที่ถูกเรียกสอบเกิดจากการณ์ทุจริตบางอย่าง ซึ่งผมได้ถามเจ้าหน้าที่ พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง และทางตำรวจได้ส่งเรื่องเรียกหมายจับวันละนับ 100 ราย แต่มีคนมาให้ปากคำเพียงวันละ 10 คนเอง

หนุ่มคนนี้ตั้งคำถามกลับว่า “ทั้งค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ ใครจะรับผิดชอบ ทั้งที่ผมไม่มีส่วนผิด หรือรู้เห็นเกี่ยวกับการทุจริตในครั้งนี้เลย ถ้าผมไม่มาก็จะโดนหมายจับอีก อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ บางโครงการอย่าไปทุจริตครับ มันเดือดร้อนคนอื่นเขา”

คลิปนี้ได้รับความสนใจในโซเชียลเป็นอย่างมาก มีการตั้งคำถามมากมาย เช่น ทำไมตำรวจไม่ส่งเรื่องมาที่ สภ.ใกล้ ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเป็นที่สภ.ที่เกิดเหตุ บางคนก็แสดงความเห็นว่าเคยเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ซึ่งไม่เคยมีใครได้รับเงินเยียวยาทั้งที่ไม่มีความผิดอะไร แต่ต้องออกค่าเดินทาง ค่าอาหารเอง

ซึ่งทางหนุ่มคนนี้ ก็ได้อัดคลิปชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมถึงประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า ถ้าได้รับหมายเรียกให้มาให้ปากคำในฐานะพยาน ก็นำหลักฐาน เช่น ตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก รูปถ่ายแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยืนยันว่าได้เข้าพักที่โรงแรมจริง ส่วนเรื่องเงินค่าพยานรายละ 300-500 บาท นั้น ตนเองยืนยันว่าไม่ได้ค่าพยานแต่อย่างใด

สำหรับเรื่องนี้ ทางผู้สื่อข่าวพีพีทีวี ได้สอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรฉลอง ขังหวัดภูเก็ต ได้ข้อมูลว่า สำหรับประชาชน ที่ได้รับหมายเรียก สามารถติดต่อมายังสถานีตำรวจภูธรฉลอง เพื่อขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ที่สถานีตำรวจภูธร หรือสถานีตำรวจนครบาล ในพื้นที่ที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ได้ โดยไม่ต้องเดินทางมาเอง แต่ถ้าผู้ที่ได้รับหมายเรียก เดินทางมาให้ปากคำเป็นพยานที่สถานีตำรวจภูธรฉลอง ก็จะได้รับเงินค่าพยานรายละ 300 บาท

กรณีที่พยานที่เดินทางจากต่างจังหวัดจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเดินทาง และที่พักกับทางพนักงานสอบสวนได้

ลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันแรก กว่า 1.8 ล้านราย

เช็กผลการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ประกาศทุกวันศุกร์ ในแต่ละสัปดาห์