โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ตื่นตัว.. แต่ไม่ตื่นกลัว “ฝุ่น PM2.5” มหันตภัยเงียบกับ “บางสิ่ง” ที่คุณอาจยังไม่รู้!

LINE TODAY

เผยแพร่ 11 ธ.ค. 2562 เวลา 04.28 น. • nuchthawat_p

*เช็คค่าฝุ่นละออง PM2.5 กับ LINE TODAY ที่เดียวจบ ไม่ต้องโหลดแอปฯ เพิ่มได้ง่าย ๆ แค่คลิก >> https://lin.ee/iwhMrsF บนมือถือ

มนุษย์เราเฉลี่ยหายใจเข้า-ออกประมาณ 20,000 ครั้งต่อวัน ปริมาณต่อวันราว 8,000 ถึง 12,000 ลิตร! 

ลองคิดเล่น ๆ ว่าวันวันหนึ่งเรามีโอกาสที่จะสูดหายใจเอา เจ้าฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เข้าไปในปอดมากน้อยขนาดไหน แม้ภาครัฐจะออกมาบอกประชาชนผ่านสื่อว่าหมู่เฮาชาวเมืองหลวงนั้นจงอย่าได้ตื่นกลัว (panic) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเพิกเฉย ไม่ตื่นตัว (aware) ตื่นรู้ถึงอันตรายของมัน

ต้นตอ “ฝุ่น PM2.5” เพชฌฆาตตัวร้ายที่ไม่ได้กลับมาเล่น ๆ

แหล่งกำเนิดของปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในกรุงเทพฯ ล้วนเกิดจากพฤติกรรมมักง่ายของมนุษย์ จากปัญหาจราจรติดขัด การปล่อยควันของท่อไอเสียยานพาหนะ ตลอดจนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อขยายตัวเมืองและระบบขนส่งสาธารณะ 

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสภาพอากาศในบ้านเรา ควรจะต้องออกมาตรการบังคับใช้ข้อกฎหมายอย่างเข้มข้นเสียที 

ฝุ่น (เรื่อง) “ไม่เล็ก” นะครับ…

เรื่องของฝุ่นขนาด “เล็ก” ที่กลายเป็นปัญหา “ใหญ่” จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสังคมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากอนุภาคของฝุ่น PM2.5 นั้นเรียกว่าโคตรเล็ก เล็กเสียยิ่งกว่าเส้นผมเส้นขนของมนุษย์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้น เราจะไม่มีทางล่วงรู้เลยว่าช่วงไหนที่สภาพอากาศในกรุงเทพฯ มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เพิ่มขึ้นหรือลดลง ยิ่งไปกว่านั้น การที่วันไหนสภาพอากาศดี มีแดดแจ่มใส ก็มิได้เป็นเครื่องการันตีว่าความเข้มข้นของฝุ่นจะไม่เกินค่ามาตรฐาน

สิ่งที่ทำได้ในเบื้องต้นคือให้เราระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ หากพบอาการผิดปกติเฉียบพลัน เช่น แสบตา แสบคอ หายใจฟืดฟาด คันระคายเคือง หรืออาการอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย  

ลำพังแค่ “ฝุ่นพิษ” อย่างเดียวก็แย่แล้ว นี่ “มัน” ยังพาเพื่อนมาด้วย

How dare you! กล้าดีอย่างไรคะนางฝุ่น PM2.5! ผู้เขียนอยากจะเกรี้ยวกราดให้ได้สักครึ่งนึงของน้องเกรตา ธันเบิร์ก ในสถานการณ์มลพิษทางอากาศ PM2.5 เกินมาตรฐาน นอกจากสารเคมีที่เป็นพิษแล้ว เรายังจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบของเชื้อ “จุลินทรีย์” ที่แฝงตัวมากับฝุ่นละอองในอากาศ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส แบคทีเรีย รา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลที่ไม่ดี แหล่งน้ำเสีย กองขยะ ซึ่งเป็นแหล่งก่อเชื้อโรคชั้นเยี่ยม

การสูดหายใจเอาสปอร์ของจุลินทรีย์เหล่านี้เข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เกิดภูมิแพ้ หอบหืด ปอดอักเสบ ทั้งนี้อาการของผู้ป่วยจะหนักหนาระดับไหนก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อที่ได้รับและสภาวะร่างกายในขณะนั้น

ขอแสดงความยินดีด้วยที่ปัจจุบัน ประเทศไทยยัง "ไม่มี" การกำหนดค่ามาตรฐานจุลินทรีย์ในอากาศทั้งภายในและนอกอาคาร ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค เช่น กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมอนามัย จำเป็นต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ 

เตือนแล้วนะ! ฝุ่นอันตราย ในระยะยาวอาจถึง “ตาย” ได้

องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติและองค์การอนามัยโลก กำหนดให้สารเคมี ไวรัส แบคทีเรีย สารกัมมันตรังสีกว่า 120 ชนิด ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในฝุ่นเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 โดย "ฝุ่น" เป็นรูปแบบของมลพิษทางอากาศที่อันตรายที่สุด! เนื่องจากความสามารถในการเจาะลึกเข้าไปในปอดและกระแสเลือดโดยไม่มีการกรอง ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเออย่างถาวร เป็นต้นเหตุให้เกิดโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง โรคมะเร็งปอด โรคปอดเรื้อรัง การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ รวมไปถึงผลกระทบต่อคุณแม่ที่อาจคลอดก่อนกำหนด และทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์

“ไม่ได้อยากถาม แต่แค่อยากรู้ว่าฝุ่นแถวบ้านฟุ้งไหม อยู่ช่องนนทรีอากาศไม่ดีลำบากหายใจ ยอดตึกวันนี้ ทำไมหายไป… หาไม่เจอ” (กรุณาอ่านให้เป็นทำนองเพลง “รักติดไซเรน” ด้วยระดับเสียงสูงที่สุดเทียบเท่าน้องแพรวา) 

โดยภาพรวมอนุภาคฝุ่น PM2.5 ในบรรยากาศ เป็นปัจจัยเสี่ยง "อันดับ 6" ที่นำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทั่วโลก!

อ้างอิง:

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 43

  • Ruang
    คนกรุงเทพควรช่วยตัวเองครับ 1.ปลูกต้นไม้ริมถนนให้มากที่สุด 2.ฉีดน้ำลดฝุ่นลง ในบริเวณที่มีการก่อสร้าง 3.ให้ผู้ประกอบการขนส่ง ลงทุนการขนส่งทางรางแทนรถพ่วงและรถบรรทุก โดยลดภาษีให้ 4.ผู้นำต้องแจกหน้ากากฟรีให้ประชาชน 5.สร้างระบบพ่นน้ำให้อากาศเย็นตามลำคลองต่างๆที่มีอยู่ น้ำในคลองก็จะสะอาดขึ้น ต่อไปในอนาคต ฝุ่นเหล่านี้ถ้าสะสมมากถึงจุดหนึ่งฝนที่ตกลงมาก็จะเป็นฝนกรด จากสารพิษต่างๆ กรุงเทพจะไม่น่าอยู่ ขอบคุณครับ
    03 ต.ค. 2562 เวลา 14.24 น.
  • KTU ...
    แค่นี้ทำซีเรียส...แม่เมาะ...และแถวสระบุรีเค้ามีหนักกว่านี้ มากี่ปีล่ะ...ใครสนใจเค้าบ้าง...
    03 ต.ค. 2562 เวลา 10.35 น.
  • 🏕🌈Nid🌌🏝
    อยากชมคนเขืยนค่ะ เขืยนได้ดีมากๆ เท่าที่อ่านดู ยังไม่เห็นมีผิดเลยสักตัว เก่งมากค่ะ🤗🤗🤗
    03 ต.ค. 2562 เวลา 23.36 น.
  • กำหนดไปก็เท่านั้น! คิดกันบ้างกรือไม่ว่าที่กินอาหารหรูฟุ่เฟือยตามสถานที่หลายแห่งนั้นการปรุงอาหารแต่ละจานได้ปล่อยควันพิษออกมาเท่าใด หรือจะแก้ว่ามันไม่พิษเพราะมันกินได้ เก็บควันเหล่านี้กลั่นกรองให้สะอาดก่อนปล่อยสู่อากาศ อย่างน้อยก็ในกทม.และเขตควบคุมพิเศษบางแห่ง มีอำนาจก็ใช้ในทางที่ถูกที่ควรซะๆๆ
    03 ต.ค. 2562 เวลา 02.23 น.
  • หนึ่งซ่าส์
    โครงการก่อสร้าง ทุกโครงการใน กทม. มีการควบคุมฝุ่น มลพิษหรือป่าวละคับ ที่หนักๆไม่ได้มาจากรถหรอก โครงการก่อสร้าง ขับผ่านหน้ารามดู สมัยก่อนมีที่ไหนฝุ่นคลัก แล้วแถวสระบุรี ฝุ่นเพียบมีไครตื่นตัวบ้างมันหนักกี่ปีมาแล้ว สุขภาพคนแถวนั้นจะเป็นยังไงกันบ้างละ ฝุ่นควันรถนั้นแค่ส่วนนึงเอง
    05 ต.ค. 2562 เวลา 15.22 น.
ดูทั้งหมด